บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 23 ให้นางเอากุญแจคลังสมบัติออกมา
บทที่ 23 ให้นางเอากุญแจคลังสมบัติออกมา
ทุกคนล้วนมองไปที่เย่จายซิง เจ้าพูดหนึ่งประโยคข้าพูดหนึ่งประโยค บอกให้นางรีบเอากุญแจออกมา
สีหน้าของเย่จายซิงนิ่งสงบ มุมปากของนางคล้ายจะมีรอยยิ้มบางๆ หากมองข้ามปานที่มีมากกว่าครึ่งหน้าของนาง ดูสง่าผ่าเผยไม่ธรรมดา
“เย่จายซิง กุญแจเล่า! เจ้าอายุเพียงน้อยนิด ไม่อาจผิดคำพูด! มิเช่นนั้นจวนแม่ทัพของเราไม่อาจรับเด็กเช่นเจ้าได้!”
ท่านรองเย่ชี้หน้าเย่จายซิง พูดด้วยความโมโห
“ท่านอารอง จวนแม่ทัพคือการค้าของครอบครัวที่ท่านพ่อของข้าสร้างด้วยตนเอง หากจะบอกว่าไม่อาจรับได้ เช่นนั้นคนที่สมควรย้ายออกไปคือพวกท่านกระมัง”
นางมองไปที่ทุกคน น้ำเสียงของนางเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน:
“พวกท่านจะรีบร้อนอะไรกัน ข้าไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะไม่เอากุญแจให้ เห็นพวกท่านร้อนใจเช่นนี้ คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าจวนแม่ทัพเลี้ยงหมาป่าหิวโซเอาไว้”
ถ้อยคำนี้ด่าทอคนตระกูลเย่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้ของพวกเขาไม่สู้ดีนัก แต่ว่าเมื่อเห็นนางทำเหมือนจะหยิบกุญแจออกมา ทุกคนจึงไม่ได้อาละวาด
เย่จายซิบหาของในแขนเสื้อช้าๆ ขณะที่ทุกคนคิดว่าในแขนเสื้อของนางไม่มีกุญแจ นางเพียงเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น จู่ๆ นางก็พูดขึ้น “หาเจอแล้ว”
ทันใดนั้นเอง ทุกสายตาจับจ้องไปที่เดียวกัน
เห็นนางหยิบกุญแจออกมาจากแขนเสื้อ
“นี่ไง นี่คือกุญแจที่ท่านพ่อเก็บเอาไว้ให้ข้าและยู่หยาง แต่ว่ากุญแจนี้ใช้กุญแจคลังสมบัติหรือไม่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจ เพราะข้าก็ไม่เคยลอง”
“พูดจาเหลวไหล เจ้าจะไม่เคยลองได้อย่างไร วันนั้นเจ้าหยิบยาขั้นสี่ออกมา เอายามาจากคลังสมบัติไม่ใช่หรือ?
เสียงเคร่งขรึมของท่านรองเย่
ถ้อยคำนี้ของนาง ทำให้คนมีลางสังหรณ์ไม่ดี คิดว่ากุญแจที่นางนำออกมานั้นคือของปลอม
เย่ยู่หยางกะพริบตาปริบๆ เป็นของปลอมหรือ?
เมื่อครู่ระหว่างออกมาจากจวนอ๋อง ท่านพี่เจตนาจอดรถม้าแล้วลงไปซื้อ ไม่ได้ซื้อแม่กุญแจ ซื้อเพียงกุญแจ ตอนนั้นเขาแปลกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าพี่สาวจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทุกคนรอเอากุญแจกับนาง
องครักษ์ลับเหยียนเฟิงก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน แค่ว่าเขาสวมหน้ากากสีดำ จึงไม่มีผู้ใดเห็นสีหน้าของเขา
“ผู้ใดว่ากัน? รอบๆ คลังสมบัติมีองครักษ์สิบกว่าคน ข้าไปหรือไม่ไป มีหรือที่ท่านอารองจะไม่รู้?”
เย่จายซิงหัวเราะ
คลังสมบัตินี้คือสมบัติที่ท่านพ่อเทพสงครามเก็บเอาไว้ให้นางกับน้องชาย คนพวกนี้กลับดียิ่งนัก เจตนาให้องครักษ์คอยเฝ้าเอาไว้ กลัวว่านางและยู่หยางจะไปเอาของด้านใน
ฮุหยินเฒ่าและลูกชายคนที่สองมองตากันครู่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นความจริง คลังสมบัติมีองครักษ์คอยเฝ้าตลอดเวลาทั้งสิบสองชั่วยาม แม้แต่แมลงวันตัวหนึ่งบินเข้าไปพวกเขาก็รับรู้ได้ เมื่อเห็นเช่นนี้ ยาของเย่จายซิงในวันนั้น ไม่ได้เอามาจากคลังสมบัติ
ฮูหยินโลภมาก แกล้งทำเป็นป่วยแล้วลุกขึ้นเจียง เดินไปดูกุญแจ
เย่จายซิงถอยหลัง ฮูหยินเฒ่าคว้าได้เพียงความว่างเปล่า
“น้องสี่กำลังทำสิ่งใด? หากท่านย่าล้มลงจะทำเช่นไร!”
เย่เจียหยูเดินเข้ามาหยุงฮูหยินเฒ่า
ฮูหยินเฒ่ามองค้อนไปที่เย่จายซิง: “เอากุญแจมา!”
“ท่านย่า ข้าขอบอกก่อน กุญแจดอกนี้ ท่านพ่อเป็นคนเก็บเอาไว้ให้ข้าและยู่หยาง แต่สำหรับเรื่องที่ว่าใช่กุญแจคลังสมบัติหรือไม่นั้น เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้”
เย่จายซิงจับกุญแจ หลังจากพูดจบ ปล่อยมือ ฮูหยินเฒ่ารับกุญแจเอาไว้ทันที
ทุกคนต่างโล่งอก ในที่สุดก็ได้กุญแจมาครอบครองแล้ว!
หากคือกุญแจที่เย่เจ๋อหยวนทิ้งเอาไว้ เช่นนั้นต้องเป็นกุญแจคลังสมบัติอย่างไม่ต้องสงสัย
ฮุหยินเฒ่าจับกุญแจนั้น เตรียมที่จะให้เย่จายซิงและเย่ยู่หยางไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชน เมื่อก่อนนางทำเช่นนี้บ่อยๆ ยามไม่สบอารมณ์ นางก็จะให้พวกเขาสองคนไปคุกเข่าในศาลบรรพชนหนึ่งคืน
แต่เมื่อนางเห็นองครักษ์ลับชุดดำ ไม่กล้าพูดจาเหลวไหล ครุ่นคิด เอ่ยถามเย่จายซิงกะทันหัน:
“วันนั้นเจ้าเอายาระดับสี่มาจากที่ใด?”
ได้ยินน้องหยูบอกว่า ยานั้นคุณภาพดียิ่งนัก หนึ่งเม็ดสามารถเทียบกับยาสามถึงสี่พัน แต่หลานทรพีคนนี้กลับไม่เอามาแสดงความกตัญญูให้ตนเอง ช่างอกตัญญูยิ่งนัก
เย่จายซิงเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาต้องถามที่มาที่ไปของยาอย่างแน่นอน นางพูดตาไม่กะพริบ:
“ยานั้นชายชราผมขาวท่านหนึ่งเป็นคนให้ข้า เขาบอกว่าเขาเป็นนักกลั่นยาขั้นเจ็ด ทั้งยังบอกว่าข้าเป็นนักกลั่นยาที่มีพรสวรรค์ซึ่งจะพบเจอในพันปี ดึงดันจะรับข้าเป็นลูกศิษย์ หลังจากถูกขอปฏิเสธ เขาก็ให้ยานั้นกับข้า ข้าเห็นว่าไร้ประโยชน์ จึงเอาให้สัตว์อสูรกิน”
“อะไรนะ?!”
“เหลวไหล!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“พูดจาพร่ำเพรื่อ! พูดจาเหลวไหล! เจ้าไม่ส่องกระจกดูตนเองเสียบ้าง เจ้าเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ เขาจะรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ได้อย่างไร!”
“นักกลั่นยาที่มีพรสวรรค์ซึ่งหายากในรอบพันปี? ขยะหายากในรอบพันปียังจะถูกเสียกว่า”
ทุกคนต่างพูดเยาะเย้ย มองนางด้วยแววตาที่มองคนโง่
แผ่นดินเทียนเหย้ามีนักกลั่นยาทั้งหมดเจ็ดขั้น หากมีนักกลั่นยาขั้นเจ็ดมาแคว้นหงส์แดง คนที่นักกลั่นยาชื่นชมย่อมเป็นน้องหยู ไม่ใช่นางเย่จายซิง
คุยโวโดยไม่รู้จักคิด ทั้งยังบอกว่าตนปฏิเสธนักกลั่นยาขั้นเจ็ด นางคงฝันกลางวัน เพ้อฝันเสียจริง!
“พวกท่านอยากจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ นี่มียาขั้นห้าอีกเม็ดหนึ่งที่เขาให้ข้า”
เย่จายซิงทำสีหน้าเกียจคร้านแล้วหยิบยาขั้นห้าขึ้นมา สีเขียวเข้มนั้น ทำให้ทุกคนตกตะลึงอ้าปากกว้าง คำพูดเย้ยหยันกลืนลงท้องไปหมดแล้ว
ยาขั้นห้าจริงๆ ด้วย!
สีและกลิ่นของยาที่ฟุ้งมานั้นไม่อาจทำของปลอมได้!
อีกมั้งยานี้มีสีเข้มกว่ายาขั้นห้าทั่วไปเล็กน้อย ไม่มีจุดด่างพร้อยใดๆ ต้องเป็นยาที่นักกลั่นยาเก่งๆ กลั่นอย่างแน่นอน
ในแคว้นหงส์แดง นักกลั่นยาขั้นห้าเพียงคนเดียวคือท่านพ่อพระยา แต่ยาที่เขากลั่นนั้น ดีไม่เท่ายาเม็ดนี้แม้เพียงครึ่หนึ่ง
ทุกคนๆ เชื่อคำพูดของนาง บางทีอาจจะมีนักกลั่นยาขั้นเจ็ดเรื่องชื่อคนหนึ่งให้ยานี้กับนางก็เป็นได้
แววตาของเย่เจียหยูเป็นประกาย รีบวิ่งแจ้นไปเกาะแขนเย่จายซิง พูด:
“น้องนี่ ไม่รู้ว่านักกลั่นยาคนนั้นเวลานี้อยู่ที่ใด?”
แม้แต่ขยะอย่างเย่จายซิงนักกลั่นยายังชมชอบ เช่นนั้นหากรู้ความสามารถในการกลั่นยาของตนแล้ว นักกลั่นยาขั้นเจ็ดจะรับตนเป็นลูกศิษย์หรือไม่?
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร เขาไม่ใช่อาจารย์ของข้าเสียหน่อย ข้าจะสนใจทำไมว่าเขาทำการใด”
เย่จายซิงสะบัดมือนาง พูดกับนาง
“พี่รอง ข้าไม่ชอบให้ผู้อื่นแตะตัวข้า ข้ารู้สึกรังเกียจ”
เย่เจียหยูเบิกตากว้าง เย่จายซิงรังเกียจนางเนี่ยน?
นางไม่รังเกียจเย่จายซิงที่อัปลักษณ์ราวกับภูตผีก็ดีเพียงใดแล้ว นางยังรังเกียจตนเนี่ยนะ!
เย่เจียหยูรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่เย่จายซิงจะไม่รู้ว่านักกลั่นยาเก่งกาจคนนั้นอยู่ที่ใด นางเพียงไม่อยากบอกตนเท่านั้น กลัวว่าตนจะแย่งความรุ่งโรจน์ไปจากนาง
หึ ขอเพียงนักกลั่นยาคนนั้นยังอยู่ในเมืองหลง เช่นนั้นนางย่อมมีวิธีตามหาเขา!
เย่เจียหยูแกล้งทำเป็นน้อยอกน้อยใจ พูด:
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรังเกียจข้า ช่างเถอะ คราวหน้าข้าจะไม่แตะต้องตัวเจ้าอีกแล้ว แต่ว่า ยาเม็ดนี้ เจ้ารีบเอาให้ท่านย่ากินเถอะ ท่านย่าป่วยหนัก กินยาเม็ดนี้แล้ว ต้องดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน”
“แฮ่กๆ! รีบเอายามาเร็วเข้า!”
ฮูหยินเฒ่ารไอเสียงดัง คล้ายจะไอจนเอาปอดออกมาอย่างไรอย่างนั้น
เย่จายซิงหัวเราะให้กับพวกเขา คนเหล่านี้ช่างไร้ยางอายจริงๆ อยากได้ทุกอย่าง
“หึ แต่ข้ารับปากเสด็จอาแล้วว่าจะให้ยานี้กับเหยียนเฟิง นี่คือค่าตอบแทนที่เขาเป็นองครักษ์ให้ข้า”
นางหันหลังแล้วยื่นยาให้เหยียนเฟิง
เหยียนเฟิงยื่นมือออกมารับยา นายท่านบอกว่าให้ฟังพระชายาทุกอย่าง แม้พระชายาจะให้เขาปลอมตัวเป็นสตรีเขาก็จะไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว
มองยาขั้นหาตกอยู่ในมือขององครักษ์ลับด้วยตนเอง ฮูหยินเฒ่าโมโหจนเกือบลุกจากเตียงคนป่วยแล้ว นางมีใจคิดอยากจะสังหารเย่จายซิงแล้ว
ยาล้ำค่าเช่นนี้ นางกลับเอาให้คนนอก!