บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 25 องครักษ์ลับตกตะลึง
บทที่ 25 องครักษ์ลับตกตะลึง
ไป๋จู๋วรู้สึกว่าตนไร้ประโยชน์ยิ่งนัก นางกลัวว่าหลังจากนี้คุณหนูและคุณชายของตนจะได้ใช้เพียงน้ำเย็นเท่านั้น นางร้อนใจจนขอบตาแดงก่ำ
เย่จายซิงมองดูสีหน้าของนาง ด้วยความพอใจ หญิงรับใช้คนนี้เป็นคนใสซื่อ ทั้งยังซื่อสัตย์และจงรักภักดีอย่างมาก บ่มเพาะเล็กน้อย ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าอาจจะให้ทำงานใหญ่ได้
“พอได้แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล อ๋องเซ่อเจิ้งให้องครักษ์กับข้ามาหนึ่งคน ข้าให้เขาขุดบ่อบาดาลในเรือน คราวหน้าพวกเราต้มน้ำในเรือน สำหรับพวกคนที่รังแกเจ้า วันข้างหน้าเจ้ามีโอกาสมากมายในการแก้แค้น”
สีหน้าของไป๋จู๋ซฉายความตกตะลึง องครักษ์ขุดบ่อบาดาลเป็นด้วยหรือ? ทำได้ทุกอย่างเชียวหรือ?
เหยียนเฟิงที่เฝ้าอยู่นอกเรือนไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก เขาเป็นถึงยอดฝีมือแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ พระชายาไม่ให้เขาสังหารคน แต่กลับให้เขาขุดบ่อบาดาล…
“เจ้านำยาตัวนี้กลับไปทา ช่วยลดบวม ทั้งยังลดรอยแผลเป็นและทำให้ผิวขาว พยายามทาเช้าและเย็น ไม่ถึงสิบวัน ก็จะเห็นผล”
เย่จายซิงยื่นขวดยาตรงหน้านางให้ไป๋จู๋ว
นี่คือยาที่นางใช้สำหรับลดรอยแผลเป็นเฉพาะ ใช้ได้กับทุกรอยแผลเป็น ทว่าในตอนหลังไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายนางได้ นางจึงไม่ได้ใช้ยาตัวนี้
“ยาล้ำค่าเช่นนี้ ข้าน้อยไม่อาจรับไว้”
ทว่าไป๋จู๋วกลับปฏิเสธ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีผู้ใดให้ของกับนาง นางซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่นางเป็นเพียงหญิงรับใช้ ทั้งยังหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่อาจสิ้นเปลืองของของคุณหนู
“บอกให้เจ้าเอาไปก็เอาไป ทาทุกวันด้วย เจ้าไปพักเถอะ เจ้าไม่ต้องรับใช้ข้าแล้ว”
น้ำเสียงของนางไม่อาจยอมให้ผู้อื่นปฏิเสธได้ ไป๋จู๋วจึงเดินถือขวดยาออกไปราวกับของล้ำค่า
เย่จายซิงปิดประตู หยิบขลุ่ยหยกขึ้นมา แล้วเคาะเบาๆ สองครั้ง
ไม่นาน งูพิษสามเขาสีดำก็เลื้อยเข้ามาจากนอกหน้าต่าง
นี่คือสัตว์อสูรขั้นสี่…งูเกล็ดดำมันอาศัยอยู่ใต้พื้นดินของจวนแม่ทัพ กินสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็นอาหาร เป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง คือสัตว์อสูรที่นางร้องเรียกมา
“เจ้าไปหาฮูหยินเฒ่า สถานการณ์เป็นอย่างไรแล้วมาบอกข้า”
นางใช้ดวงจิตพูดคุยกับสัตว์อสูร นางเรียนรู้วิชานี้มาจากคัมภีร์โบราณ แม้จะเป็นนกกระจอกที่โง่เขลา นางก็สามารถสื่อสารกับมันได้
ส่วนการร้องเรียกสัตว์วิเศษ ขลุ่ยหยกของนางเป็นตัวกลางสำคัญ นางใช้เสียงแผ่วเบาของขลุ่ยหยก แม้จะเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ห่างไกลก็สามารถรับรู้ได้ แล้วถูกร้องเรียกมา
ในแผ่นดินเทียนเหย้า ผู้ร้องเรียกสัตว์อสูรก็ใช้วิธีการบางอย่างนี้เหมือนกัน ในการร้องเรียกสัตว์ แค่ว่าไม่ได้ง่ายดายเหมือนเย่จายซิง พวกเขาต้องใช้เวลานาน
หากผู้ร้องเรียกสัตว์เห็นภาพนางร้องเรียกงูเกล็ดดำเช่นนี้ เกรงว่าจะตกใจมากๆ อย่างแน่นอน
งูเกล็ดดำพยักหน้าราวกับมนุษย์ จากนั้นเลื้อยออกไป
เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม งูเกล็ดดำกลับมา เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับฮูหยิงเฒ่าด้วยภาษาสัตว์
หมอมาดูอาการของฮูหยินเฒ่าแล้ว แต่ไม่เห็นความผิดปกติแต่อย่างใด เพราะฮูหยินเฒ่ายังคงไม่ได้สติ นางจึงไม่อาจบอกอาการให้หมอได้
เย่จายซิงยิ้ม พิษของนาง หมอทั่วไปตรวจพบก็คงบ้าไปแล้ว
หมอคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก อาจจะเป็นเพราะฮูหยินเฒ่าดีใจจนเกินไป จึงทำให้หมดสติ หลังจากฟื้นขึ้นมาก็น่าจะดีขึ้น
ด้วยเหตุนี้พวกท่านรองเย่และท่านสามเย่ล้วนไม่ใส่ใจ แต่กลับร้อนใจอยากจะได้กุญแจไปเปิดคลังสมบัติ
เพราะถึงอย่างไรทุกคนต่างรู้ดีว่าด้านในคลังสมบัติมีขุมทรัพย์มหาศาล กุญแจอยู่ในมือแล้ว แต่กลับไม่ได้ของล้ำค่ามาครอบครอง จึงใจร้อนยิ่งนัก
แต่พวกเขาไม่อาจทำสิ่งใดได้ ฮูหยินเฒ่าไม่ฟื้น พวกเขาก็ไม่กล้าเอากุญแจออกมา
แต่ว่าบ้านรองและบ้านสามต่างไม่ไว้ใจกัน ล้วนกลัวว่าอีกฝ่ายจะขโมยกุญแจ ดังนั้นฮูหยินรองนางเสิ่นและฮูหยินสามนางโจวจึงอยู่เฝ้า บอกว่าจะดูแลปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินเฒ่า แต่ความเป็นจริงคือจับตาดูอีกฝ่าย
เย่จายซิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย หยิบกุญแจคล้ายๆ กันขึ้นมาหนึ่งดอก
“เจ้าดำ เจ้าเอากุญแจนี้ ใส่เข้าไปในที่ที่ฮูหยินเฒ่าซ่อนกุญแจ ส่วนกุญแจก่อนหน้านี้ เจ้าซ่อนมันเอาไว้ แล้วไปที่บ้านสาม ใช้พิษเพียงเล็กน้อย กัดท่านสามเย่”
นางทำความเข้าใจตั้งแต่แรกแล้ว ท่านสามเย่เย่เจ๋อบูคนนี้ ติดการพนัน มีหนี้มากมาย
ดังนั้น โยนความผิดให้บ้านสามจึงเหมาะสมที่สุด ให้พวกเขาทะเลาะกันเอง
งูเกล็ดดำรับกุญแจแล้วเลื้อยออกไป
งูเกล็ดดำคือสัตว์อสูร ไม่ใช่งูทั่วไป พิษของงูเกล็ดดำทำให้คนหมดสติในระยะเวลาสั้นๆ ใส่กุญแจเข้าไปเช่นนี้ เหมาะให้งูเกล็ดดำทำมากที่สุด
ยามค่ำคืนเงียบสงัด
จู่ๆ ที่บ้านสามก็มีเสียงร้องตะโกนดังขึ้น จากนั้นก็เปี่ยมไปด้วยความวุ่นวาย
ฮูหยินสามนางโจวที่อยู่ในห้องของฮูหยินเฒ่าตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียง นางก็รีบให้หญิงรับใช้คนสนิทของตนไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางไม่อาจไปได้ นางต้องคอยจับตาดูนางเสิ่น
อย่างรวดเร็วหญิงรับใช้ก็กลับมา บอกว่า “ฮูหยินเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านชายสามถูกงูดำขนาดใหญ่กัด แต่ว่าโชคดีที่พิษไม่ร้ายแรง กินยาถอนพิษแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ”
“อยู่ดีๆ จะถูกงูกัดได้อย่างไร?”
ใบหน้าของนางเสิ่นเปี่ยมไปด้วยความหวาดระแวง กลอกตาไปมา ยิ้มแล้วพูดกับนางโจว:
“น้องสะใภ้ เช่นนั้นเจ้ากลับไปดูแลน้องสามก่อนเถอะ ข้าเฝ้าท่านแม่เอง อย่างมากข้าเพียงเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย”
นางโจวรีบส่ายหน้า “ได้อย่างไรกัน จะให้พี่สะใภ้ร้องลำบากแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร ในเมื่อสามีไม่เป็นอะไรมาก เช่นนั้นข้าจะเฝ้าท่านแม่ต่อไป หากพี่สะใภ้รองรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเช่นนั้นกลับไปงีบสักประเดี๋ยวเถอะ”
นางเสิ่นยิ้มแห้ง: “เพื่อสุขภาพร่างกายของท่านแม่แล้ว พวกเราเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยจะเป็นอะไรไป”
พูดจบ ทั้งสองกลับไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง เบิกตากว้าง
เจ้าหวาดระแวงข้า ข้าหวาดระแวงเจ้า ต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อใจกัน
ภายในจวนกลับสู่ความสงบ
เย่จายซิงเปลี่ยนเป็นชุดสีดำ เดินออกไปจากห้อง
เหยียนเฟิงสร้างม่านพลังเก็บเสียงเอาไว้หนึ่งชั้น เวลานี้กำลังขุดบ่อบาดาล กล่าวได้ว่าตั้งใจทำงานอย่างมาก
นางแตะม่านพลัง เหยียนเฟิงรีบออกมาจากบ่อบาดาลด้วยสภาพที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น
“พระชายา ใกล้จะขุดบ่อบาดาลเสร็จแล้วขอรับ พรุ่งนี้ก็สามารถใช้ได้แล้วขอรับ”
เขาเห็นนางสวมชุดสีดำ ถามด้วยความสงสัย:”พระชายาจะออกไปเช่นนั้นหรือ?”
รู้สึกดีใจเล็กน้อยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เป็นจริงตามคาด เขาไม่เหมาะกับงานขุดบ่อบาดาล การฆ่าคนเหมาะกับเขามากกว่า
ยามค่ำคืนลมแรง เหมาะแก่การสังหารคน
“อืม ท่านตามข้ามา ข้าจะไปคลังสมบัติ ประเดี๋ยวเจ้าโปรยผงพิษเหล่านี้ออกไป ผงพิษจะทำให้คนเกิดภาพหลอน เจ้าต้องระวังอย่าสูดดมเข้าไปล่ะ”
เย่จายซิงยื่นผงพิษให้เขาหนึ่งถุง
เหยียนเฟิงเก็บเอาไว้ หลังจากนั้นก็ออกไปเปิดทางให้นาง
เดินอ้อมองครักษ์ในจวนได้อย่างง่ายดาย เย่จายซิงและเหยียนเฟิงไปถึงคลังสมบัติอย่างดรวดเร็ว เหยียนเฟิงโปรยผงพิษไม่นาน บรรดาองครักษ์ก็สายตาเหม่อลอย
เย่จายซิงเดินเข้าไปอย่างโอ่อ่า ราวกับพวกองครักษ์มองไม่เห็นนางอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
เหยียนเฟิงแปลกใจยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าจะมีผงพิษที่ได้ประสิทธิภาพเช่นนี้
“พระชายา ท่านมีกุญแจหรือไม่?”
เหยียนเฟิงถาม เพราะเขาพบว่าแม่กุญแจนี้สร้างจากวัสดุพิเศษ ด้านในมีเครื่องกลที่ละเมียดละไม แม้แต่เขาก็ไม่อาจเปิดได้
“แน่นอนว่าไม่มี หากข้ามี ข้าคงเปิดไปนานแล้ว”
เหยียนเฟิงเกือบยืนทรงตัวไม่อยู่ ไม่มีกุญแจ แล้วจะเปิดคลังสมบัติอย่างไร?
พระชายาไม่มีกุญแจ แล้วเหตุใดจึงมั่นใจเช่นนี้
“เพียงเปิดกุญแจเท่านั้น เอาชนะข้าได้หรือ?”
เย่จายซิบหยิบเส้นลวดธรรมดาๆ ขึ้นมาหนึ่งเส้น นึกถึงในอดีต มีแม่กุญแจใดบ้างที่นางไม่เคยเปิด แม้แต่แม่กุญแจตัวใหม่ล่าสุดของสหพันธ์ก็ไม่อาจเอาชนะนางได้ ของโบราณเช่นนี้ย่อมไม่ยี่หระ
แน่นอนว่าเหยียนเฟิงย่อมไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ สีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ โชคดีที่มีหน้ากากบดบัง มิเช่นนั้นพระชายาคงจะเห็นแล้ว
เขาคิดว่าพรุ่งนี้จะรายงานนายท่าน ให้นายท่านส่งคนที่เปิดกุญแจเป็นมาเปิดคลังสมบัติให้พระชายา
ขณะที่เขากำลังคิดกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียง “กริ๊ก” ดังขึ้น ไขกุญแจได้แล้ว!!