บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 27 ประมูลเพลิงพิลึก
บทที่ 27 ประมูลเพลิงพิลึก
เมื่อหนึ่งปีก่อนเย่จายซิงก็เป็นนักกลั่นยาขั้นห้าแล้ว
เพราะไม่มีตำรับยาของขั้นที่หก ดังนั้นนางจึงไม่เคยลองฝึกกลั่นยาขั้นที่หก
เวลานี้นางกลั่นยาขั้นห้าจนเชี่ยวชาญแล้ว ดังนั้นเมื่อมีความท้าทายใหม่ๆ เข้ามา นางก็อยากจะลอง
ยิ่งไปกว่านั้น ยาแปลงโฉมเช่นนี้ เป็นอาวุธที่ใช้ในการโกงชัดๆ วันข้างหน้าทำการใดที่ไม่อาจเปิดเผยตัวตน ก็เปลี่ยนหน้าตาก็พอแล้ว ทั้งสะดวกและรวดเร็ว
อาศัยที่ยังพอมีเวลาเล็กน้อยก่อนตะวันจะขึ้นขอบฟ้า นางฝึกกลั่นยาดูสักหน่อย ให้เจ้าไป๋เตรียมยาวิเศษมากมายให้เรียบร้อยน้อย นางจดจำขั้นตอนการกลั่นยาบนตำรับยาให้ละเอียด ทำการคิดในใจสองสามครั้ง ก็เริ่มกลั่นยา
เป็นจริงตามคาดยาขั้นหกไม่ได้กลั่นกันง่ายๆ เพียงวิธีการสกัดยาก็ซับซ้อนอย่างมาก อยู่บนเปลวไฟ ต้องระมัดระวังอย่างมาก ไม่อาจผิดพลาดแม้แต่น้อย
เย่จายซิงสัมผัสได้ถึงความเหน็ดเหนื่อย ไม่ใช่เพราะนางไม่มีเรี่ยวแรง แต่เพราะเพลิงพิลึกอ่อนเกินไป จึงทำให้ในตอนหลังหมดแรง
“ใกล้จะสำเร็จแล้ว!”
สุดท้าย นางเหงื่อแตก ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว เจ้าไป๋คอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
ติ๊งต๊อง!
กลั่นยาสำเร็จ!
กลิ่นหอมลอยฟุ้งออกมาจากหม้อกลั่นยา นี่คือกลิ่นเฉพาะของยาขั้นหก
ใบหน้าของเย่จายซิงฉายรอยยิ้ม เจ้าไป๋ส่งเสียงดีใจ
คิดไม่ถึงว่าจะกลั่นยาสำเร็จได้ในครั้งเดียว นายท่านช่างเก่งกาจยิ่งนัก
นางเปิดหม้อกลั่นยา ด้านในมียาสีน้ำเงินหนึ่งเม็ด สีนี้ คือสีของยาขั้นหก
“หน้าตาทั่วไป ระดับของเพลิงพิลึกต่ำเกินไปแล้ว”
นางหยิงยาขึ้นมา ถอนหายใจเล็กน้อย
“มีสิ่งแปดเปื้อนเล็กน้อยเท่านั้น นายท่าน เป็นเพราะยาที่ท่านกลั่นในอดีตคุณภาพดีเกินไป ดังนั้นจึงรู้สึกว่าคุณภาพของยาแปลงโฉมเม็ดนี้ทั่วไป ความเป็นจริงเมื่อนำออกไป ต้องเป็นที่ต้องการอย่างแน่นอน!”
เจ้าไป๋ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก ก่อนหน้านี้นายท่านบอกว่านักกลั่นยาขั้นหกและขั้นเจ็ดในแผ่นดินเทียนเหย้ามีน้อยมาก ตอนนี้ นายท่านอายุยังน้อย ก็สามารถเป็นนักกลั่นยาขั้นหกแล้ว พูดกล่าวออกไป ผู้อื่นล้วนไม่เชื่อ
“ว้าว จริงด้วย มีวิธีหนึ่งที่สามารถเลื่อนขั้นเพลิงพิลึกได้!”
เจ้าไป๋ตบศีรษะของตนเองกะทันหัน
เย่จายซิงมองไปที่เขา: “วิธีการใด?”
“ให้เพลิงพิลึกของนายท่านกลืนกินเพลิงพิลึกของผู้อื่น!”
……
“คุณหนู องครักษ์ของคุณหนูขุดบ่อบาดาลจริงๆ เจ้าค่ะ!”
แต่เช้าตรู่ ไป๋จู่วตักน้ำในบ่อบาดาลแล้วเดินเข้ามา ปรนนิบัติรับใช้เย่จายซิงในการล้างหน้า
เย่จายซิงเห็นแก้มของนางบวมน้อยลง อีกทั้งผิวของนางยังขาวขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้เด่นชัดมาก แต่ก็อธิบายได้ว่าไป่จู๋วทายาที่ตนให้อย่างเชื่อฟัง
“เจ้าไปตามเหยียนเฟิงเข้ามาครู่หนึ่ง”
หลังจากล้างหน้าเสร็จ นางบอกกับไป่จู๋ว
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยรวดไปเตรียมอาหารเช้าให้คุณหนูและคุณชายน้อยที่โรงครัวด้วย”
“ช้าก่อน ไม่ต้องไปโรงครัว ข้าให้เงินแก่เจ้า เจ้าเอาไปให้คนในจวน หลังจากนั้นก็ออกไปซื้ออาหารด้านนอกเข้ามา”
เย่จายซิงให้เงินเศษเงินจำนวนมากกับนาง
นางไปโรงครัวเวลานี้ ต้องมีคนกลั่นแกล้งนางอย่างแน่นอน ประจวบเหมาะเย่จายซิงอยากจะเห็นความสามารถของนาง ถือเป็นการทดสอบนาง
ไป่จู๋วรับเงิน สีหน้าของนางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“กลัวอะไร เจ้าคือหญิงรับใช้ของข้า มีข้าคอยหนุนหลัง ผู้อื่นทำร้ายเจ้า เจ้าก็โต้กลับไป จำเอาไว้ เจ้าคือคนของข้า ผู้อื่นทำร้ายเจ้า ก็เท่ากับตบหน้าข้า เจ้าอย่าทำให้ข้าขายหน้า เข้าใจหรือไม่?”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”
ไป๋จู๋วเม้มกัดริมฝีปาก พยักหน้า นางไม่มีวันทำให้คุณหนูขายหน้าเด็ดขาด!
“ไปเถอะ”
ไป๋จู๋วออกไป ตามเหยียนเฟิงที่อยู่นอกเรือนเข้ามา
“พระชายา ท่านเรียกข้าน้อยมารับใช้หรือขอรับ?”
“อืม ข้าอยากถามเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ใดมีเพลิงพิลึก?”
“เพลิงพิลึก?”
เหยีนยเฟิงไม่รู้ว่านางเอาเพลิงพิลึกไปทำสิ่งใด เขาจึงพูดตามตรง:
“เพลิงพิลึกในโลกมีไม่มาก นักกลั่นยาต้องใช้เพลิงพิลึกในการกลั่นยา ดังนั้นเมื่อเพลิงพิลึกปรากฏตัว เช่นนั้นล้วนมีคนช่วงชิงกัน แต่ข้าน้อยรู้ว่า งานประมูลในสหการค้าผานหลงค่ำคืนนี้ มีเพลิงพิลึกเข้าร่วมการประมูลหนึ่งเปลวไฟ”
“เป็นเพลิงพิลึกขั้นใด?”
เย่จายซิงถามเขา
“เพลิงพิลึกขั้นสาม——อัคคีผนึกนภากาฬ”
เพลิงพิลึกขั้นสาม!
แววตาหงส์ของนางมีลำแสงต้องได้ครอบครองแล่นผ่าน
เพลิงเทวจิ่วโยของนางคือเพลิงพลึกขั้นหนึ่ง หากกลืนกลินเพลิงพิลึกขึ้นสามเข้าไป เช่นนั้นก็จะข้าสู่เพลิงพิลึกขั้นสี่ ช่วยในการกลั่นยาของนางอย่างมาก
“เหยียนเฟิง เจ้าช่วยสืบให้ข้าน้อย ประมูลอัคคีผนึกนภากาฬต้องใช้เงินเท่าใด”
“พระชายา หากท่านอยากจะได้ ท่านบอกนายท่าน ให้นายทานซื้อให้ท่านได้ขอรับ”
เหยียนเฟิงพูด
เย่จายขมวดคิ้วเป็นปม พูด:
“ข้ากับนายของท่านยังไม่ได้แต่งงานกัน จะให้เขาซื้อของให้ข้าได้อย่างไร เจ้าช่วยข้าสืบก็พอแล้ว ข้าคิดหาวิธีเอง”
นางรู้ว่าเหยียนเฟิงต้องบอกจวินหยวนอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรจวินหยวนต่างหากที่เป็นนายที่แท้จริงของเขา นางหวาดระแวงว่าการที่จวินหยวนให้เหยียนเฟิงมาเป็นองครักษ์ของนาง คือการจับตามองนาง
แต่เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่านางอยากจะปิดบังแล้วจะปิดบังได้ จวินหยวนรู้ก็รู้ไป นางไม่อาจไม่ทำการใด เพื่อเลี่ยงเขา
“ขอรับ ข้าน้อยไปสืบเดี๋ยวนี้ขอรับ”
เหยียนเฟิงหายไปตรงหน้า
เย่จายซิงเด็ดกลีบดอกไม้ในแจกันออกมาหนึ่งกลีบ ด่าทอจวินหยวนเสียงเบา
จวินหยวนตามตอแยนาง เวลานี้นางรู้สึกเหมือนไม่อาจสลัดเขาไปจากชีวิตได้
ปัญหาคือ ถึงแม้เขาจะมีใบหน้าหล่อเหลา อายุน้อยและมั่งคั่ง แต่เขาคนนี้อันตรายยิ่งนัก ไม่แน่ว่าอาจจะมีแผนการ้าย มิเช่นนั้น จะเพียงเพราะแหวนหนึ่งวันและความฝันเดียวกัน ยืนกรานที่จะแต่งงานกับสตรีอัปลักษณ์เช่นนางได้อย่างไร?
แต่ว่านางก็สงสัยยิ่งนัก เหตุใดแหวนโบราณของนางจึงเหมือนกับของจวินหยวน ต้องรู้ว่า แหวนวงนี้นางนำมาจากโลกยุคปัจจุบัน ส่วนหจวินหยวนอยู่ในแผ่นดินเทียนเหย้า มาจากสองโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว เรื่องเกี่ยวกับจวินหยวน ค่อยๆ ดูไปทีละก้าวก็แล้วกัน
ทว่าองครักษ์ลับที่จวินหยวนส่งมาให้นาง นางใช้อย่างเต็มที่ ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่มาจับตาดูนาง นางใช้งานองครักษ์โดยไม่ได้รู้สึกลำบากใจ
เรือนคงจิต
นางเสิ่นและนางโจวไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน อิดโรยยิ่งนัก หาวฟอดใหญ่
“เหตุใดท่านแม่จึงยังไม่หาย? เมื่อวานท่านหมอบอกว่านอนเพียงตื่นหนึ่งก็หายแล้ว แต่ท่านแม่กลับไม่มีทีท่าจะตื่น”
“จริงด้วย ท่านแม่เป็นเช่นนี้ทำให้รู้สึกปวดใจยิ่งนัก เช่นนั้น เชิญหมอหลายๆ คนมาดูดีหรือไม่”
ทั้งสองไม่ได้สงสารฮูหยินเฒ่าแต่อย่างใด พวกนางกลัวว่าฮูหยินเฒ่าจะไม่ฟื้นขึ้นมา เพราะถึงอย่างไรพวกนางก็รอเปิดคลังสมบัติและนำขุมทรัพย์มาแบ่งกัน
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ท่านรองเย่และคุณหนูรองเย่เจียหยูเดินมา
“ท่านแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?” ท่านรองเย่ถามนางเสิ่น
“ยังเจ้าค่ะ พวกเราร้องเรียกท่านแม่ครู่หนึ่งแล้ว แต่ท่านแม่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ”
สีหน้าของนางเสิ่นฉายความกังวล
“ท่านแม่เป็นเช่นนี้ ช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก”
สีหน้าของเย่เจียหยูเศร้าหมอง ใบหน้าไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทินผิว คล้ายกับว่าเป็นห่วงฮูหยินเฒ่า ดังนั้นจึงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
“เชิญหมอมา หากท่านแม่ยังไม่ตื่น พวกเราก็เอากุญแจไปเปิดคลังสมบัติกัน”
ท่านรองเย่พูด
เหตุผลที่เขาร้อนใจเช่นนี้ เป็นเพราะที่งานประมูลผานหลงในวันนี้มีเพลิงพิลึกขั้นสาม ลูกสาวคนรองน้องหยูมีพรสวรรค์ด้านการกลั่นยา หากสามารถได้รับเพลิงพิลึกขั้นสาม วันข้างหน้าต้องเป็นนักกลั่นยาที่มากความสามารถอย่างแน่นอน รุ่งโรจน์ยิ่งนัก
แต่ว่าบ้านรองของพวกเขาไม่มีเงิน ดังนั้นจึงจำต้องเปิดคลังสมบัติ เพื่อเอาเงินออกมา
“ทำเช่นนั้นได้อย่างไร เรื่องนี้ท่านแม่เป็นคนตัดสินใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอนางฟื้นก่อนค่อยว่ากัน!”
นางโจวไม่เห็ฯด้วย นางเสิ่นไม่มีลูกชาย บ้านรองของพวกเขามีลูกสาวสามคนไม่มีลูกชาย เมื่อสองวันก่อนยังเสียลูกสาวอนุภรรยาไปคนหนึ่ง
เมื่อถึงเวลาท่านแม่แบ่งสมบัติ ต้องให้บ้านสามของพวกเขามากกว่าเล็กน้อยแน่นอน เพราะถึงอย่างไรนางก็มีลูกชายสองคน เป็นหลานชายของตระกูลเย่ สามารถสืบทอดตระกูลให้กับตระกูลเย่ได้
หากให้บ้านรองเปิดคลังสมับติ เช่นนั้นบ้านสามของพวกเขาต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน