บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 29 จวนแม่ทัพที่วุ่นวาย
บทที่ 29 จวนแม่ทัพที่วุ่นวาย
“นายน้อย สตรีที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่าง คือคุณหนูรองเย่เจียหยูญาติผู้พี่ของคุณหนูสี่เย่ขอรับ”
บ่าวรับใช้บอกกับลั่วกูหยุน
“อ่อ ซึ่งก็คือสตรีที่ป้ายสีเย่จายซิงบนท้องถนนบอกว่าเย่จายซิงขโมยยาของนาง?”
ลั่วกูหยุนได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนแล้ว เพราะถึงอย่างไรจวินหยวนก็พาเย่จายซิงกลับจวนอ๋อง เรื่องนี้แพร่สะพัดไปแล้ว
ดื่มน้ำชาหลังมื้ออาหาร เรื่องที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุดก็คือเรื่องนี้
แต่ว่า ทุกคนต่างรู้สึกว่า จวินหยวนพาเย่จายซิงกลับจวนอ๋องเป็นเพราะเห็นแก่หน้าบิดาของนางที่เป็นเทพสงคราม ไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้วจวินหยวนชมชอบนาง อยากจะให้นางเป็นพระชายา
หากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง เขาเองก็คงไม่เชื่อว่าจวินหยวนจะชอบหญิงอัปลักษณ์ที่ไม่อาจฝึกยุทธ์คนนี้
แต่ว่าเรื่องต่างๆ ไม่อาจมองเพียงเปลือกนอก เขารู้สึกว่าเย่จายซิงอัปลักษณ์เล็กน้อย แต่ว่านางมักจะสร้างเรื่องประหลาดใจให้เสมอ
เพราะเหตุนี้ เขาจึงคิดว่าคุณหนูรองเย่คนนี้ต้องไม่ใช่สตรีจิตใจดีและอ่อนโยนตามที่ผู้คนว่ากัน เขาเกลียดผู้หญิงที่เบื้องหน้าเป็นอีกอย่างลับหลังเป็นอีกอย่างที่สุด
“ถูกต้องขอรับ นายน้อย คือนางคนนี้”
บ่าวรับใช้ตอบ
ลั่วกูหยุนลูบคาง ยกมุมปากขึ้นหัวเราะเย้ยหยัน
“ให้สตรีคนนี้คุกเข่าอีกสักประเดี๋ยว ประเดี๋ยวข้าจะใช้ผู้หญิงคนนี้เป็นทางผ่านเพื่อไปพบเย่จายซิงที่จวนแม่ทัพ ข้ายังต้องขอบคุณตำรับยาของนาง!”
เย่เจียหยูคุกเข่าประมาณหนึ่งชั่วยามกว่า หัวเข่าเย็นยะเยือก ทั้งปวดและทั้งชา มีคนมุงดูนางมากมาย ถึงแม้ล้วนกล่าวชื่นชมนาง แต่นางคุกเข่ามานานเช่นนี้แล้วหมอเทวดาลั่วยังไม่ออกมา ทำให้นางรู้สึกโดนดูถูก
นางก้มหน้าลง ความแค้นแล่นผ่านแววตาของนาง
หรือว่าจะให้นางคุกเข่าต่อไปเช่นนี้? ขืนคุกเข่าต่อไป หัวเข่านางต้องบวมแน่ๆ
ขณะที่นางกำลังจะหาข้ออ้างในการลุกขึ้น จู่ๆ ก็มีเสียงคนหนึ่งตะโกนขึ้น:
“หมอเทวดาลั่วออกมาแล้ว!”
เย่เจียหยูเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มรูปโฉมหล่อเหลาสะท้อนเข้ามาในสายตาของนาง เขาสวมชุดผ้าชั้นดีราคาแพง เพียงแค่มองก็รู้ว่าเป็นคุณชายในตระกูลมั่งคั่ง สง่าผ่าเผยไม่ธรรมดา
ดวงตาของนางทอประกาย คิดไม่ถึงว่าหมอเทวดาลั่วจะหล่อเหลาเช่นนี้ เหนือความคาดหมายของนาง คู่ควรกับนางยิ่งนัก
“หมอเทวดาลั่ว ช่วยสามีของข้าด้วย!”
“หมอเทวดาลั่วได้โปรดไปดูอาการของท่านแม่ข้าด้วย!”
ทันทีที่ลั่วกูหยุนออกมา ทุกคนก็กรูกันออกไป ให้เขารักษา
เย่เจียหยูคุกเข่าบนพื้น ถูกผู้อื่นเหยียบไปสองสามครั้งอย่างไม่ทันระวัง
นางก่นด่าในใจ แล้วรีบลุกขึ้น ฝ่าฝูงชนไปอยู่ด้านหน้าสุด จากนั้นเสียงคุกเข่าก็ดังขึ้น นางมองลั่วกูหยุนด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า:
“หมอเทวดาลั่ว ท่านได้โปรดช่วยท่านย่าของข้าด้วย ท่านย่านอนไม่ได้สติบนเตียง ข้าในฐานะหลานสาว ทุกข์ทรมานใจยิ่งนัก อยากจะเจ็บป่วยแทนท่านย่าเหลือเกิน หากท่านไม่รับปาก เช่นนั้นข้าจะคุกเข่าเช่นนี้ไม่ยอมลุกขึ้น!”
ลั่วกูหยุนมองท่าทีเสแสร้งของนางแล้ว อยากจะจิ้มตาตนเองให้บอดจริงๆ
ในฐานะนายน้อยของตระกูลใหญ่ เขาพบเจอสตรีเช่นนี้มากมายตั้งแต่อายุสิบห้าสิบหก ตอนแรกเขาถูกภายนอกหลอกลวง ในตอนหลังกลายเป็นคนที่เข้าใจสตรีอย่างถ่องแท้ ดังนั้นเขาเพียงแค่ฟังคำพูดของเย่เจียหยูก็รู้แล้วว่านางกำลังเสแสร้ง
ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก
แต่เพื่อไปเจอเย่จายซิง เขาจึงทำได้เพียงอดทนครู่หนึ่ง
เขาไม่อยากเสวนากับเย่เจียหยู จึงส่งสายตาไปให้บ่าวรับใช้
“เจ้าลุกขึ้นเถอะ นายน้อยรับปากเจ้าแล้ว เชิญนำทาง”
บ่าวรับใช้รู้ใจนายเป็นอย่างดี พูดกับเย่เจียหยู
เย่เจียหยูประหลาดใจอย่างมาก มีคนมากมายขอร้องเขา แต่เขากลับเลือกนาง ดูเหมือนว่าตนจะมีเสน่ห์ล้นหลาม ทำให้หมอเทวดาลั่วหลงเสน่ห์
ผู้ติดตามคนนี้เรียกเขาว่า “นายน้อย” ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนายน้อยของตระกูลลั่วจริงๆ
นางเคยได้ยินพี่สาวที่อยู่เฉินตูบอกว่า ตระกูลลั่วคือหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเฉินตู หากสามารถตบแต่งเข้าตระกูลลั่วได้ ชีวิตนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องใดแล้ว
นางแสร้งทำเป็นยืนทรงตัวไม่อยู่ อยากจะล้มทับลั่วกูหยุน อยากจะคว้าหัวใจของเขา ก็ต้องใจกล้า แต่ว่านางยังไม่ทันล้มลง ก็ถูกผู้ติดตามที่มือไวตาเร็วพยุงตัวเอาไว้แล้ว
“คุณหนูรองเย่โปรดระวัง นายน้อยของเขาไม่ชอบการสัมผัสกับผู้อื่นเป็นที่สุด”
เย่เจียหยูกระอักกระอ่วนยิ่งนัก “ประทานโทษด้วย ข้าเพียงเท้าชา”
นางก่นด่าผู้ติดตามในใจว่ายุ่งไม่เข้าใจเรื่อง เห็นชัดว่าหมอเทวดามีใจให้นาง หากผู้ติดตามไม่พยุงนางเอาไว้ หมอเทวดาลั่วต้องพยุงนางอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าโอกาสในการถึงเนื้อถึงตัวที่ดีเช่นนี้จะถูกบ่าวรับใช้ขัด
นางทำได้เพียงหวังว่าระหว่างทางกลับจวน สามารถได้ใกล้ชิดกับหมอเทวดาลั่ว
ท่วาผู้ใดจะคาดคิด หมอเทวดาลั่วเตรียมรถม้าเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีท่าทีจะเชิญนางเข้าไปนั่งด้านใน นางจึงทำได้เพียงเดินนำหน้า โชคดีที่จวนแม่ทัพไม่ไกลเท่าใดนัก
“คุณหนู คุณหนูรองเชิญหมอเทวดาลั่วมาดูอาการฮูหยินเฒ่าเจ้าค่ะ เมื่อครู่สาวใช้มากมายต่างบอกว่าคุณหนูรองช่างเก่งกาจยิ่งนัก เชิญได้แม้กระทั่งหมอเทวดาลั่ว”
ไป๋จู๋วกลับมาจากด้านนอก รายงานสิ่งที่นางไปสืบมาเมื่อครู่ให้เย่จายซิงฟัง
ตอนเช้าให้นางไปซื้ออาหารเช้า รวดให้สินบนสาวใช้คนอื่นๆ คิดไม่ถึงว่านางจะทำได้ดี ทั้งยังเชื่อมสัมพันธ์กับบ่าวรับใช้คนเฝ้าประตูทั้งสองคน ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นในจวน ล้วนรู้ในทันที
อธิบายได้ว่าไป๋จู๋วมีความสามารถ แค่ว่าก่อนหน้านี้นางดูถูกตนเองเกินไป
“ข้าว่าเจตนาของลั่วกูหยุนไม่ได้อยู่ที่ฮูหยินเฒ่า ไปกันเถอะ ประจวบเหมาะ ข้าจะพาเจ้าไปดูเรื่องสนุก”
เย่จายซิงเหยียดแขนบิดขี้เกียจ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น
ไป๋จู๋วไม่เข้าใจที่คุณหนูพูด อยากจะรู้ยิ่งนักว่ามีเรื่องสนุกใด
อย่างรวดเร็ว พวกนางก็ไปถึงเรือนคงจิต
ลั่วกูหยุนกำลังจับชีพจรให้ฮูหยินเฒ่า ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจ แต่ว่าในตอนหลัง พบว่าฮูหยินเฒ่าน่าจะถูกวางยาพิษ หมอทั่วไปดูไม่ออก แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขา
เขาก็เริ่มสนใจขึ้นมาทันที เขาจะดูสิว่าหญิงชราคนนี้ถูกพิษใด
“ท่านย่าจะถูกวางยาพิษได้อย่างไร? หมอเทวดา ท่านต้องช่วยท่านย่านะเจ้าคะ!”
เย่เจียหยูนั่งเศร้าอยู่ข้างๆ น้ำตาคลอเบ้า
“แปลกยิ่งนัก อยู่ดีๆ ท่านแม่จะถูกวางยาพิษได้อย่างไร!”
หลังจากท่านรองเย่ นางเสิ่นและคนอื่นๆ ได้ยินลั่วกูหยุนบอกว่าฮูหยินเฒ่าถูกวางยาพิษ ต่างแปลกใจยิ่งนัก
“ช่วงนี้ท่านแม่ไม่ได้ออกนอกจวน คนที่วางยาพิษต้องเป็นคนในจวนแน่นอน”
“ผู้ใดกันแน่! หากข้ารู้ ข้าจะถลกหนังมัน!”
ท่านรองเย่พูดเสียงเหี้ยม
เย่จายซิงยังไม่ทันเดินเข้าไปก็ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว นางยกมุมปากขึ้น ดูเหมือนว่าลั่วกูหยุนพอจะมีความสามารถอยู่บ้าง จึงได้ดูออกเร็วเช่นนี้ว่าหญิงชราโดนพิษ
เย่จายซิงเดินเข้าไป แกล้งทำเป็นพูดด้วยความตกใจ:
“ท่านอารองบอกว่าท่านย่าถูกวางยาพิษ? เหตุใดท่านย่าได้กุญแจคลังสมบัติก็ถูกพิษเช่นนี้ หรือว่ามีคนอยากจะหุบคลังสมบัติแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นจึงวางยาพิษท่านย่า?”
เมื่อนางพูดออกไป ท่านรองเย่ นางเสิ่นและคนอื่นๆ ที่ตอนแรกนั่งอยู่นั้นลุกขึ้นยืนทันที
“รีบดูเร็วเข้าว่ากุญแจคลังสมบัติยังอยู่หรือไม่!”
นางเสิ่นรีบพูดขึ้นทันที ยื่นมือไปจะจับกุญแจ
นางโจวคิดว่านางเสิ่นจะแย่งกุญแจ จึงขวางนางเอาไว้ แล้วยื่นมือไปชิงกุญแจ
ท่านรองเย่ฟาดฝ่ามือไปที่มือของนางโจว ให้นางรีบไปเอา
“ทำร้ายกันแล้ว! เพื่อที่จะชิงกุญแจบ้านรองทำร้ายกันแล้ว!”
นางโจวกรีดเสียงร้องตะโกน
ท่ามกลางความวุ่นวาย ลั่วกูหยุนมองไปที่เย่จายซิง เห็นนัยน์ตาของนางฉายรอยยิ้มเย้ยหยัน จู่ๆ เขาก็รู้แล้วว่าพิษบนตัวหญิงชรามาจากที่ใด