บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 8 อสูรเทพให้นางเข้าใกล้
บทที่ 8 อสูรเทพให้นางเข้าใกล้
เย่เจียเยี่ยนเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นบางอย่างขึ้นมา นางไม่กล้าตอบเพราะกลัวว่าโลหิตของตนจะไหลทวนกระแส ถ้าเป็นอย่างนั้นนางจะต้องเจ็บปวดมากแน่
นางคิดว่าการไม่ตอบจะทำให้ไม่มีใครรู้ความจริง แต่ใครเลยจะรู้ว่าผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หลอดเลือดทั่วร่างของนางจะเต้นตุ้บๆ ราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมาเต็มที
เย่จายซิงมองนางเงียบๆ ดวงตาของนางลึกซึ้งราวก้นบึ้งมหาสมุทร
“ไม่พูดก็เท่ากับเป็นการโกหก พี่สามยังมีเวลาอีกสิบลมหายใจในการคิด เมื่อถึงเวลานั้นหลอดเลือดของเจ้าจะแตกระเบิดพร้อมกันทั้งหมด ตอนนั้นเทพเซียนก็คงช่วยเจ้าไม่ได้”
เย่เจียเยี่ยนเจ็บปวดจนร่างของนางสั่นระริก นางกลัวตายจึงอ้าปากตะโกนออกมาว่า “ใช่! ข้าเป็นคนสั่งให้สาวใช้ใส่ร้ายเจ้าเอง!”
เมื่อกล่าวจบ เลือดที่ไหลปั่นป่วนก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ เย่เจียนเยี่ยนอ้าปากกว้างเพื่อหายใจ ศีรษะของนางมีเหงื่อออกชุ่ม
โอ้!
เมื่อกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา สถานการณ์จึงโกลาหลขึ้น ไม่มีใครคิดเลยว่าเย่จายซิงจะถูกใส่ร้าย โดยคุณหนูสามซื้อตัวสาวใช้ของนางเพื่อวางแผนใส่ร้าย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ
แววตาของเย่เจียหยูวุ่นวาย ในอกของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่ยากจะควบคุม นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าบนโลกใบนี้จะมียาคำจริงจริงๆ ทำให้สาวใช้กับเย่เจียเยี่ยนสารภาพออกมาเช่นนั้น
ไม่ได้ หากเย่จายซิงยังถามต่อไป บางทีนางอาจจะสารภาพทั้งหมดออกมา
เย่เจียหยูจึงกัดฟันและใช้มือตบหน้าเย่เจียหยี่ยน “น้องสาม เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก เจ้าใส่ร้ายน้องสี่ได้อย่างไร เจ้าทำเอาข้าเกือบเชื่อเรื่องโกหกที่เจ้ากุขึ้นมาใส่ร้ายน้องสี่ ข้าคิดไมถึงเลยว่าเจ้าจะร้ายกาจขนาดนี้ เจ้าเป็นลูกอนุ แต่ที่ผ่านมาข้าปฏิบัติกับเจ้าราวกับเป็นน้องสาวพ่อเดียวกัน ส่วนเจ้าก็คงอิจฉาข้าที่ท่านพ่อรักข้ามากกว่า อิจฉาที่ข้ามีพรสวรรค์ในการกลั่นยา เลยตั้งใจเผาห้องกลั่นยาของข้า เผาสูตรยาที่สำคัญ แถมยังใส่ร้ายน้องสี่อีก!”
เย่เจียเยี่ยนตกใจจนเอามือกุมใบหน้าของตนเอาไว้ นางรู้ดีว่าตนเองเป็นลูกอนุ ไร้ตำแหน่ง ดังนั้นที่ผ่านมานางจึงเชื่อฟังคำสั่งของลูกสาวสายเลือดหลักอย่างเย่เจียหยูตลอดมา นางยอมทำตามเย่เจียหยูทุกอย่าง แต่สุดท้าย เย่เจียหยูกลับโยนความผิดทุกอย่างมาไว้ที่นาง
“น้องรองจะรีบร้อนอะไร ข้ายังไม่ทันถามพี่สามจบเลย บางทีเบื้องหลังนางอาจจะมีคนคอยสั่งการอยู่ก็เป็นได้”
แววตาของเย่จายซิงเต็มไปด้วยความถากถาง
เย่เจียหยูลนลาน “จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะน้องสี่ ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ ข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนน้องสามเอง ข้าจะพาน้องสามกลับเดี๋ยวนี้!”
นางคว้าตัวเย่เจียเยี่ยนเอาไว้ แล้วตั้งท่าจะกลับ
องครักษ์ลับที่เปล่งไอสังหารออกมาขวางทางนางเอาไว้
แม้แต่เจ้าพระยาเซี่ยที่อยู่ข้างๆ ยังไม่กล้าเอ่ยปากอะไร
“พี่รอง ท่านรีบร้อนขนาดนี้ จนข้าคิดไปว่าเจ้าคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดเสียเอง”
เย่จายซิงมองเย่เจียหยูอย่างเรียบเฉย
“เจ้าอย่ากล่าวเหลวไหล ทุกคนต่างรู้ดีว่า ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น”
เย่เจียหยูแทบจะคุมสติตนเองเอาไว้ไม่อยู่ นางพลันนึกถึงคำสอนที่พี่ใหญ่เคยสอนนางเอาไว้ว่าการเป็นคนต้องใจเหี้ยมถึงจะประสบความสำเร็จ ทันใดนั้นแววตาของนางจึงปรากฏแผนการชั่วร้ายขึ้นมา
“โอ๊ย! น้องสาม เจ้าคิดจะฆ่าข้างั้นรึ!”
ฝ่ามือของเยียเจียหยูปรากฏกริชขึ้นมาหนนึ่งเล่ม เมื่อเอาเข้าไปใกล้เย่เจียเยี่ยนแล้วก็กุมมือของเย่เจียเยี่ยนจับมีดเอาไว้แล้วหันปลายมีดมาที่ท้องของตนเอง
เลือดสดไหลซึม เย่เจียเยี่ยนตกใจจนพูดไม่ออก เมื่อนางดึงมือกลับมาแล้ว สีหน้าของเย่เจียหยูก็น่าสยดสยอง พลางกล่าวว่า “เจ้าคิดจะฆ่าข้า” พลางยกมืออีกข้างขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วใช้กริชแทงมาที่หัวใจของนาง
เย่เจียหยูใช้พลังทิพย์บังคับกริชบดขยี้หัวใจของนางอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงโยนกริชเล่มนั้นออกไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว
จากนั้นนางจึงเอามือปิดปาก เบิกตากว้างและกล่าวอย่างเศร้าสลด “คุณพระ น้องสามเไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าแค่ทำไปเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น มันเป็นสัญชาตญาณ เจ้าอย่างเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ข้าจะตามหมอมาให้!”
เย่เจียเยี่ยนเบิกตากว้าง แววตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ นางกระแทกลงบนพื้นและสิ้นใจทันทีโดยดวงตาของนางยังไม่ปิด
น้องสามข้าขอโทษ ถ้าจะต้องโทษใครสักคนก็ต้องโทษเย่จายซิง อีกอย่างการตายของเจ้าครั้งนี้ก็ถือว่าไม่เสียเปล่า
เย่เจียหยูคิดในใจเช่นนี้
เย่จายซิงไม่ได้แสดงท่าทางโกรธ นางเพียงยิ้มออกมาพร้อมอยากจะตบมือให้เย่จายซิง ทักษะการแสดงของนางนางอยู่ในขั้นที่ดีมาก โหดร้ายกับตัวเองขนาดนี้ยากที่จะมีใครสู้กับนางได้
เป็นฝีมือขั้นสูงอย่างยิ่ง
“น้องหยู เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
เจ้าพระยาเซี่ยรีบเดินเข้ามาหาแล้วพยุงเย่เจียหยูที่มีสีหน้าซีดเผือดและตัวสั่นโงนเงนเอาไว้ ที่เอวของนางมีเลือดไหล น้ำตาอาบแก้ม ท่าทางของนางอ่อนแอไร้ที่พึ่ง ไม่รู้ว่ามีผู้ชายกี่คนรู้สึกสงสารนาง
“ท่านเจ้าพระยา น้องสามของข้าตายแล้ว ข้าจะตามนางไปด้วย ไม่ต้องช่วยข้านะเจ้าคะ”
เย่เจียหยูร้องไห้อย่างเศร้าสลด
“น้องหยูอย่าโทษตัวเองเลย นางเป็นคนทำตัวนางเอง นางไม่รู้ผิดชอบชั่วดี แถมยังอยากสังหารเจ้าเจ้าก็แค่ลงมือกับนางโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
เจ้าพระยาเซี่ยกล่าวด้วยความสงสาร
เย่เจียหยูปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น
สีหน้าของจวินหยวนเริ่มหมดความอดทน เขาเม้มริมฝีปากแน่น
องครักษ์ลับเห็นดังนั้นก็ดึงกระบี่ที่ส่องแสงสว่างวาบออกมาแล้วจ่อไปที่คอของเย่เจียหยู
“หุบปาก”
ทันใดนั้นเองเสียงร้องไห้ของเย่เจียหยูหยุดอยู่ที่ลำคอ นางไม่กล้าแม้แต่จะขยับ เมื่อนางเอามือออกจากหน้าก็พบว่าใบหน้าของนางไม่เหลือน้ำตาเลยสักเม็ด
“เจ้าบอกว่าน้องซิงขโมยยาขั้นสี่ของเจ้ามางั้นรึ”
แววตาเลือดเย็นของจวินหยวนจ้องมองไปที่เย่เจียหยู
เย่จายซิง : ……
เรียกใครว่าน้องซิงนะ? ข้าไม่ได้สนิทกับท่านขนาดนั้นกระมัง
แต่ว่า เขากำลังพยายามช่วยนางอยู่ อ๋องเซ่อเจิ้งผู้เย็นชากลับมีช่วงเวลาที่มีน้ำใจเช่นนี้ด้วยหรือ
เมื่อเผชิญกับสายตาไร้อารมณ์ความรู้สึกของจวินหยวนเช่นนั้น เย่เจียหยูก็ได้แต่ตัวสั่นงันงก นางกลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง ยาของข้าหายไปแล้ว ข้าไม่ได้บอกว่าน้องสี่เป็นคนขโมย เมื่อครู่นี้ ฉายจวู๋สาวใช้ของข้า……”
นางยังไม่ทันจะกล่าวจบ จวินหยวนก็เอ่ยอย่างจืดชืด “ตัดคอ”
องครักษ์ลับอีกคนปรากฏตัว แล้วลากสาวใช้ของเย่เจียหยูออกมา จากนั้นตัดคอนางต่อหน้าฝูงชน
ฝูงชน
เย่เจียหยูสีหน้าซีดขาว ตัวนางสั่นสะท้าน
เจ้าพระยาเซี่ยเองก็ไม่กล้าออกหน้า
เย่จายซิงลูบแหวนของตัวเองที่ไม่ร้อนอีกต่อไปแล้วด้วยอารมณ์ยินดี
นิสัยอย่างจวินหยวนเป็นนิสัยที่นางถูกชะตายิ่งนัก
“คนอย่างเย่จายซิง มือเท้าสะอาด ไม่เคยลักขโมย”
เย่จายซิงกล่าวเสียงสูง
เมื่อสายตาของทุกคนมาจ้องอยู่ที่ตัวนาง นางถึงจะค่อยๆ หยิบขวดยาออกมาอย่างเชื่องช้า จากนั้นจึงเทยาสีเขียวระดับสี่ออกมาราวกับเม็ดถั่วเขียว
ฝูงชนต่างพากันตกตะลึง เหตุใดนางจึงมียาขั้นสี่มากมายเช่นนี้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเป็นหลักสิบเม็ด
“ไให้พวกเจ้ากินนะ”
เย่จายซิงยกมือขึ้น อสูรกายที่มอบอยู่กับพื้นค่อยๆ กระโดดขึ้นมาแล้วงับยาพวกนั้นเอาไว้
อะไรนะ นางถึงกับเทยาที่หามูลค่าไม่ได้เช่นนี้ให้อสูรกายกินเชียวหรือ
นางเห็นยาเป็นลูกกวาดหรืออย่างไร
สิ้นเปลืองของดีอย่างยิ่ง
ฝูงชนแทบจะตีอกชกหัว
กิเลนถึงกับส่งเสียงคำรามและสะบัดหางอย่างไม่พอใจ ทำให้หลายๆ คนที่อยู่ตรงนั้นถูกสะบัดกระเด็นไปด้วย
เย่จายซิงหัวเราะแล้วขึ้นไปลูบหัวของกิเลน จากนั้นจึงแบมือ กลางฝ่ามือของนางยังมียาสีเขียวสดใส
กิเลนกินยาที่อยู่ในมือของนาง แล้วใช้ศีรษะถูกับหัวของนาง
คนที่เห็นภาพเช่นนี้ รวมทั้งองครักษ์ของจวินหยวนพากันเหม่อลอยมองภาพที่เห็น
นั่นคืออสูรเทพอย่างกิเลน มีเชื้อสายสูงส่ง นอกจากเจ้าของของมันแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถแตะต้องมันได้ ก่อนหน้านี้เคยมีสตรีแตะต้องมัน ก็โดนมันเหยียบจนตาย
แต่มันไม่เพียงปล่อยให้เย่จายซิงสัมผัสเท่านั้น แต่ยังเอาหัวถูนางอีกด้วย ดูจากท่าทางแล้วมันน่าจะชอบนางมาก
เย่จายซิงด้อยทั้งความสามารถและหน้าตา ทำไมแม้แต่อสูรเทพถึงมองนางต่างจากคนอื่น