บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 299
นางกลับไปที่จวนตระกูลฉู่อย่างเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรง ก็เห็นเกี้ยวของท่านทวดมาหยุดอยู่หน้าประตู ในใจนางนั้นคับข้องใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นใบหน้าที่มีเมตตาของท่านทวดนั้น ก็ปลดปล่อยความเศร้าออกมาทันที คุกเข่าตรงหน้าท่านทวด ร้องไห้กล่าว “ท่านทวด ในที่สุดท่านก็กลับมาคุมความยุติธรรมแล้ว หากท่านมาช้ากว่านี้ ก็คงจะแย่ไปกว่านี้”
ตรงนี้ยังเป็นหน้าประตู แม้ว่าคนทั่วไปจะเข้ามาไม่ได้ แต่ว่า ฮูหยินย่าก็ไม่ชอบที่นางแสดงกิริยาเช่นนี้ ใบหน้าที่มีเมตตาก็หุบลงมาทันที กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ลุกขึ้น เข้าไปพร้อมกับข้า”
พูดจบ ก็มีแม่นมแก่คนหนึ่งพยุงนาง เดินเข้าไปโดยตรง
ฉู่หมิงชุ่ยรู้ตัวว่าได้แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม ลุกขึ้นเช็ดน้ำตา ก็เห็นท่านพ่อที่ถูกไล่ออกมายืนอยู่ข้างหลัง ท่าทางน่าสังเวชนัก
ความเศร้าก็ปะทุขึ้นมา พยายามฝืนพูด “ท่านพ่อ”
ท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่ก็กล่าวด้วยเสียเบา “ไม่ต้องร้องแล้ว เข้าไปเถอะ ท่านทวดของเจ้าต้องตัดสินให้พวกเรา”
โสวฝู่ฉู่นั้นกำลังรอการมาของฮูหยินย่า
เกี้ยวของฮูหยินย่าหยุดลงที่หน้าจวน ก็มีคนเข้ามารายงานแล้ว
เขาค่อยๆลืมตาขึ้น มองดูคนที่ยังคงคุกเข่าอยู่ในห้องโถง เขานวดคิ้วที่เหนื่อยล้าไปครู่หนึ่ง ดื่มชาที่เย็นแล้วหนึ่งคำ
พ่อบ้านกล่าวเสียงเบา “นายท่าน อย่าดื่มเลย เดี๋ยวข้าจะรินแก้วใหม่ให้ท่าน”
“ชาที่เย็นแล้ว มันยิ่งสามารถทำให้ใจคนมีสติ” โสวฝู่ฉู่กล่าวด้วยเสียงต่ำ ค่อยๆวางแก้วลงมา ก็เห็นฮูหยินย่าที่ถูกแม่นมถงพยุงเดินเข้ามา
เขาลุกขึ้นอย่างช้าๆ ออกไปพยุงฮูหยินย่า ก็ไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว พยุงนางไปนั่งที่เก้าอี้ตัวกลาง จากนั้นเขาก็นั่งลง
ฮูหยินย่านั่งตัวตรงแล้ว จ้องมองทุกคนด้วยสายตาที่เคร่งขรึม “คุกเข่ากันทำไม? ลุกขึ้น!”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ที่ผ่านความตกใจมาอย่างหนักเมื่อเห็นฮูหยินย่ากลับมาแล้ว คนทั้งคนก็มีสติขึ้นมาทันที ร้องไห้คุกเข่าไปข้างหน้า “ท่านย่า ท่านต้องช่วยหม่อมฉันตัดสิน ท่านพ่อจะให้หม่อมฉันกับเลิกร้างท่านชายใหญ่”
ฮูหยินย่าเหลือบมองนางด้วยสายตาที่เย็นชา กล่าวด้วยความโกรธ “ข้าจะช่วยเจ้าตัดสินได้อย่างไร ฮู่กั๋วกงเป็นวีรบุรุษของเป่ยถังข้า ให้เจ้าดูถูกได้เหรอ? ช่างโอหังนัก ดูถูกวิญญาณวีรบุรุษ เมื่อตกนรก ก็ต้องถูกทรมานด้วยการถูกน้ำมันลวกลิ้น”
นางถอนหายใจ มองโสวฝู่ฉู่อย่างเรียบเฉยไปแวบหนึ่ง “สำหรับเรื่องเลิกร้าง ตระกูลฉู่ไม่มีการทอดทิ้งสะใภ้ สำหรับเรื่องเลิกร้าง ขอเพียงมีข้าอยู่ ห้ามเลิกร้างเด็ดขาด”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ร้องไห้เหมือนจะขาดใจ “ข้ารู้ตัวว่าผิดแล้ว ต่อไปจะไม่กล้าทำอีก”
นิ้วที่ขาดของนาง ยังอยู่บนพื้น ไม่มีใครกล้าไปเก็บ มือของนางถูกทำแผลทันที แผลค่อนข้างที่จะบวม บัดนี้มือนางยันอยู่ที่พื้น ยังมีเลือดซึมออกมา
ฮูหยินย่ากล่าวอย่างเย็นชา “รู้ว่าผิดก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่จวนฮู่กั๋วกง ไปขอโทษรับผิดกับคนในตระกูลของเขา เจ้าต้องยอมรับบทลงโทษของพวกเขา ต่อให้ต้องตัดลิ้นของเจ้า เจ้าก็ต้องยอม”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่รีบโขกหัว “เพคะ ฟังคำพูดท่านย่าทั้งหมด”
นางรีบเช็ดน้ำตา หัวใจถือว่าได้ถูกวางลงแล้ว
สายตาที่เย็นชาของฮูหยินย่าได้เหลือบมองไปที่ฮูหยินโสวฝู่ฉู่ “ตอนที่ข้าจากไปนั้น ได้กำชับให้เจ้าดูแลการกระทำและคำพูดของคนในจวน อย่าให้พวกเขาไปก่อเรื่องข้างนอก หลายปีมานี้ ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเจ้า แค่นี้เจ้าก็ทำไม่ได้ บ้านหลังนี้ ดูท่าเจ้าก็คงจะดูแลไม่ไหวแล้ว ไม่สู้ไปอยู่ที่สำนักนางชีเยว่เหมยจะดีกว่า ไปถือศีลสวดมนต์กับข้า สะสมบุญไว้ให้กับลูกหลาน”
ฮูหยินโสวฝู่ฉู่คุกเข่าอยู่บนพื้น โขกหัวปฏิเสธ
สายตาของฮูหยินย่าไปหยุดอยู่บนใบหน้าของฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ กล่าวต่อเนื่องอย่างจริงจัง “ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ ท่านชายใหญ่ได้ให้คนรายงานข้าแล้ว เจ้าเลอะเลือน ทำให้ตระกูลฉู่เสียเกียรติ หากขี้ข้าคนนั้นลำพองใจจนลืมตัว ก็สั่งคนตบปากนาง ต่อให้เจ้าตัดหัวของนาง ก็ไม่มีคนกล้าว่าอะไรเจ้า แต่เจ้ากลับเป็นคนต้นคิดเรื่องปล่อยข่าวลือของฮู่กั๋วกง นางคู่ควรเหรอ? ลือว่านางเคยคบกับฮู่กั๋วกง ถึงจะเป็นการดูหมิ่นฮู่กั๋วกงอย่างใหญ่หลวง เจ้าว่าเจ้าเลอะเลือนหรือไม่? นิ้วของเจ้าขาดก็ดีแล้ว จะได้เป็นการเตือนความจำของเจ้า”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่รู้ว่าฮูหยินย่านั้นปกป้องนาง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างน่าสงสาร ท่านย่า หากท่านกลับมาช้ากว่านี้อีกหน่อย ข้าคงถูกให้เลิกร้างและออกไปจากประตูตระกูลฉู่แล้ว ที่ข้าทำเช่นนี้ ก็เพราะชื่อเสียงของตระกูลฉู่ แม่นมสี่คนนั้นยังกล้าสั่งสอนข้า ข้าจะกล้าไปตบนางหรือตัดหัวของนางได้อย่างไร? หากทำเช่นนั้นจริง เกรงว่าข้าคงไม่มีชีวิตรอด พูดจบ นางก็แอบมองไปที่โสวฝู่ฉู่แวบหนึ่ง เห็นสีหน้าที่เย็นชาของเขา ท่าทางเหมือนไม่กล้าที่จะโกรธ ก็รู้สึกปลอดภัยบ้างแล้ว
บัดนี้นางได้ล่วงเกินพ่อสามี อาศัยตอนที่ท่านย่ายังอยู่ ใช้เรื่องนี้ทำให้ท่านสั่งการ ห้ามใครทำร้ายนางอีก ทางที่ดีที่สุดให้ท่านย่าออกหน้าแทนนาง ฆ่าอีนางแม่นมสี่
แม่นมสี่ไม่ตาย ก็เหมือนหอกข้างแคร่
แววตาของฮูหยินย่าดุร้าย ตอนที่ถึงประตูจวนนั้นใบหน้าดูใจดีมีเมตตา ได้จางหายไปหมด นางกล่าวอย่างดุดัน “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว คนที่ปากพล่อย ข้าจะสั่งสอนนางเอง ไม่ใช่หน้าที่เจ้าที่ต้องมาพูดตรงนี้”
โสวฝู่ฉู่จึงได้ถามขึ้นอย่างช้าๆ “ท่านแม่ ท่านจะไปสั่งสอนใคร? แม่นมสี่เหรอ?”
ฮูหยินย่าได้ยินคำพูดนี้ ก็หันหน้าไปมองเขา สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก “ทำไม? ข้าสั่งสอนไม่ได้รึ?”
โสวฝู่ฉู่ส่ายหัวเบาๆ กล่าวอย่างมีความเห็น ท่านมีสิทธิ์อะไร? สิทธิ์ที่ท่านสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงใกล้ตายเหรอ? หรือว่า มีใครกล้าข้ามหน้าข้าเพื่อไปสั่งสอนนางแทนท่าน?
ฮูหยินย่าแทบจะไม่กล้าเชื่อหูของตัวเอง กล่าวอย่างเฉียบขาด “เจ้าพูดอะไร? หากเจ้ากล้าลองพูดอีกครั้งซิ”
“ได้” โสวฝู่ฉู่ก้มหน้ามองดูคนที่อยู่ข้างล่าง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและชัดเจน “ข้าพูดว่า หากใครกล้าไปแตะต้องแม่นมสี่แม้แต่เส้นผมเส้นเดียว หรือไปพูดคำพูดที่ไม่สุภาพต่อหน้านาง ไม่ว่ามันจะเป็นใคร รับรองหัวต้องหลุดจากบ่าอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นนี้ ทำให้คนที่นั่งอยู่ต่างสะดุ้งตกใจจนหดตัว นี่…….แม้กระทั่งฮูหยินย่าก็เอาเขาไม่อยู่?
แม้กระทั่งฮูหยินย่าเอง ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ มองดูเขาอย่างตกใจ
“พ่อบ้าน เหล้าพิษที่ข้าสั่งให้เจ้าเตรียมล่ะ?” โสวฝู่ฉู่ที่ถือแก้วชาอยู่ในมือ กล่าวอย่างใจเย็น
พ่อบ้านมีสีหน้าที่หวาดกลัว “เอ๋อ……….”
“มู่หย่า!” โสวฝู่ฉู่กล่าวอย่างโมโห “ไล่เขาออกไป ขอเพียงคนในจวนที่ไม่ฟังคำสั่งของข้า ไม่ต้องเอาไว้แม้แต่คนเดียว”
มู่หย่าที่รูปร่างกำยำบึกบึนก็บุกเข้ามาในห้องโถง ก็ดึงตัวพ่อบ้านออกไป
พ่อบ้านนั้นอึ้งไปเลย จนกระทั่งไปถึงหน้าประตู เขาจึงได้รีบกล่าวขึ้น “เรียนนายท่าน เหล้าพิษได้เตรียมเสร็จแล้ว”
มู่หย่ามองโสวฝู่ฉู่ โสวฝู่ฉู่ใช้ฝาแก้วกรีดไปที่ขอบแก้วเบาๆ ดังขึ้นด้วยเสียงที่กังวาน “แล้วยังไม่รีบยกขึ้นมาอีก?”
มู่หย่าปล่อยตัวพ่อบ้าน พ่อบ้านรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เหล้าพิษนั้นได้เตรียมเสร็จนานแล้ว เพียงแต่ไม่กล้าที่จะนำออกมา
เห็นพ่อบ้านยกเหล้าพิษเข้ามาด้วยตัวเอง คนที่อยู่ในห้องโถงต่างตกตะลึงกันไปหมด
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง หมดแรงอยู่ตรงพื้น ครู่ใหญ่จึงได้มองขอร้องฮูหยินย่า ร้องไห้กล่าว “ท่านย่า ท่านช่วยข้าด้วย ได้โปรดช่วยข้าด้วย”
“ท่านพ่อ!”
“ท่านปู่!”
ทุกคนต่างร้องไห้คุกเข่าไปข้างหน้า เพื่อปกป้องฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่
โสวฝู่ฉู่ส่งสัญญาณมือให้กับมู่หย่า มู่หย่าผิวปากไปหนึ่งที ก็เห็นทหารสิบกว่าคนเข้ามาในห้องโถง ตั้งท่าเตรียมพร้อม
โสวฝู่ฉู่กล่าวอย่างเลือดเย็น “ไม่เลิกร้างกับนาง หากไท่ซ่างหวงจะเอาโทษ ก็ต้องเป็นคนของตระกูลฉู่ที่รับโทษ ใครกล้าขอร้องแทน ก็ให้จับโยนมันออกไปข้างนอก และห้ามกลับเข้ามาในตระกูลฉู่อีก!