บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1127 เจ้าเก้ากลับหนานเจียง
อาการของฮูหยินเหยาค่อนข้างหนัก นอกจากหยวนชิงหลิงจะพิจารณาใช้ยากินแล้ว ยังให้น้ำเกลือ จ่ายยาต้านไวรัสให้ฮุ่ยเทียน ฮุ่ยเทียนไม่ค่อยอยากกินจึงหมุนตัวเดินออกข้างนอก แต่เมื่อเห็นเขาบีบยาคิดจะทิ้งแล้ว ฮูหยินเหยาก็มองเขา “เจ้ากินแล้วค่อยออกไป”
ฮุ่ยเทียนเดินกลับมาอย่างโดยดี เอาเข้าปากต่อหน้านาง เคี้ยวแล้วก็กลืน แต่คิดไม่ถึงว่ายาชนิดนี้จะขมมาก หน้ายู่เป็นเต้าหู้ยี้
พอฮูหยินเหยาเห็นแล้วก็หัวเราะ “เจ้าก็ไม่รู้จักดื่มน้ำส่งหรือ?”
ฮุ่ยเทียนมองนางหัวเราะ มองอยู่พักใหญ่ก็ไม่ละสายตา หยวนชิงหลิงรู้สึกตัวเองเป็นกว้างขวางคอ หากไม่เพราะนางกำลังให้น้ำเกลือให้อยู่ก็คงไปแล้ว
ฮุ่ยเทียนให้สาวใช้คนนั้นไปต้มโจ๊กที่ครัว ส่วนเขาก็กลับไป
จนเขากลับไปแล้ว ฮูหยินเหยาก็มองนางแล้วเอ่ย “เจ้าอย่าเข้าใจผิดให้มาก”
หยวนชิงหลิงพูดอย่างหงุดหงิด “รักษาโรคท่าน ข้าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดทั้งนั้น”
ฮูหยินเหยาจึงยิ้มเลิ่กลั่ก รู้สึกว่าตัวเองร้อนตัวนิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ รู้สึกว่าความเฉียบขาดของตัวเองแต่ก่อนถูกอะไรขัดให้อย่างนั้น หลายเรื่องก็เอาแต่ให้ยืดยาว
พอหยวนชิงหลิงเห็นนางอย่างนี้แล้ว ก็คุยเรื่องสัพเพเหระกับนาง เรื่องลูกสาวของพระชายาอาน
“แต่งตั้งอิสริยศักดิ์แล้วหรือยัง? ตั้งชื่อหรือยัง?” ฮูหยินเหยาถาม
“ยังเลย กรมพิธีการกำลังร่าง คงต้องให้เสด็จพ่อทอดพระเนตรก่อน” หยวนชิงหลิงเอ่ย
“ชื่อเล่นล่ะ?”
“เห็นว่าชื่ออานจือ!”
“อานจือ? ใช้ชื่อพ่อ?” ฮูหยินเหยาตะลึง ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง “งั้นน้องสี่ก็ให้ความสำคัญ รักและหวงแหนลูกสาวคนนี้มากเลยสินะ”
“ให้ความสำคัญจริง หลายวันก่อนข้าไป เด็กแหวะนม อ๋องอานแตกตื่นเสียไม่มี ต้องให้ข้าไปดูให้ได้”
ฮูหยินเหยาจ้องนาง “งั้นเรื่องในเมืองหลวงตอนนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขาสิ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้ กำลังของฮูหยินเหยาก็กลับคืนมา ราวกับนางเป็นคนในสมรภูมินี้ แต่บัดนี้มาสบายอยู่ที่นี่ ด้วยที่เจ็บป่วยต่างๆ นานา
“ไม่รู้” หยวนชิงหลิงหวังว่าจะไม่ใช่ นอกจากไม่อยากให้อ๋องอานเพิ่มความลำบากให้เจ้าห้าแล้ว ยังรู้สึกว่าตั้งแต่อานจือคลอดแล้ว ความคิดและความหวังทั้งหมดก็อยู่กับลูกหมด พวกเขาสามคนก็ค่อนข้างสันติเข้ากันได้ ใครก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องทำลายความสงบนี้อีก
ฮูหยินเหยาคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “หลายปีมานี้น้องสี่ก็ทำเรื่องไว้ไม่น้อย เรื่องพวกนี้ดูเหมือนสงบแล้ว ฝ่าบาทก็ปิดไว้แล้ว ลงโทษแต่ตระกูลตี๋ แต่เรื่องที่เคยทำ ยังไงก็ต้องแว้งกลับหาตัว จะถึงที่ตายหรือทำลายทุกอย่างที่เขาสร้างมาด้วยความลำบากหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวเขาแล้ว ข้าแค่สงสารพระชายาอานเท่านั้น”
แต่ไรมาสายตาของฮูหยินเหยาก็ต่างจากผู้อื่น แต่การที่นางพูดแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะรู้อะไรมา แต่สรุปจากความเข้าใจในตัวอ๋องอานและเรื่องที่เขาเคยทำในอดีตเท่านั้น
หยวนชิงหลิงเชื่อในการประเมินของนางมาก และนางก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน แต่นางแค่ไร้เดียงสามากกว่าฮูหยินเหยาเท่านั้น มักรู้สึกว่าหากอ๋องอานกลับใจในช่วงสำคัญได้ เรื่องนั้นก็อาจมีโอกาส
เมื่อให้น้ำเกลือให้ฮูหยินเหยาเสร็จ หยวนชิงหลิงก็กำชับหนักหนาว่าห้ามนางออกไปเพ่นพ่าน ต้องรอให้หายป่วยแล้วถึงออกไปได้
ฮูหยินเหยามองนาง กลับอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย “เจ้าว่าข้าอยู่อย่างสงบมานานขนาดนี้ ทำไมถึงยังไม่ค่อยชินนะ?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพูด “ยังไงกัน? ตอนนี้ท่านรู้สึกว้าเหว่อีกแล้วหรือ? เมื่อก่อนถามท่าน ท่านยังว่าเพลินดี”
“เพลินก็เพลินอยู่ แต่มักรู้สึกไม่อุ่นใจ ตอนนี้ก็ไม่ได้สงบจริง”
“งั้นท่านคิดยังไง? ตอนนี้ท่านก็ดีขึ้นมากแล้ว” ขณะที่หยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาก็ถามขึ้น
ฮูหยินเหยาปัดมือ “เจ้าไปเถอะ ข้าแค่ฟุ้งซ่านพูดไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดจะทำยังไง ที่จริงชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลว”
หยวนชิงหลิงอือไปเสียงหนึ่ง “ท่านก็พักผ่อนให้มากล่ะ”
หลังจากออกมาแล้วก็ขึ้นรถม้ากับหมันเอ๋อ หมันเอ๋อถามขึ้น “พระชายารัชทายาทเพคะ ความหมายโดยรวมของฮูหยินเหยาก็คืออยากมาช่วยท่าน ทำไมท่านไม่รับปากล่ะเพคะ”
“หมันเอ๋อ ไม่มีใครไม่อยากใช้ชีวิตสงบสุขแล้วไปบุกน้ำลุยไฟหรอก” หยวนชิงหลินกล่าวด้วยความหนักใจ
“แต่จากความหมายนาง…”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจอีก “นางอยากช่วยข้ากับเจ้าห้า”
หมันเอ๋อเข้าใจพลัน “ที่แท้อย่างนี้นี่เอง”
“ข้าไม่อยากให้นางเสี่ยงภัยอีก ครั้งที่แล้วอะซี่กับหรงเยว่ให้นางไปเสี่ยง แต่กลับไม่เคยคิดว่าหากนางเป็นอะไรไป เมิ่งเยว่กับเมิ่งซิงจะทำยังไง? เพิ่งสูญเสียพ่อไป ถ้าแม้แต่แม่ก็ต้องเสียไปอีก จะไม่โหดร้ายกับพวกนางไปหรือ?”
ฮูหยินเหยามีเส้นสายของอยู่ในมือ หากนางช่วย ใช้คนเหล่านี้ แต่คนพวกนี้ก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีใส้ศึก นางเองก็พูดอยู่ ว่าหลายๆ เรื่องจะแว้งกลับมาหาตน อ๋องอานและนางต่างก็เจอมา เส้นสายพวกนี้อาจมีประโยชน์ แต่ใช้จนถึงที่สุดแล้วก็จะแว้งกลับมาเป็นโทษกับนางเอง
“หมันเอ๋อ เจ้าดูเวลาเตรียมตัวหน่อย กลับหนานเจียงกับน้องเก้าเถอะ” หยวนชิงหลิงเอ่ย
“หา?” หมันเอ๋ออาลัยอาวรณ์ทันที ทำหน้ามุ่ย “หม่อมฉันยังอยากอยู่เป็นเพื่อนท่านอีกสักระยะนะเพคะ”
“หมันเอ๋อ ตอนนี้เจ้าเป็นอ๋องหนานเจียง จะอาศัยท่านแม่ของเจ้าทุกเรื่องไม่ได้ เจ้ากลับไปกับน้องเก้าเร็วหน่อยเถอะ ข้าคิดว่าทางหนานเจียงต้องมีคนกำกับดูแลถึงจะดี หงเล่แผนการล้ำลึก ส่วนท่านชายหงเย่ก็ทิ้งเจียงเป่ยแล้ว ยากจะรับรองว่าเขาจะไม่วางแผนก่อกบฏ ถ้าหนานเจียงโกลาหล ก็จะทำให้ราชสำนักลำบากมากกว่าเดิม” หยวนชิงหลิงกล่าว
เมื่อหมันเอ๋อได้ฟังหยวนชิงหลิงว่ามาอย่างนี้แล้ว ก็รู้ว่าสถานการณ์ค่อนข้างหนัก แม้ไม่อยากแต่ก็รับคำ
เมื่อบอกเล่าเรื่องที่หมันเอ๋อจะกลับหนานเจียงกับเจ้าห้า เขาก็มีความคิดนี้อยู่พอดี ทางหนานเจียงต้องทำให้คงที่ อย่างน้อยก็ในเวลานี้ ถึงจะวุ่นวาย ก็ต้องวุ่นวายแค่พื้นที่หนานเจียงเท่านั้น จะลามออกไปไม่ได้
เจ้าห้ารู้ว่านางไม่อยากจากหมันเอ๋อ ก่อนหน้านี้ไม่พูดถึง อยากให้หมันเอ๋ออยู่อีกสองสามวัน แต่ตอนนี้นางพูดขึ้นเอง เช่นนั้นก็ต้องเห็นด้วยแน่ เมื่อนั้นเขาจึงเรียกเจ้าเก้ามาทันที ชี้แนะตักเตือนไปยกหนึ่ง วิเคราะห์สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับเขาทั้งหมด ให้เขาคุมสถานการณ์หนานเจียงให้อยู่ ไม่ขอให้หนานเจียงช่วยราชสำนักได้ แค่ไม่ถูกเป่ยโม่กับหงเล่หลอกใช้มาต่อกรกับราชสำนักเป็นพอ
ช่วงที่เจ้าเก้าอยู่หนานเจียงได้ฝึกฝนมาครั้งหนึ่ง กอปรกับช่วงนี้ไปไหนมาไหนกับหยู่เหวินเห้า เข้าใจสถานการณ์โดยรวม มองเรื่องได้ค่อนข้างชัดเจน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มองแค่ผิวเผิน เมื่อเขารับปากเป็นมั่นเหมาะ ก็เข้าวันไปอำลากับเสด็จพ่อ แน่นอนว่าต้องพบปะกับเจ้าแปดด้วย
ก่อนเจ้าเก้ากับหมันเอ๋อจะออกจากเมืองหลวง หยวนชิงหลินก็เตรียมของให้พวกเขามากมาย
ขบวนส่งของเจ้าเก้าก็เตรียมเรียบร้อยแล้ว รอแค่วันเดินทางมาถึง ก็จะออกจากเมืองหลวงไปแบบอลังการ
ตี๋กุ้ยเฟยก็เตรียมของขวัญให้เจ้าเก้ากับหมันเอ๋อด้วย ทั้งแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์เจ้าเก้า เพราะการจัดงานแต่งให้เจ้าเก้าครั้งนี้ นางถึงได้รับการให้อภัยจากฮ่องเต้ ตอนนี้สงบเสงี่ยมขึ้นมาก ขนาดตี๋จงเหลียงน้องชายตัวเองตายก็ยังไม่กล้าก่อเรื่อง เพียงแต่แอบร้องไห้เท่านั้น เกรงว่าก่อเรื่องอีกจะทำภัยมาสู่บุตรชาย
บัดนี้นางไม่อาจสนใจทางตระกูลตี๋ได้อีก