บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1324 ไม่มียาเม็ดจื่อจิน
ภายในตำหนักฉินคุนวุ่นวายกันขึ้นมา
ฉางกงกงรู้เรื่องที่ไท่ซ่างหวงกระอักเลือดในที่สุด ต้องการอยู่ข้างพระวรกายให้ได้ เดิมทีเขาก็เดินเหินไม่สะดวกเพราะโรคลมอยู่แล้ว ตอนนี้พอจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนปากก็เลยเบี้ยว หยวนชิงหลิงไม่มีเวลาสนใจเขา จนปัญญาจึงให้คนไปเชิญย่าหยวนเข้าวัง ให้นางช่วยรักษาฉางกงกงและออกความคิดเห็น
หลังจากฉางกงกงเข้ามาก็ไม่ยอมออกห่างอีก เฝ้าอยู่ในตำหนักเช่นเดียวกับเซียวเหยากง เตียงในตำหนักจากสองหลังก็กลายเป็นสามหลัง ตอนที่เพิ่มเตียง เซียวเหยากงพูดกับหยวนชิงหลิง “ลางที กระหม่อมอาจไม่ไหวแล้ว”
หยวนชิงหลิงตกใจรีบเอ่ย “ท่านอย่าเชียวนะ ท่านต้องอดทนเพื่อข้า หากท่านเกิดเรื่องขึ้นอีก เช่นนั้นได้ยุ่งไปหมดแน่”
เซียวเหยากงส่ายหน้า “กระหม่อมก็พูดไปอย่างนั้นเองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เป็นไรหรอก กระดูกยังแข็งอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงไอทีหนึ่ง มองมาแล้วยิ้มเอ่ย “เจ้าถูกลิขิตแล้วว่าต้องเป็นผู้เก็บศพพวกเรา!”
หยวนชิงหลิงฟังคำพูดนี้แล้วในใจก็เจ็บแปลบ เบือนหน้าไปเช็ดน้ำตา “ตรัสเช่นนี้ไม่กลัวว่าคนฟังจะเสียใจหรือเพคะ? หม่อมฉันไม่ได้ทำให้พระองค์ขุ่นพระทัย ตำหนักนี้ก็ไม่มีผู้ใดอื่น มิใช่ตรัสให้หม่อมฉันฟัง ให้หม่อมฉันเสียใจหรือเพคะ?”
ไท่ซ่างหวงมองนาง “เจ้าร้องไห้ทำไม? ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น ข้าไม่เป็นไร ฉู่เสี่ยวอู่ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน”
“หม่อมฉันไม่ได้ร้องไห้เพคะ” หยวนชิงหลิงล้วงยาน้ำออกมาจากกล่องหลายขวดออกมา ล้วนเป็นยาที่โสวฝู่ต้องใช้วันนี้ ทว่าจู่ๆ ก็เอ๊ะเสียงหนึ่ง เห็นยาเร่งคลอดที่อยู่ก้นกล่องยา เหตุใดจึงมียาเร่งคลอดได้? ตอนนี้ก็ไม่มีใครจะคลอดนี่?
“มีอะไรหรือ?” หยู่เหวินเห้าเดินเข้ามาจากนอกตำหนัก ได้ยินนางเอ๊ะทีหนึ่งแล้วชะงักงันมองกล่องยา ดังนั้นจึงรีบเดินเข้ามาถาม
หยวนชิงหลิงหน้าซีดไปเล็กน้อย “หูฟังหมอของข้าล่ะ?”
หยู่เหวินเห้าหยิบออกมาจากคอของนาง “มิได้อยู่นี่หรือ? เหนื่อยมากไปใช่ไหม? รีบนั่งพักสักเดี๋ยวเร็ว”
หยวนชิงหลิงอ้อ “แย่จริงๆ ข้าเลอะเลือนไปหมดแล้ว”
นางหยิบหูฟังหมอฟังการเต้นของหัวใจโสวฝู่แบบมือไม้พัลวัน แม่นมสี่ที่คุ้นเคยกับนางเห็นท่าทางสั่นระริกของนางแล้วก็นึกว่าอาการของโสวฝู่ร้ายแรงมาก จึงสิ้นหวังมากกว่าเดิม หลั่งน้ำตาอีก
การร้องไห้ของแม่นมสี่ทำให้บรรยากาศในตำหนักที่เพิ่งดีขึ้นเข้าสู่ความนิ่งงันอีกครั้ง
ย่าหยวนสะพายกล่องยาเข้าวังด้วยการอารักขาของกู้ซือ ถามอาการของโสวฝู่ เอ่ย “ยาเม็ดจื่อจินยังมีอีกหรือไม่? ให้เขากินไปก่อน ดูสิว่าจะหยุดเลือดที่ออกจากสมองได้ไหม หากหยุดเลือดได้ เจ้าก็ลดความดัน”
ยาเม็ดจื่อจินไม่มีแล้ว เมื่อก่อนฟางหวูเป็นคนศึกษาผลิตยานี้ ไม่มีสูตรยา ยาเม็ดจื่อจินสามารถรักษาอาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอก ห้ามเลือด สลายลิ่มเลือด ทั้งยังมีผลลัพธ์วิเศษอีก
“ยาเม็ดจื่อจินหมดแล้ว” หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า
ทุกคนเพิ่งมีความหวัง แต่กลับถูกลบล้างไปอีก
ไท่ซ่างหวงคิดนิดหนึ่ง ครั้นแล้วก็มองหยู่เหวินเห้า “เจ้าไปถามเสด็จพ่อเจ้า เขาน่าจะยังมียาเม็ดจื่อจิน”
“เสด็จพ่อยังมีอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยู่เหวินเห้าจำได้ว่ายาเม็ดนั้นของเสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ทรงประทานให้น้องเจ็ดตอนที่เขาบาดเจ็บแล้ว ยังมีอีกเม็ดหรือ?
ไท่ซ่างหวงมองเซียวเหยากง “ข้าจำได้ว่าเขามีสามเม็ดใช่ไหม?”
เซียวเหยากงเอ่ย “ตอนที่ฝ่าบาททรงขึ้นครองราชย์ ท่านเจ้าอาวาสถวายพระองค์ไปหนึ่งกล่อง หนึ่งกล่องสามเม็ด สามเม็ดนั้นจะใช้แล้วหรือไม่ พวกกระหม่อมก็หาทราบไม่ เพราะตอนที่องค์รัชทายาทบาดเจ็บหนัก ก็หายาเม็ดจื่อจินไม่ได้แล้ว หากทรงมี ก็ต้องให้คนส่งไปให้แล้ว แต่ก็ทรงไม่”
“งั้นก็น่าจะไม่มีแล้ว” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
“ไปถามดู!” ไท่ซ่างหวงยืนกรานเอ่ย
หยู่เหวินเห้ารู้ว่านี่เป็นความหวังที่โสวฝู่จะมีชีวิตรอด ดังนั้นจึงไปสักหน่อย
ฮ่องเต้หมิงหยวนยังอยู่ในห้องทรงอักษร เมื่อได้ยินหยู่เหวินเห้าถามถึงยาเม็ดจื่อจิน เขาก็ตะลึงเอ่ย “ยังมียาเม็ดจื่อจินที่ไหนอีก?”
หยู่เหวินเห้าก็จำได้ว่าไม่มีแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงทรงตรัสเช่นนี้ เขาถึงลองมาถามดู เมื่อได้ยินเสด็จพ่อตรัสว่าไม่มี เช่นนั้นก็จนด้วยหนทาง “ไท่ซ่างหวงทรงตรัสว่าจำได้ว่าพระองค์มีพ่ะย่ะค่ะ บางทีทรงอาจจำผิดไป”
แต่จู่ๆ ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับขมวดคิ้วขึ้น ไม่ถูก ยังมียาเม็ดจื่อจินอีกเม็ดให้ฮู่เฟยไป เป็นตอนที่คลอดเจ้าสิบได้ไม่นานก็ให้นาง
ฮ่องเต้หมิงหยวนเพลาใจเล็กน้อย หากยาเม็ดจื่อจินช่วยโสวฝู่ได้ ก็ถือว่าคลายความบาดหมางกับไท่ซ่างหวงได้
ฮ่องเต้หมิงหยวนให้เจ้าห้าไปก่อน บอกว่าจะสั่งให้คนหาดู หากมีจะส่งไปทันที
หลังจากเจ้าห้าจากไปก็ส่งมู่หรูกงกงไปตำหนักฉ่ายหมิงของฮู่เฟยทันที ฮู่เฟยไม่ค่อยสบาย ตอนนี้ยังอยู่ในตำหนักของหวงกุ้ยเฟย เขาจึงต้องไปอีกครั้ง เมื่อฮู่เฟยรู้ว่าต้องการเอายาเม็ดจื่อจิน ถามว่าเรื่องอะไรก็ได้ยินว่าไท่ซ่างหวงกับโสวฝู่ป่วย กังวลหนักจึงเอ่ย “รบกวนท่านกงกงไปเอาหน่อย อยู่ในตู้ไม้จันทน์ที่ตำหนัก เก็บอยู่ในกล่องไม้”
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะไปเอาประเดี๋ยวนี้” เมื่อมู่หรูกงกงกล่าวจบก็รีบไปทันที แต่เสียเวลาค้นหาอยู่นานก็ไม่พบ กล่องที่ฮู่เฟยว่าไม่มียาเม็ดจื่อจิน
ดังนั้นจึงส่งคนไปแจ้งฮู่เฟย ฮู่เฟยอดทนการปวดท้องกลับตำหนัก เห็นกล่องไม้ว่างเปล่าจริงๆ โกรธจัดทันที เรียกรวมคนในตำหนักมาถาม เมื่อสอบถามอย่างเข้มงวดแล้วกลับไม่มีใครรู้ว่ายาเม็ดจื่อจินอยู่ที่ไหน
ฮู่เฟยโมโหมาก ตอนที่ฮ่องเต้ประทานยาเม็ดจื่อจินให้นาง นางก็รู้ว่าเป็นยาดีช่วยชีวิต ดังนั้นจึงเก็บอยู่ในตู้ในตำหนักมาตลอด ไม่อนุญาตให้ผู้ใดแตะ เกรงว่าหากใครต้องการใช้ขึ้นมาจะได้ใช้ได้ทันที
เริ่มจากแม่นมหยู้ ถัดมายาเม็ดจื่อจินก็หาย นางประหลาดใจ ไยการดูแลในตำหนักจึงไม่รัดกุมเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะเดือดดาล เกรี้ยวกราดมากขึ้น ลากมหาดเล็กและคนในตำหนักออกไปโบย
เมื่อนั้นตำหนักฉ่ายหมิงก็มีเสียงร้องโอดครวญไม่หยุด
เจ้าสิบตกใจร้องไห้ขึ้นมา หมอบอยู่กับพื้นหันไปทางฮู่เฟย “ท่านแม่ หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่กล้าเอายามาเล่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮู่เฟยขมึงตึงทันที “เจ้า…เจ้าเอาไป? อยู่ที่ไหน?”
เจ้าสิบร้องไห้สะอึกสะอื้น “หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเห็นท่านแม่ซ่อนเอาไว้ นึกว่าเป็นของล้ำค่าอะไร ก็เลยหยิบมาเล่น ไหนเลยจะรู้ว่าเป็นยา หม่อมฉันโยนทิ้งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อมู่หรูกงกงได้ยินเช่นนี้ก็แตกตื่นขึ้นมา “องค์ชายทรงทิ้งไว้ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ทรงทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไร?”
“ข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้แล้ว!” เจ้าสิบร้องไห้พลางเอ่ย
ฮู่เฟยโมโหจนตบไปฉาด “เจ้ายังร้องไห้อีก? ทำผิดแล้วยังกล้าร้องไห้? ใครให้เจ้าไร้ระเบียบเช่นนี้ ของของข้าเจ้าก็รื้อได้ตามอำเภอใจหรือ?”
เจ้าสิบโดนตบหน้า ทั้งเจ็บทั้งน้อยใจ กระโดดวิ่งออกไปข้างนอกทันที วิ่งไปก็ร้องไห้โฮไป “เจ้าตีข้า ข้าจะไปฟ้องเสด็จพ่อ”
มู่หรูกงกงเห็นฮู่เฟยกดท้องน้อย เกรงว่านางจะเสียสุขภาพ จึงรีบเอ่ย “ท่านหญิงอย่าทรงกริ้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายยังทรงพระเยาว์ ทั้งไม่ทราบว่าของสิ่งนี้สำคัญมาก ลองค้นหาดูก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ อาการของท่านโสวฝู่วิกฤตมาก”
ฮู่เฟยยังไม่เอาความเจ้าสิบ อดทนกับการปวดท้อง ให้คนค้นหาทุกซอกทุกมุมในตำหนักทันที เป็นยาแค่เม็ดเดียว ทั้งไม่รู้ว่าทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไร ยากที่จะหากลับมาได้ และความจริงก็เป็นเช่นนั้น หาอยู่ครึ่งชั่วยามก็ไม่พบ
มู่หรูกงกงจึงได้แต่กลับไปรายงานฮ่องเต้หมิงหยวน เมื่อถึงห้องทรงอักษร ฮ่องเต้หมิงหยวนกำลังอุ้มเจ้าสิบปลอบอยู่ พอได้ยินการรายงานจากมู่หรูกงกง เขาก็ขมวดคิ้วมองเจ้าสิบ “เหตุใดเจ้าจึงซุกซนเช่นนี้? รื้อของของท่านแม่ตามอำเภอใจได้อย่างไร?”
เดิมทีเจ้าสิบก็ร้องไห้ตาบวมอยู่แล้ว ตอนนี้เสด็จพ่อยังขมึงตึงใส่อีก เขาจึงร้องไห้โฮออกมา ปากก็ว่า “หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่กล้าแล้ว!”