บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1629 สอบถามก่อนและหลัง
วันรุ่งขึ้น สองคนแม่ลูกก็ออกเดินทางไปแคว้นจินทันที
เจ๋อหลานรู้สึกว่าไม่ควรเปิดเผยตัวตนของแม่ ถ้านางไปแคว้นจินด้วยสถานะฮองเฮา ผู้คนจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพราะผลพวงจากเรื่องการแต่งตั้งฮองเฮาได้
เช่นนั้นแล้ว จะยิ่งดึงดูดการถกเถียงให้รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
หยวนชิงหลิงก็เห็นด้วยกับคำพูดของเจ๋อหลาน จึงแต่งตัวให้ดูธรรมดาเรียบง่าย ไม่เหมือนฮองเฮาแห่งเป่ยถังแม้แต่น้อย
ส่วนทางจิ่งเทียน ถ้าเขาดูออก ก็แค่ห้ามไม่ให้เขาพูดออกมาก็พอ
สองแม่ลูกใช้พลังเหนือธรรมชาติ ในไม่ช้าก็ไปถึงเหลียงโจว
ครั้งนี้เจ๋อหลานไม่ได้ปิดบังสถานะของตัวเอง ตรงไปที่วังหลวงโดยเปิดเผยสถานะ แล้วขอพบฮ่องเต้
หลังจากที่ทหารองครักษ์รู้สถานะของนางแล้ว ก็ไม่กล้าละเลย รีบพาพวกนางเข้าไปในวังทันที
เมื่อจิ่งเทียนรู้ว่าเจ๋อหลานมา ก็รีบจบการประชุมราชการอย่างรวดเร็ว แล้วรีบไปพบนางที่ตำหนักกวงหมิง
เมื่อเขาเข้าไปในตำหนัก สายตาก็จับจ้องเพียงเจ๋อหลาน ในสายตาฉายแววตื่นเต้นยินดีมาก เดินอย่างรวดเร็วเข้าไปมองเจ๋อหลานใกล้ ๆ ในดวงตาเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เจ้ามาแล้ว
อื้ม ข้ามีเรื่องที่ต้องมาพบเจ้า เจ๋อหลานลุกขึ้นยืนแล้วค้อมกาย ข้าขอแนะนำให้เจ้าได้รู้จักกับผู้อาวุโสท่านนี้ของข้า
เวลานี้เองที่จิ่งเทียนได้เห็นหยวนชิงหลิง ดวงตาที่ฉายแววมีความสุขก็ถูกเก็บกลับไปเกือบจะในทันที เปลี่ยนเป็นท่าทางระมัดระวังและเชื่อฟัง หันไปสั่งให้ข้ารับใช้ในวังทั้งหมดออกไป หลังจากที่ประตูปิดลง ค่อยค้อมกายคารวะเต็มพิธีต่อหยวนชิงหลิง ขอถวายบังคมฮองเฮาแห่งเป่ยถัง !
เขาตรวจสอบข้อมูลของเจ๋อหลานมาเป็นเวลานานมากแล้ว ภาพเหมือนของฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งเป่ยถัง ก็ล้วนถูกส่งถึงมือเขานานแล้วเช่นกัน ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน แต่กลับยังจดจำรูปลักษณ์ของพวกเขาได้
หยวนชิงหลิงไม่รู้สึกแปลกใจที่เขาจะจำนางได้ แค่มองดูเขาอย่างจริงจัง หน้าตาหล่อเหลาสง่างามมาก ดวงตาดูอบอุ่น มีกลิ่นอายของความเผด็จการตามแบบฉบับฮ่องเต้อยู่เล็กน้อย หยวนชิงหลิงพูดว่า ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงคุยกันเถอะ
พ่ะย่ะค่ะ! จิ่งเทียนรู้สึกประหม่ามาก ค้อมกายคำนับอีกครั้ง เชิญท่านนั่งก่อน
หลังจากที่หยวนชิงหลิงนั่งลงแล้ว เขาค่อยนั่งลงช้า ๆ สายตาเหลือบมองไปที่เจ๋อหลานอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้คาดหวังว่าฮองเฮาจะเสด็จมา คิดว่าอย่างมากสุด ก็คงจะเป็นการส่งจดหมายประณามการกระทำมาสักฉบับเท่านั้น
แต่การที่พวกเขาให้ความสำคัญขนาดนี้ นับว่าเป็นเรื่องดี
เขาเตรียมใจไว้อย่างรวดเร็วว่า ถ้าฮองเฮาถามความผิดของเขา เขาจะรีบกล่าวขออภัยจากนาง จากนั้นค่อยอธิบาย
ดังนั้น หลังจากที่เขานั่งลง เขาก็ค่อย ๆ หายใจเข้าออกลึก ๆ เฝ้ารอคำถามของหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงยังคงมองเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า ฮ่องเต้ ที่ข้ามาหาเจ้าในครั้งนี้ เพราะมีบางอย่างจะถามเจ้า โปรดบอกข้ามาตามจริง ห้ามปิดบังซ่อนเร้นแม้แต่น้อย
จิ่งเทียนนั่งตัวตรงแน่ว สองมือวางประสานไว้บนหัวเข่า ยืดเอวตรง เชิดหน้าขึ้น พ่ะย่ะค่ะ เชิญท่านถามมาได้เลย
เขาคิดว่าฮองเฮาจะต้องถามเรื่องการแต่งตั้งเจ๋อหลานให้เป็นฮองเฮาแน่ ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกประหม่ามาก
แต่ฮองเฮากลับไม่ได้ถามเรื่องนี้เลย นางพูดว่า ข้าได้ยินเจ๋อหลานบอกว่า เจ้ารู้ศาสตร์วิชาควบคุมน้ำ เจ้ารู้จักวิชานี้ได้อย่างไร?
จิ่งเทียนตกใจจนผงะ ท่านพูดถึงการควบคุมน้ำให้เป็นน้ำแข็งใช่หรือไม่?
ควบคุมน้ำให้เป็นน้ำแข็ง? เอ่อ ก็ถือว่าใช่ เจ้ารู้แค่วิธีควบคุมน้ำให้เป็นน้ำแข็งได้อย่างเดียวเท่านั้นรึ?
ถ้าควบคุมน้ำให้เป็นน้ำแข็ง ข้าสามารถทำได้ตามใจนึก แต่หากเป็นศาสตร์การควบคุมน้ำ..… ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
หยวนชิงหลิงตกตะลึง ความหมายของเจ้าคือ ไม่ใช่ว่าเจ้าสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของน้ำผ่านทางความคิดของเจ้า ทำได้แค่เปลี่ยนรูปร่างของน้ำได้ด้วยความคิดของเจ้าเท่านั้นรึ?
จิ่งเทียนเหลือบตามองเจ๋อหลานแวบหนึ่ง มีท่าทีงงงันเล็กน้อย เจ๋อหลานอธิบายว่า ที่แม่ของข้าจะพูดคือ เจ้าแค่เปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำแข็งได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของน้ำได้ ยกตัวอย่างเช่น สามารถทำให้น้ำในทะเลสาบภายในวังเกิดการเคลื่อนไหว แล้วบินไปที่ไหนสักแห่ง หรือนำไปส่งในระบบชลประทานได้ อะไรทำนองนี้น่ะ
จิ่งเทียนเข้าใจในที่สุด พูดว่า การควบคุมน้ำค่อนข้างยาก มักล้มเหลวอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้าหากทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง หรือต่อให้เปลี่ยนน้ำทั้งทะเลสาบให้แข็งตัวหมด หรือเปลี่ยนน้ำแข็งให้กลายเป็นอาวุธ ข้าล้วนทำได้ทั้งสิ้น
เทียบได้กับเมื่อคราวก่อนตอนที่รู้ว่าเรือนของเจ๋อหลานถูกเผา เขาจึงใช้ความสามารถในการควบคุมน้ำให้เป็นน้ำแข็ง ทำการเปลี่ยนน้ำให้เป็นอาวุธ แล้วใช้โจมตีอ๋องเจิ่นกั๋วนั่นเอง
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว จุดนี้แตกต่างจากเจ้าห้า ตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบันตอนที่ไปชายหาด เจ้าห้ายังถึงกับสั่งน้ำในทะเลได้ ส่วนที่ว่าเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำแข็งนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่
แต่ถ้าว่ากันตามจริง ที่นี่ต่างหากถึงจะเป็นแหล่งกำเนิดของหนอนน้ำแข็ง ความสามารถในการควบคุมน้ำของเขาควรต้องดีกว่าเจ้าห้าถึงจะถูก ทำไมถึงตรงกันข้ามไปเสียได้ล่ะ?
หยวนชิงหลิงยกน้ำชาที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา ถ้าเป็นแค่น้ำแก้วนี้ เจ้าสามารถทำให้มันล้นออกมาได้หรือไม่?
จิ่งเทียนพยักหน้า ถ้าเป็นแค่น้ำแก้วเดียว คิดว่าทำได้แน่พ่ะย่ะค่ะ
ทันทีที่เขาคิด น้ำในถ้วยน้ำชาก็ค่อย ๆ ล้นออกจากปากถ้วยช้า ๆ อัตราการล้นมีค่าเฉลี่ยที่สม่ำเสมอมาก เห็นได้ว่าสามารถควบคุมได้ดีทีเดียว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การควบคุมน้ำในทะเลสาบที่อยู่ข้างนอก มันค่อนข้างยากสำหรับเจ้าอย่างนั้นสินะ? หยวนชิงหลิงวางถ้วยน้ำชาลง แล้วถามอีกครั้ง
บางครั้งก็ทำได้ แต่ถ้าทำให้กลายเป็นน้ำแข็งจะง่ายกว่า จิ่งเทียนตอบตามความจริง
หยวนชิงหลิงถามว่า แล้วเจ้าเริ่มรู้ว่าตัวเองมีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
จิ่งเทียนตอบว่า ตั้งแต่อายุได้ราว ๆ สี่ห้าขวบข้าก็เริ่มมีแล้ว แต่เพราะอะไรถึงมีความสามารถนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ ตอนนั้นข้ายังเด็กมาก จำไม่ค่อยได้เหมือนกันว่าเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แล้วเจ้าเคยป่วยหนัก หรือพูดอีกอย่างคือ เคยไปเจอกับเรื่องที่แปลกประหลาด ประเภทว่าได้ไปเจอกับคนที่มีความสามารถพิเศษมาก ๆ อะไรแบบนั้นบ้างหรือไม่?
จิ่งเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจอกับเรื่องประหลาดนั้นไม่มี ส่วนเรื่องที่ว่าป่วยหนัก ข้าได้ยินจากแม่นมว่าตอนข้ายังเล็กเคยป่วยหนักมาก จนเกือบต้องตายอยู่แล้ว
ดวงตาของหยวนชิงหลิงหรี่ลง ถ้าเช่นนั้น หลังจากที่เจ้าป่วยด้วยโรคร้ายที่ว่านี้ ค่อยมีความสามารถในการควบคุมน้ำ… ควบคุมน้ำให้เป็นน้ำแข็งอย่างนั้นหรือ?
จิ่งเทียนตอบว่า ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่าก่อนหรือหลังอาการป่วย ถึงค่อยมีความสามารถนี้ แต่เดาว่าน่าจะเป็นวันก่อนหน้าไม่ก็หลังจากนั้นแค่ไม่กี่วัน
หยวนชิงหลิงถามว่า เจ้าจะถือสาหรือไม่หากข้าจะขอเก็บเลือดของเจ้าสักหน่อย ขอไปไม่มากหรอก
จิ่งเทียนใจกว้างมาก ใครก็ได้ ไปเอากริชกับชามมาหน่อยซิ
หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า ไม่ต้องหรอก ข้ามีอุปกรณ์เจาะเลือด แค่เจ้าตกลงก็พอแล้ว
จิ่งเทียนส่งเสียงตอบรับเสียงหนึ่ง มองดูนางหันหลังเดินออกไป เพียงไม่นานก็เข้ามาพร้อมกับของที่เหมือนกับกล่องยา
นางหยิบเอาของบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจออกมา แล้วเอาเชือกเส้นหนึ่งมารัดรอบข้อมือ ใช้เข็มเจาะเข้าไปในผิวหนังของเขา ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าเลือดไหลเข้าไปในท่อที่ต่อกับเข็มนั้นทันที
หลังจากสูบออกไปได้สามหลอด นางก็ดึงเข็มออก แล้วพูดว่า ขอบใจเจ้ามาก ถ้าได้ผลอย่างไรแล้ว ข้าจะให้เจ๋อหลานมาบอกให้เจ้ารู้
เพราะเหตุใด ฮองเฮาถึงได้สนใจความสามารถควบคุมน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งของข้าถึงขนาดนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ? จิ่งเทียนถาม
หยวนชิงหลิงถอนหายใจจากส่วนลึกสุดของหัวใจเลยทีเดียว ใครใช้ให้จดหมายของเจ้าเป็นพาหะส่งหนอนน้ำแข็งเข้าไปในตัวเจ้าห้ากันล่ะ? ต่อให้ไม่อยากสนใจก็ทำไม่ได้แล้วล่ะ
ข้าสนใจคนที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติเป็นพิเศษน่ะ หยวนชิงหลิงทำได้แค่พูดแบบนี้ออกไปเท่านั้น
จิ่งเทียนยิ้มกว้างจนตายิบหยี ถ้าเช่นนั้นก็นับว่าเป็นเกียรติของข้าเหลือเกินแล้ว
ในอดีต เขาเอาแต่คิดอยู่เสมอว่าความสามารถนี้มันแปลกมาก ไม่มีใครที่มีอะไรแบบนี้ เขาเป็นคนเดียวที่มีมัน ซึ่งผิดปกติไปจากคนอื่นมาก แต่คิดไม่ถึงว่ากลับทำให้ท่านแม่ของเจ๋อหลานรู้สึกสนใจได้ เขาพลันรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ความสามารถนี้ช่างดีเสียเหลือเกิน
หลังจากเก็บเลือดแล้ว หยวนชิงหลิงก็ถามเกี่ยวกับอาการป่วยของเขาทั้งก่อนและหลัง หรือบางครั้งก็ถามว่า ในแคว้นจินมีใครที่เป็นเหมือนเขาบ้างหรือไม่ เมื่อก่อนเขาเคยอาศัยอยู่ที่ไหน เคยไปที่ไหนมาบ้าง หยวนชิงหลิงถามทุกคำถาม แบบเก็บรายละเอียดครบถ้วนอย่างมาก
จิ่งเทียนเค้นความทรงจำทุกอย่างในสมอง ตอบทุกสิ่งที่นางถามและทุกอย่างที่เขารู้ออกไป ชนิดหมดเปลือกไม่มีปิดบัง
การสนทนาครั้งนี้ นับว่าพอได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ตอนเด็ก ๆ เขาเคยอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเก่า เพราะสุขภาพอ่อนแอ ถูกเลี้ยงดูมาในวัดแห่งหนึ่งในแคว้นจิน วัดแห่งนั้นตั้งอยู่ในเขตภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นจิน ปีหนึ่ง ๆ จะมีหิมะตกราวเจ็ดถึงแปดเดือน ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีทะเลสาบแห่งหนึ่ง แต่น้ำในทะเลสาบกลับไม่เคยเป็นน้ำแข็ง เขาชอบไปนั่งเล่นที่ริมทะเลสาบ
เขายังจำได้ลาง ๆ ว่าเขาป่วยที่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นนั่นเอง
แต่เรื่องที่ว่าเขามีความสามารถนี้หลังจากที่ล้มป่วย หรือก่อนหน้าจะล้มป่วยนั้น เขากลับจำได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก อีกทั้งคนที่ดูแลเขาอยู่เมื่อตอนนั้น ก็ล้วนตายด้วยน้ำมือของอ๋องเจิ่นกั๋วไปจนหมดแล้ว
หลังจากถามไปได้พอสมควรแล้ว หยวนชิงหลิงก็พาเจ๋อหลานออกจากวังไป จิ่งเทียนก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าพยายามจะรั้งไว้มากมายอะไรนัก เพราะกลัวว่าถ้ากระตือรือร้นเกินไป อาจทำให้พวกนางรู้สึกหวาดกลัว
หลังจากที่สองแม่ลูกออกจากวัง ก็ตัดสินใจว่าจะนั่งรถจากไป แต่กลับเห็นใครคนหนึ่งพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน แล้วร้องเรียกเสียงหนึ่งว่า ดอกเตอร์!
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้น พลันได้ยินเสียงเจ๋อหลานพูดด้วยความประหลาดใจว่า ท่านอาจารย์!