บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 683 วิเคราะห์อ๋องอานสักหน่อย
หลังจากที่อ๋องอานออกจากวัง เขาก็ขี่ม้าตรงไปยังกรมการพระนคร
เขารู้ว่าหลังจากหยู่เหวินเห้าได้รับบาดเจ็บ จะต้องเชิญหยวนชิงหลิงไปที่นั่นอย่างแน่นอน อีกทั้งอาการบาดเจ็บของหยู่เหวินเห้าก็ไม่ใช่เบา ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านี้ย่อมไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า หยวนชิงหลิงจะต้องอยู่ที่กรมการพระนครแน่
หลังจากอ๋องอานออกจากกรมการพระนครไป ในกรมก็เพิ่มการป้องกันให้แน่นหนามากขึ้น
ในความมืดมิดมองเห็นได้ว่า มีม้าตัวหนึ่งวิ่งตะบึงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่ารูปพรรณสัณฐานเหมือนกับอ๋องอาน จึงเตรียมการป้องกันอย่างเคร่งเครียด รวมถึงมีคนรีบเข้าไปรายงานทันที
อ๋องอานพุ่งเข้าไปที่ประตูกรม พลิกตัวลงจากหลังม้า พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่ได้มาเพื่อก่อเรื่อง ข้าอยากพบพระชายารัชทายาท เร็วเข้า!”
หยวนชิงหลิงดูแลหยู่เหวินเห้าอยู่ด้านหลังที่ทำการ นอนคว่ำหน้าฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ พอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก นางก็ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง พอดีกับที่อาซี่ผลักเปิดประตูเข้ามาแล้วพูดว่า “พี่หยวน อ๋องอานมาอีกแล้ว บอกว่าอยากพบท่าน”
เดิมทีหยู่เหวินเห้านอนหลับอยู่ ได้ยินว่าอ๋องอานมาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ดวงตาเบิกกว้าง พูดว่า “เขามาอีกแล้วรึ? คิดจะทำอะไรอีกล่ะ? เสียสติไปแล้วรึ? ดี! มาเลย สู้กันอีกสักตั้งก็ได้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ไว้ไมตรีอีกต่อไปแล้ว! ”
“เขาบอกว่าเขาต้องการพบข้า” หยวนชิงหลิงเห็นท่าทางเขาดิ้นรนแบบพร้อมแลกชีวิตแล้ว ก็รีบเข้าไปปลอบเขาว่า “ เจ้าอย่าเพิ่งลุก เดี๋ยวถ้าแผลเปิดอีกมันจะเป็นปัญหาได้”
“พบเจ้าไปเพื่ออะไร? ห้ามไปพบเขาตามลำพัง ให้เขาเข้ามาที่นี่” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างกังวล
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาไม่วางใจ จึงพูดกับอาซี่ว่า: “เจ้าไปบอกอ๋องอานว่าข้ากำลังดูแลอาการบาดเจ็บของรัชทายาทอยู่ ถ้าเขามีอะไรจะพูดให้เข้ามาพูดที่นี่”
“ได้ ข้าจะออกไปบอกสวีอี” อาซี่พูดจบก็หันหลังกลับ แล้วเดินออกไปทันที
หยู่เหวินเห้าสงบลงแล้ว หันไปมองหยวนชิงหลิงพลางพูดว่า “เจ้าบอกว่าเขาต้องการพบเจ้า หรือว่าจะมาเชิญเจ้าเข้าวังไปรักษาพี่สะใภ้สี่?”
หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบา: “ไม่รู้สิ เจ้าอย่าเดาส่งเดชเลย นอนลงก่อน”
หยู่เหวินเห้าดึงมือนางไว้ ยืมแรงขยับขึ้นไปด้านหน้าล็กน้อย ขอให้หยวนชิงหลิงยกหมอนให้เขาสูงขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้เขาดูมีท่วงท่างามสง่าไม่ดูด้อยในสายตาใคร
เขาพูดว่า “ถ้าหากใช่ล่ะก็ ไปก็ไม่ดี ไม่ไปก็ไม่ดี ถ้าไปแล้วรักษาไม่หาย ความรับผิดชอบก็จะมาตกอยู่กับเจ้า แต่ถ้าไม่ไป พี่สะใภ้สี่ก็ต้องตายแน่นอน เจ้าคิดว่าจะทำเช่นไรรึ?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า: “ลองฟังดูก่อนแล้วกัน”
ในฐานะพระชายารัชทายาท แน่นอนว่านางสามารถเลือกได้ว่าจะไปหรือไม่ไป
แต่ในฐานะหมอ นางไม่มีทางเลือก อีกทั้งคนคนนั้นคือพระชายาอานเสียด้วย
สิ่งที่นางจำได้แม่นยำที่สุดเกี่ยวกับพระชายาอาน ก็คือครั้งหนึ่งตอนที่พวกนางได้คุยกัน นางมองดูตัวเองอย่างเหนียมอาย พูดว่านางกลัวว่าบรรดาพี่น้อง พี่สะใภ้น้องสะใภ้ จะทำลายมิตรภาพความสัมพันธ์อันดีต่อกันในวันใดวันหนึ่ง
อ๋องอานปกป้องนางได้อย่างดีมาก ไม่ยอมให้นางต้องสัมผัสกับสิ่งสกปรกใด ๆ ในโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย แต่พระชายาอานก็ไม่ใช่คนโง่ไร้สมอง นางสามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศของสถานการณ์อันตึงเครียด ที่ทุกคนต่างพร้อมจะหันดาบเข้าหากันได้ทุกเมื่อ
ดังนั้น นางจึงดูเหมือนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีความสุขในชีวิต แต่ในใจนางลึก ๆ กลับมีความรู้สึกสับสนย้อนแย้งอยู่
ยิ่งอ๋องอานปกป้องนางไว้ในปราสาทที่สร้างขึ้นบนความว่างเปล่ามากเท่าไหร่ ยามเมื่อนางมองลงมา ก็ยิ่งเกิดความรู้สึกหวาดหวั่น ชวนอกสั่นขวัญหายมากขึ้นเท่านั้น
สวีอีนำทางอ๋องอานเข้ามา นอกจากสวีอีแล้ว ยังมีทังหยางกับอาซี่ พวกเขาทั้งหมดต่างมายืนขวางอยู่ตรงหน้าหยวนชิงหลิง จ้องมองอ๋องอานอย่างไม่เป็นมิตร
หยวนชิงหลิงไม่ได้พบหน้าอ๋องอานมาหลายวันแล้ว ดังนั้นเมื่อนางได้เห็นเขาในแวบแรก นางก็ถึงกับตกใจจนผงะไปเลยทีเดียว
เมื่อก่อนที่ได้เห็นเขา มักจะเห็นคนที่มีจิตใจอันกระฉับกระเฉง ดูมีชีวิตชีวา แต่งกายหรูหรา สง่างามสูงศักดิ์เหมือนดั่งหยกเนื้อดีอยู่เสมอ
แต่ตอนนี้กว้านที่เขาใส่หลุดลุ่ย เส้นผมกระจัดกระจาย เสื้อผ้าก็มีรอยยับย่นทั้งยังอาบย้อมไปด้วยคราบเลือดบางส่วน บนใบหน้ามีไรหนวดขึ้นเป็นตอ เบ้าตาลึกโหล เส้นผมจำนวนหนึ่งบนขมับเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดแกมเหลือง ไม่หลงเหลือความสูงส่งงามสง่าเหมือนดังแต่ก่อน
เขายืนอยู่ที่นั่นในสภาพที่เหมือนคนตกอับ คล้ายคนที่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวเดียวดาย ต้องเหลือตัวคนเดียวในโลกใบนี้ก็ไม่ปาน ในดวงตาไม่หลงเหลือแววเย่อหยิ่งชั่วร้ายเหมือนเมื่อก่อนให้เห็น ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ก่อนจะอ้าปากขึ้นพูดช้า ๆ ว่า ” พระชายารัชทายาท ข้ามีเรื่องจะมาขอร้องเจ้า ”
หยวนชิงหลิงยังไม่ทันจะพูดอะไร หยู่เหวินเห้าก็กระแอมไอขึ้นมาเสียงหนึ่ง อ๋องอานหันไปมองหยู่เหวินเห้าอย่างตกใจและเจ็บปวด พูดอย่างร้อนใจว่า: “เจ้าห้า คืนนี้ข้าทำร้ายเจ้า ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วย แต่เห็นแก่ความเป็นพี่น้องเถอะนะ ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย ตอนนี้พี่สี่ขอร้องเจ้าสักเรื่อง หวังว่าเจ้าจะเห็นแก่ความรักระหว่างพี่น้องของพวกเรา โปรดให้พระชายารัชทายาทเข้าวังเพื่อไปรักษาพี่สะใภ้สี่ของเจ้าด้วยเถอะ นาง…..ไม่มีความผิดอะไร ทั้งยังไม่เคยทำร้ายพวกเจ้ามาก่อนเลย ”
หยู่เหวินเห้าหันไปมองเขา ขยับปากอ้าออก เดิมทีคิดอยากจะพูดประชดประชันออกไปว่าครั้งนี้รู้จักพูดถึงความรักระหว่างพี่น้องแล้วหรือ? ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นจะรู้จักคิดถึงบ้างเลยล่ะ?
เพียงแต่ คำพูดเหล่านี้กลับไม่อาจพูดออกมาจากปากได้ ทำได้เพียงมองไปที่หยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงเงียบไปครู่หนึ่ง ทั้งไม่ได้ปฏิเสธ อ๋องอานก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดกับนางด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนว่า: “เจ้ามีเงื่อนไขอะไร? เจ้าว่ามาได้เลย ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าจะตอบตกลงพวกเจ้าอย่างแน่นอน”
หยวนชิงหลิงวางมือบนกล่องยาที่อยู่บนโต๊ะ แล้วพูดขึ้นว่า “เงื่อนไขมีเพียงข้อเดียว ถ้ารักษาไม่ได้ โปรดเชื่อว่าข้าได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ขอเพียงท่านอ๋องรับปากเงื่อนไขข้อนี้ ข้าจะไปกับเจ้าทันที”
“ตกลง ข้ารับปาก!” อ๋องอานตอบรับไปประโยคหนึ่ง แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหยวนชิงหลิงจะให้ความช่วยเหลืออย่างราบรื่นเช่นนี้
หยู่เหวินเห้าได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถตามไปได้ สวีอีกับทังหยางรวมถึงอาซี่จึงร่วมทางไปด้วย
กู้ซือเฝ้าอยู่หน้าประตูวัง เขาปล่อยให้อ๋องอานเข้ามา หยวนชิงหลิงก็สามารถเข้ามาได้ แต่ว่าทังหยางกับสวีอีไม่สามารถเข้าวังในเวลากลางคืนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปที่วังหลัง ทั้งสองไม่อาจตามเข้าไปได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีเพียงอาซี่คนเดียวที่ตามเข้าไป
อาซี่ตื่นตัวระแวดระวังไปตลอดทาง เพราะกลัวว่าจู่ ๆ อ๋องอานจะเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา แต่หลังจากที่อ๋องอานเดินเข้าไปถึงตรอกในวัง ก็บอกหยวนชิงหลิงว่าเขาขอล่วงหน้าไปก่อน ขอให้ทั้งสองคนตามมาโดยเร็ว
เมื่อเห็นอ๋องอานวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วราวกับเหาะ อาซี่ก็อดแปลกใจไม่ได้ “คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องอานจะให้ค่ากับความรักมากมายเช่นนี้ นี่ไม่เหมือนกับตัวเขาในยามปกติเลยจริง ๆ”
“ในโลกของเขา มีเพียงพระชายาอานเท่านั้นที่เป็นตัวตนอันงดงามสมบูรณ์แบบ เขาย่อมรักใคร่หวงแหนมากเป็นธรรมดา” หยวนชิงหลิงสาวเท้าก้าวเดินอย่างรวดเร็ว พลางตอบคำถามของอาซี่ไปด้วย
อาซี่เดินไล่ตามขึ้นมา ถามว่า “เช่นนั้นพี่หยวนคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ ว่าเพื่อพระชายาอานแล้ว เขาจะยอมปล่อยวางการต่อสู้แย่งชิงอำนาจการครองบัลลังก์ ? หรือบางทีเขาอาจจะกลายเป็นคนดีขึ้นมาได้ นั่นคงจะดีมากเลยทีเดียวนะ”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “อาซี่ การคิดอย่างไร้เดียงสาเป็นเรื่องดี แต่อ๋องอานขบคิดวางแผนเรื่องนี้มานานขนาดนั้นแล้ว เขาจะยอมปล่อยวางมันไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน? บางทีตอนนี้เขาอาจเต็มใจประนีประนอมเป็นการชั่วคราวเพื่อพระชายาอาน นั่นเพราะชีวิตนี้ของเขา ไม่อาจทนรับการสูญเสียนี้ได้ เขามองในแง่กำไรขาดทุนว่ามันหนักหนาสาหัสมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกรักใคร่ที่เขามีต่อพระชายาอานนั้นเป็นของจริง ในเส้นแบ่งระหว่างความเป็นความตายเช่นนี้ ความรู้สึกมักจะอยู่เหนือความมีเหตุมีผลเสมอ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสูญเสียพระชายาอานไป หรือพระชายาอานรอดปลอดภัยไร้อันตรายแล้ว เขาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเก่า”
อาซีมองดูหยวนชิงหลิงอย่างชื่นชม “พี่หยวน การวิเคราะห์ของท่านช่างอย่างละเอียดลึกซึ้งนัก!”
หยวนชิงหลิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร จะดีจะร้ายนางก็เคยเรียนโทในสาขาจิตวิทยาคลินิกมาก่อน
อันที่จริง นางก็เคยศึกษาวิจัยพฤติกรรมของอ๋องอานมาก่อน คนคนนี้มักใช้วิธีการอันโหดเหี้ยมชั่วร้าย พร้อมทำทุกวิธีเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย บางครั้งก็ชั่วร้าย บางครั้งก็กลับดำให้เป็นขาวได้อย่างไม่นึกละอาย
เขารักพระชายาอาน แต่ไม่ได้ซื่อสัตย์ เขาสามารถอยู่กับผู้หญิงคนอื่นได้ เช่นอะหลูเป็นต้น แต่เขามีท่าทีห่างเหินเย็นชากับอะหลูมาก เห็นได้ชัดว่าแค่ต้องการใช้ประโยชน์ แต่ไม่ได้มีความรักใคร่เสน่หาอะไรเลยแม้แต่น้อย
ไม่น่าแปลกใจหรอก ความรักกับความต้องการทางเพศของผู้ชาย มักแยกออกจากกันเสมอ
มีผู้ชายหลายคนที่ในใจรักใครคนหนึ่งอยู่ แต่ก็ยังสามารถปฏิสัมพันธ์ทางเนื้อหนังกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ได้เหมือนเดิม พวกเขาไม่คิดว่านี่คือการทรยศ เพราะพวกเขาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าหัวใจของพวกเขาภักดีต่อความรู้สึกนี้
แต่คนประเภทนี้มักจะมีสองมาตรฐาน คือไม่สามารถยอมรับได้ว่า คนที่ตัวเองรักมีปฏิสัมพันธ์ทางเนื้อหนังกับผู้ชายคนอื่น เพราะคิดเอาเองว่าความรักและการร่วมรักของผู้หญิง จะต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
คนอย่างอ๋องอานก็น่าจะจัดอยู่ในประเภทนี้
นางส่ายหัว เร่งฝีเท้าวิ่งเหยาะ ๆ ตามอาซี่ไปตลอดทาง จนเวลาแบบนี้แล้ว ยังจะมัวคิดถึงผู้ชาย ผู้หญิง ความสัมพันธ์ทางเพศอะไรอีกล่ะ ? มันไม่มีความหมายอะไรแล้วทั้งนั้น