บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 829 สองพลังอำนาจ
หยู่เหวินเห้าก็ไม่ค่อยกระจ่างว่าคนวงการยุทธจักรชาวยุทธภพมีอะไรพิเศษ อย่างไรเสียผู้คนมากมายที่ฝึกซ้อมวิทยายุทธก็เพื่อดูแลปกป้องบ้านเรือนของวงศ์ตระกูลที่เรืองอำนาจ ในนั้นก็ไม่ขาดแคลนลูกๆหลานๆที่ซื่อสัตย์
เขามองดูเสี้ยวหงเฉิงแล้วกล่าว: “ความโลภเป็นสันดานเดิมของมนุษย์ บวกกับฐานะวงศ์ตระกูลจวนอ๋องชินเป่าไม่ได้ต่ำต้อย อาศัยภายใต้ใบบุญของเขา ก็ไม่เห็นว่าจะน่าน้อยใจอย่างไร”
เสี้ยวหงเฉิงเห็นสีหน้าเขางุนงง จึงอธิบายอย่างอดทน: “ไม่ผิด ความโลภเป็นสันดานเดิมของมนุษย์ แต่ก็เหมือนที่ข้าพูดเมื่อครู่เฉินต้าถงผู้นี้ ตระกูลของเขาร่ำรวย เขาไปอาศัยพึ่งพิงในบ้านของอ๋องชินเป่า นั้นไม่ต้องเอ่ยก็รู้ว่าไม่ใช่เพราะทรัพย์สินเงินทอง ในเมื่อไม่ใช่เพราะทรัพย์สินเงินทอง เช่นนั้นมากกว่าครึ่งก็เพราะต้องการอำนาจ แต่ว่า ตอนนี้อ๋องชินเป่าไม่ได้เข้ามาเป็นขุนนางในราชสำนัก อำนาจในตอนนี้ก็ขอร้องไม่ได้ ดังนั้น ที่ร้องขอได้ก็คืออนาคต”
“อันที่จริงตอนแรกเริ่มอ๋องชินเป่ามีความคิดก่อการกบฏ ก็ไม่ใช่ว่าถูกต้องแล้วหรือ?” หยู่เหวินเห้ายิ่งฟังยิ่งงงแล้ว
เสี้ยวหงเฉิงส่ายหน้า “เหล่านี้คือสำนักใหญ่ วิสัยทัศน์เด่นไม่เหมือนคนอื่นเป็นที่สุด โดยเฉพาะเฉินซู่ที่ให้ลูกชายของตัวเองมาที่จวนอ๋องชินเป่า แต่ไม่ได้ส่งผู้มีฝีมือสูงส่งในสำนักมาอย่างชุ่ยๆ สามารถเห็นได้ว่าระมัดระวังรอบคอบและตั้งใจทำอย่างจริงจัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงไม่เลือกคนที่สามารถพึ่งพาได้มาขอพึ่งอาศัย? หนึ่งปีกว่าสองปีก่อนไปขอพึ่งอาศัย แม้เวลานั้นไปขอพึ่งอาศัยอ๋องจี้ ก็ยังจะเหมาะสมกว่า ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรัชทายาทท่านหรือว่าเป็นอ๋องอานแล้ว ไม่ว่าอย่างไร แม้แต่กำลังทหารธรรมดาๆอ๋องชินเป่าก็ไม่มี ยิ่งไร้อำนาจที่แท้จริงด้วย แม้หนึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้จะเริ่มวางแผน ก็เป็นเพียงการพูดจาเรื่อยเปื่อยประโยคหนึ่ง ทำไมกลับทำให้เฉินซู่ส่งลูกชายของตัวเองมาโดยไม่เสียดายล่ะเพคะ?”
เมื่อนางคลี่รายชื่อออก ชี้ชื่อด้านบน “ยังมีสามท่านนี้ ล้วนเป็นลูกศิษย์ของสำนักใหญ่ในวงการยุทธจักร วิทยายุทธสูงจนไม่ต้องเอ่ยถึง แผนการอุบายและความเฉลียวฉลาดล้วนเป็นที่หนึ่ง หากบอกว่าเฉินซู่เสี่ยงอันตราย ก็ไม่ถึงขั้นที่สำนักมากมายขนาดนี้จะเสี่ยงอันตรายตาม”
ทันทีที่หยู่เหวินเห้าได้ยินนางอธิบายเช่นนี้ จึงได้เข้าใจขึ้นมา “ดังนั้น คนเหล่านี้ไม่ใช่อ๋องชินเป่าชักชวนมา และไม่ได้มาขอพึ่งพาอาศัยเอง แต่มีคนจัดการให้มาซ่อนอยู่ข้างกายของอ๋องชินเป่า กลายเป็นคนสนิทของอ๋องชินเป่า”
“ถูกต้อง มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นคนของหงเย่” เสี้ยวหงเฉิงกล่าว
หยู่เหวินเห้าคิดแล้วคิดอีก ส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ ไม่ใช่คนของหงเย่ หากพวกเขาเป็นคนของหงเย่ อีกทั้งสมมติว่าพวกเขาขโมยแผนที่ทางการทหารไป จะรีบส่งต่อให้หงเย่ทันทีแน่นอน เช่นนั้นหงเย่ก็ไม่จำเป็นต้องมารอบหนึ่ง ตอนนี้จากที่พวกข้าได้สังเกตเขา แผนที่ทางการทหารเขายังทำไม่สำเร็จ เขายังคิดวิธีช่วยชีวิตอ๋องชินเป่าอยู่”
“จะเป็นการตบตาหรือไม่? ความจริงเขาได้แผนที่ทางการทหารแล้ว เพียงแค่ตั้งใจเข้ามาก่อกวนการสอดแนมของทุกคน”
หยู่เหวินเห้าโบกมือ บนใบหน้าที่สง่างามก่อเป็นพลังความเคร่งขรึม “ข้ามีความโน้มเอียงว่าในจวนของอ๋องชินเป่ามีสองพลังอำนาจ พลังหนึ่งคือท่านชายหงเย่ อีกพลังหนึ่ง ก็คือคนผู้นั้นที่ทำร้ายลู่หยวน ผู้มีฝีมือสูงส่งของวงการยุทธจักรเหล่านี้มีความเป็นได้ว่าจะเป็นการจัดการของสองพลังอำนาจนี้”
เสี้ยวหงเฉิงทำหน้าไม่ถูก “ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าอ๋องชินเป่าฉลาดเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเขาก็เป็นเพียงหมากของผู้อื่น”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “เจ้าพูดเช่นนี้ก็ผิดแล้ว เขาฉลาดมาก แต่เขาวางแผนช้าเกินไป ดังนั้น ในใจเขารู้ว่าอันที่จริงคนเหล่านั้นเชื่อไม่ได้ เบื้องหลังมีเจ้านาย แต่ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่มีคนที่สามารถใช้ได้ เจ้าดู ไม่ว่าจะเป็นการขโมยแผนที่ทางการทหาร หรือว่าพาฮูหยินใหญ่ไปถึงซีเจ้อ เขาล้วนไม่ได้ใช้คนเหล่านี้ แต่กลับไปใช้คนสนิทของตัวเอง บังเอิญคนสนิทเหล่านั้นไม่ได้นับว่าเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยม สุดท้ายก็ถูกหงเย่ฆ่าตาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้วางแผนและไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เขาเพียงแค่เตรียมตัวไม่พอ และไม่มีเวลาให้เขาเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้น”
เสี้ยวหงเฉิงพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของเขา กล่าวถาม: “เช่นนั้นท่านคิดว่าพลังอำนาจอีกหนึ่งเป็นผู้ใด”
ในใจหยู่เหวินเห้ามีคนที่เลือกไว้ล่วงหน้าแล้ว “ท่านพี่สี่”
เสี้ยวหงเฉิงคาดไม่ถึงเล็กน้อย “เขา? หมู่นี้เขาไม่ได้ประพฤติตัวเรียบร้อยไม่นอกลู่นอกทางเป็นอย่างมากแล้วหรือ?”
“ตอนนี้ดูเหมือนประพฤติตัวเรียบร้อยไม่นอกลู่นอกทาง แต่เจ้าก็ต้องไม่ลืม การซ่อนตัวเรื่องนี้อย่างน้อยก็อยู่ช่วงหนึ่งปีก่อน เวลานั้นชายารองหลูยังไม่เสียชีวิต กลยุทธ์ของผู้หญิงคนนี้เจ้าก็ไม่สามารถมองข้ามได้ ข้าสงสัยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเช่นนี้ สองพลังอำนาจที่ซ่อนตัวอยู่ในจวนอ๋องชินเป่าล้วนรู้ว่าอ๋องชินเป่าไปขโมยแผนที่ทางการทหารแล้ว และท่านพี่สี่ก็รู้ว่าในจวนของอ๋องชินเป่ามีคนอื่นซ่อนตัวอยู่ ดังนั้น หลังจากที่เขาได้รับข้อมูลแล้ว ก็ติดตามอ๋องชินเป่า คิดแย่งแผ่นที่ทางการทหารไปก่อนที่อ๋องชินเป่าจะกลับถึงจวน ใครจะรู้ว่าอ๋องชินเป่าได้พบลู่หยวน ลู่หยวนต่อสู้กับอ๋องชินเป่ารอบหนึ่ง ถูกอ๋องชินเป่าทำร้าย เขา……”
หยู่เหวินเห้ากล่าวเช่นนี้ ฉับพลันนั้นก็สับสนเล็กน้อยแล้ว
“ท่านวิเคราะห์เช่นนี้ดีมากนะเพคะ ทำไมหรือ?” เสี้ยวหงเฉิงเห็นเขาหยุดลง จึงเอ่ยถาม
หยู่เหวินเห้าเหลือบตาขึ้นด้วยความสงสัย “ก็ไม่ถูก ถ้าหากอ๋องชินเป่าทำร้ายลู่หยวนแล้ว แม้ว่าท่านพี่สี่ต้องการจะแย่งแผนที่ทางการทหารมา ก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายลู่หยวน เขาต่อกรกับอ๋องชินเป่าโดยตรงก็ได้แล้ว”
“อาจจะเพราะขนาดที่เขาลงมือ ลู่หยวนไม่ได้สลบไป ระหว่างนั้นได้ฟื้นขึ้นมาเห็นเขาแล้วล่ะ?”
“แต่ว่า อ๋องชินเป่าก็ไม่เคยพูดว่าได้ประมือกันกับคนอื่น” หยู่เหวินเห้าไตร่ตรองอย่างหนักครู่หนึ่ง ตบศีรษะทันที “ไม่ เขาได้ประมือกัน เขารู้ว่าคนที่ประมือกันกับเขาเป็นใคร เจ้าเจ็ดบอกว่าเขามีอะไรปิดบัง ที่ปิดบังก็คือคนผู้นี้”
“ปิดบังเพื่ออ๋องอาน? ทำไม?” เสี้ยวหงเฉิงไม่เข้าใจ
“นี่ก็ต้องถามเขาแล้ว” หยู่เหวินเห้ากะพริบตา มอบหมายเสี้ยวหงเฉิง “เจ้าช่วยข้าตรวจสอบไม่กี่สำนักนี้หน่อย สามารถจับได้ก็จับก่อนเลย จับไม่ได้ก็มอบให้องครักษ์ลับผี”
“ได้เพคะ!” เสี้ยวหงเฉิงรับคำสั่ง
จากนั้นหยู่เหวินเห้าควบม้ากลับกรมการพระนครทันที ครั้งนี้เขาบอกคนให้พาอ๋องชินเป่าไปด้านหลังที่ว่าการปกครอง บอกให้คนเตรียมเหล้าและอาหารโต๊ะหนึ่ง
อ๋องฉีไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้ทำไม “ท่านพี่ห้าทำไมถึงได้คิดถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวอีก? เขาทำความผิดอกตัญญูอย่างใหญ่หลวง ปฏิบัติดีต่อเขาเป็นการทำให้ฮ่องเต้ฮุยจงเสียพระเกียรติ”
หยู่เหวินเห้าตบไหล่ของเขา “คืนนี้เจ้าออกไปเร็วหน่อย ไปอยู่เป็นเพื่อนลู่หยวนก็ดี อยู่เป็นเพื่อนแม่สาวหน้ากลมก็ดี อย่าอยู่ที่ว่าการปกครอง”
อ๋องฉีสีหน้าท่าทางลำบากใจ “ลู่หยวนฟื้นแล้ว กลุ่มคนล้อมรอบข้างกาย ข้าไม่ไปหาเขาแล้ว สำหรับเจ้าอ้วน……ก็ให้นางอยู่เป็นเพื่อนลู่หยวนเถอะ”
หยู่เหวินเห้าเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เหมือนหญิงหม้ายเช่นนั้น ชอบก็ไปช่วงชิง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเสียใจทั้งชีวิต”
“พูดกับท่านไม่สนุกจริงๆ ไม่ทันได้ขยับก็ถูกสั่งสอน” อ๋องฉีหมุนตัวแล้วจากไป
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า มองดูว่าเป็นคนลังเลสองจิตสองใจ เวลาที่ไม่ควรดื้อรั้นกลับดื้อรั้น
หากว่ายายหยวนไม่สนใจเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะยากลำบากก็จะเอายายหยวนกลับมา ศักดิ์ศรีนับว่าเพ้อเจ้อ!
คิดถึงยายหยวน เขาก็นึกถึงท่านชายหงเย่ผู้นั้นขึ้นมาอีก ท่าทีของไอ้หนุ่มนี่ต่อยายหยวนคลุมเครือเป็นอย่างมาก โชคดีที่ยายหยวนจิตใจมั่นคงต่อเขา หลอกล่อไม่ไป
แต่ว่า ยังต้องระวังคนผู้นี้ ดีที่สุดสามารถมีหลักฐานพิสูจน์ว่าเขาเข้ามาปะปนในเรื่องนี้ ไล่เขาออกไปจากเป่ยถังในคราวเดียว จะไม่ได้ไม่ต้องหายใจไม่ทั่วท้อง
ปรับสภาพอารมณ์จิตใจ นั่งอยู่ด้านหลังที่ว่าการปกครองเงียบๆรออ๋องชินเป่า
พ่อครัวของด้านหลังที่ว่าการปกครองทำอาหารไม่กี่อย่าง อาหารคาวเหมาะสม ยังจะอุ่นเหล้าหม้อหนึ่ง อากาศหลังจากเข้าช่วงค่ำของปลายฤดูใบไม้ร่วงเดือนแรกของฤดูหนาวก็เย็นเป็นอย่างมาก หยู่เหวินเห้าตั้งใจบอกให้คนเคลื่อนเตาถ่านมาอันหนึ่งมาเป็นพิเศษ ทำให้ในห้องอุ่นขึ้นมา