บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 952 การเฝ้ารักษาของเด็กทั้งสอง
คุณยายและคุณตาดีใจเป็นที่สุดแล้ว สบตากันแวบหนึ่ง ทั้งเป็นการปลอบใจและเป็นความเสียดาย เวลานี้ หากว่าสามารถอยู่ข้างกายของหลิงเอ๋อได้จะดีขนาดไหนกันนะ แม้จะบอกว่าตอนนี้ได้เห็นพวกเด็กๆทั้งสามแล้ว แต่ความเป็นจริง พวกเขาล้วนไม่เคยพบเจอตัวจริงของพวกเด็กๆ แม้ว่าจะได้พบเจอแค่สักครั้งก็ยังดี
แม่ของหยวนชิงหลิงกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาไม่ได้ ทั้งชีวิตนี้ระหว่างแม่ลูกยังจะมีวันได้พบกันอีกหรือไม่?
การใช้ชีวิตในระยะนี้ของแม่ของหยวนชิงหลิง ซื้อของเล่นเด็กเล็กน้อย และซื้อกำไลข้อมือมังกรและหงส์ แผ่นกุญแจอายุยืน แต่ว่า พวกเขาทำได้เพียงสนทนากัน สิ่งของเหล่านี้ไม่มีปัญญาส่งมอบไปถึงมือของหลิงเอ๋อได้
นางยังซื้อเสื้อผ้าตัวเล็กๆนิดหน่อย สายสะพาย มีหลานเพิ่มนี่ ล้วนเป็นเรื่องน่ายินดี มีบางครั้งที่เดินเล่นกับเพื่อน เห็นแล้วก็ซื้อ แต่เสื้อผ้าเด็กๆเหล่านี้ ล้วนไม่มีทางได้สวมอยู่บนตัวของหลานตัวน้อยๆของเธอชั่วนิรันดร์
เธอรู้ว่าศาสตราจารย์หยวนยังจะซื้อขวดนมอีกด้วย แอบเก็บไว้ในกระเป๋าที่ห้องทำงาน จากนั้นเก็บไว้ในกล่องของห้องหนังสือ ขณะที่เธอทำความสะอาดเคยได้เจอ ขวดนมสองขวด ยังมีจุกนมหลอกอีกสองอัน
เหล่านี้ล้วนเป็นความปรารถนาความห่วงใยอย่างสุดซึ้งที่ซ่อนไว้ในใจ ส่งไปไม่ถึงเบื้องหน้าของลูกสาว ก็คิดว่าเหมือนเป็นสิ่งปกติที่คุณตาและคุณยายทางนั้นควรทำ
วันรุ่งขึ้น ทังหยวนกล่าวขอโทษต่อซาลาเปา บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไป แค่อยากลองดูว่าสามารถไปได้หรือไม่ แม้ว่าซาลาเปาจะโกรธมาก แต่เห็นใบหน้าที่ยอมรับผิดอย่างจริงใจของเขา ระบายความโกรธออกมาไม่ได้ กุมความโกรธเต็มท้องเอาไว้แล้วกล่าวยกโทษให้เขา
ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นทังหยวนไปขอรางวัลด้วยความดีใจเป็นที่สุดแล้ว ชั่งทำให้คนโมโหจริงๆ
หยวนชิงหลิงได้ยินทังหยวนบอกว่าคุณแม่ดีใจมาก แต่ดวงตาแดงแล้ว มีน้ำตาไหล ในใจของนางก็เป็นทุกข์ ทังหยวนรอตาแป๋วอยู่นานก็ไม่ได้คำชื่นชมที่รอจากท่านแม่ จึงจากไปด้วยความผิดหวังแล้ว
เฮ้อ เดิมทีคิดว่าท่านแม่จะลูบศีรษะของเขาแล้วชมเขาซะอีก ท่านแม่ลูบหัวเขาน้อยมากๆ หากท่านแม่ไม่รักพี่ชายมากกว่า ก็รักน้องชายมากกว่า แล้วไม่ได้สนใจเขา
หยวนชิงหลิงสนใจเพียงความรู้สึกทุกข์ใจ และไม่ได้สนใจทังหยวนมากนัก อันที่จริงแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ แม้ว่าจะเป็นตอนที่มีลูกเพียงสามคน พวกเขาก็มองข้ามทังหยวนไปโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าทังหยวนเฉลียวฉลาด ไม่ทำให้คนเป็นกังวล
หรงเยว่ทางนั้นเอาใบสั่งยาเข้ามา ให้ท่านย่าหยวนดูครู่หนึ่ง ท่านย่าหยวนดูเสร็จ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล่าวว่า: “ใบสั่งยานี้ของเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นยาบำรุงอย่างหนัก เจ้ากินทุกวันหรือ?”
“ใช่แล้ว กินทุกวัน”
“สามารถนอนได้หรือ?”
หรงเยว่ส่ายศีรษะ มองดูท่านย่าหยวน “ยานี่มีปัญหาหรือ?”
ท่านย่าหยวนหัวเราะแล้วกล่าว: “ไม่ใช่มีปัญหา ใบสั่งยานี่เป็นใบสั่งยาที่ดี แต่ไม่เหมาะสมกับเจ้าที่เป็นคนฝึกซ้อมวิทยายุทธ เดิมทีเลือดลมของพวกเจ้าก็ดีกว่าผู้อื่น หยินหยางเป็นกลางมีสมดุล หากว่าเจ้าใช้ยาสูตรนี้ ร่างกายจะร้อนขึ้น ยามค่ำคืนนอนไม่หลับ ทำลายน้ำในร่างกายเป็นที่สุด เป็นเหตุให้ตั้งครรภ์ยาก”
หรงเยว่เบิกตาโพลง “คิดไม่ถึงว่าท่านแม่สามีของข้าจะทำร้ายข้าได้!”
“ก็ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเจ้า หากว่าคนที่ร่างกายอ่อนแอ หลังจากที่ลดความร้อนของร่างกายแล้วสามารถใช้ใบสั่งยานี้ได้ แต่นางลืมไปว่าเจ้าเป็นคนฝึกวิทยายุทธ และนางก็น่าจะไม่ค่อยเข้าใจความรู้ทางด้านการแพทย์น่ะสิ? เพียงแค่ขอร้องให้คนเอาใบสั่งยาให้เท่านั้น”
หรงเยว่กลุ้มใจจนแทบกระอักเลือด “เช่นนั้นหากว่าไม่ได้ใช้ยาสูตรนี้ ข้าก็ตั้งครรภ์ไปนานแล้วใช่หรือไม่?”
ท่านย่าหยวนให้นางยื่นมือมา ตรวจชีพจรให้นาง
หลังจากตรวจชีพจรแล้วจึงถาม: “ระยะนี้เกิดตุ่มฝีในจมูกบ่อยๆหรือไม่?”
“มี ปวดจะตายอยู่แล้ว!” หรงเยว่ตะลึง “มีความเกี่ยวข้องกับยาชนิดนี้ใช่หรือไม่?”
“เลือดกำเดาไหลล่ะ?”
“ก็มี เกี่ยวข้องกับยาชนิดนี้ใช่หรือไม่ล่ะเจ้าคะ?”
“มีความแปรปรวนกลับไปกลับมาอารมณ์ฉุนเฉียวไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสงบอยากทุบตีคนด้วยความวู่วามใช่หรือไม่?”
หรงเยว่ตบโต๊ะ “ข้าจะเข้าวังไปหาท่านแม่สามี”
พูดจบ นางก็จากไปด้วยความโมโหแล้ว
ท่านย่าหยวนหลุดปากหัวเราะ จ่ายใบสั่งยาให้นางใหม่อีกครั้ง กล่าวต่อหยวนชิงหลิง: “ตอนนี้นางน่ะ ยังจำเป็นต้องลดความร้อน ธาตุไฟในตัวเพิ่มขึ้น”
“ร่างกายของนางไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม ได้ฟังหรงเยว่พูดพร่ำหลายครั้ง ก็หวังว่านางจะสามารถตั้งครรภ์ได้
“ไม่มีปัญหาใหญ่ วันหน้าข้าจะไปตรวจชีพจรให้ที่จวนอ๋องหวย” ท่านย่าหยวนกล่าวด้วยความอ่อนโยนและเมตตา
ท่านย่ากลมกลืนกับยุคสมัยนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว สำหรับนางแล้ว ที่นี่มีโอกาสให้นางได้ใช้ความสามารถมากกว่า ในยุคสมัยของนางนั้น ความจริงแพทย์แผนจีนได้ขยายไปทั่วโลกแล้ว แต่บังเอิญแคว้นของเรานั้นแพทย์แผนจีนกลับเพิ่งจะเริ่มปรากฏขึ้น นางทำงานศึกษาวิจัยด้านแพทย์แผนจีนมาหลายปี ได้เห็นความจริงเหล่านี้ก็โมโหเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ สุขสบาย
วันนี้ ผู้คนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันมองดูกรงอันหนึ่งในลาน กรงนี้เป็นอ๋องชินเฟิงอันบอกให้คนส่งมา บอกเพียงแค่ว่าเป็นของขวัญให้เด็กทั้งสอง
“เป็นแมวสินะ?” อะซี่ดูอยู่ครึ่งวัน รู้สึกว่าเหมือนแมว หัวกลมๆ ใบหูกลมๆ น่ารัก
“ไม่เคยเห็นแมวสีเช่นนี้มาก่อนนี่นา สีทองนี้ยังจะคลุมด้วยสีดำเป็นวงๆอีก เกิดอะไรขึ้น?” ฉี่หลอส่ายหน้า “ไม่เหมือนแมว”
“ไม่ใช่แมวแล้วเป็นสุนัขงั้นหรือ?” ลู่หยากล่าว
“ไม่ใช่สุนัขเป็นแน่ สุนัขแวบเดียวก็สามารถดูออกแล้ว นี่คือแมวเปอร์เซียสินะ? แมวแคว้นอื่นต้องไม่เหมือนกับเป่ยถังของพวกเราเป็นแน่”
อะซี่มองดูสวีอี “ท่านคิดว่านี่เป็นแมวหรือไม่?”
“เสือ?” อะซี่ตกใจ มองดูสัตว์ตัวน้อยๆที่น่ารักเหลือจะทนสองตัวนี้ จินตนาการไม่ออกเลยว่าหลังจากนี้พวกเขาจะดุร้ายเหมือนกับเสือตัวนั้นของอ๋องชินเฟิงอันจริงๆ
“นี่เป็นลูกของสัตว์ เห็นว่าน่ารัก แต่โตมาแล้วก็ยอดเยี่ยมสุดๆ” สวีอีชอบมาก ยื่นมือเข้าไปในกรงยกลูกเสือออกมา ลูกเสือไม่ได้มีการโจมตีใดๆ ทั้งยังสนิทกับคนมาก หัวกลมๆนั่นน่ารักเป็นที่สุด
“ให้ข้าอุ้มหน่อย!” อะซี่คิดอยากเล่นขึ้นมา เอื้อมมือไปแล้วกล่าวกับสวีอี
สวีอียกลูกเสือมากวัดแกว่งต่อหน้านางเล็กน้อย จงใจเปล่งเสียงคำรามของเสือ ทำให้อะซี่ตกใจยกใหญ่ ทรุดนั่งบนพื้น ลุกขึ้นมาไล่ตามสวีอีด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ กล่าวด้วยความโมโห: “ท่านหยุดให้ข้า ดูว่าข้าจะตีท่านให้ตายหรือไม่”
สำหรับเรื่องคนสองคนที่พลอดรักกันหลังแต่งาน ทุกคนล้วนเห็นจนคุ้นเคยแล้ว แยกย้าย!
หมันเอ๋อหิ้วกรงเดินไปทางมุมของลาน เมื่อหันกลับไป ก็เห็นหยู่เหวิยเทียนพาข้ารับใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามา นางรีบทำความเคารพ “อ๋องชุนท่านมาแล้ว!”
หยู่เหวิยเทียนจำหมันเอ๋อได้ ยิ้มแล้วกล่าว: “ข้าก็ว่าเป็นผู้ใดกัน ที่แท้ก็เป็นเจ้าลูกหมาตกน้ำตัวนี้”
หมันเอ๋อหน้าแดง “เสียมารยาทแล้วเพคะ”
หยู่เหวิยเทียนหัวเราะแล้วกล่าว: “ไม่เสียมารยาท ฝันร้ายนี่ ข้าก็เคย หลังจากนี้ใส่ใจการพักผ่อนก็ดีแล้ว”
“เพคะ!” ในใจหมันเอ๋อรู้สึกเก้ๆกังๆแล้ว และไม่รู้จริงๆว่าทำไมตอนนั้นตัวเองถึงได้เลอะเทอะกระโดดลงในทะเลสาบได้
อะซี่แล้วสวีอียังไล่ตามกันอยู่ อุ้มลูกเสือวิ่งจนนั่นเรียกว่ามีความสุขสนุกสนาน หยู่เหวิยเทียนเห็นเสือน้อย ดีใจเป็นที่สุด และแย่งมาเล่นครู่หนึ่ง
“ดีจริงๆ เด็กทั้งสองเพิ่งจะคลอดได้ไม่นาน ก็มีของรักแล้ว” หยู่เหวิยเทียนกล่าวด้วยความอิจฉา
อะซี่วิ่งเหนื่อยแล้ว พิงข้างกายสวีอีด้วยความหอบแล้วกล่าว: “องค์ชาย ท่านก็รีบแต่งงาน ให้กำเนิดสักคนสิเพคะ บางทีอ๋องชินเฟิงอันก็อาจจะมอบให้ท่าน”
“ข้ายังไม่ได้เตรียมจะแต่งงานเร็วขนาดนี้!” หยู่เหวิยเทียนหัวเราะแล้วก็เข้าไปแล้ว วันนี้เขามาดูหลานชายตัวน้อยทั้งคู่
สวีอีก็เอาลูกเสือส่งไปด้านหน้าของหยวนชิงหลิง ในเดือนนี้หยวนชิงหลิงก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก ควบคุมเจ้าห้าให้คิดบัญชีในจวน เจ้าห้าคิดไม่ถึงว่าการลาคลอดนี้ยังต้องทำงานอีก และก็เหลือจะทน
หยู่เหวิยเทียนและสวีอีอุ้มเสือเข้ามา นั่นก็ประจวบเหมาะพอดี โยนพู่กันทิ้ง “ข้าตรวจดูซิว่าลูกเสือมีเหาหรือไม่”
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความโมโห: “เสือมีเหาหรือไม่ข้าไม่รู้ ท่านคันผิวหนังแล้วจริงๆ ประเดี๋ยวใต้เท้าทังก็จะมาเอาสมุดบัญชีแล้ว ท่านยังไม่รีบตรวจให้เสร็จอีก”
“ไม่ตรวจแล้ว ยังจะหลอกเอาเงินพวกเราไปอีกเชียวหรือ?” หยู่เหวินเห้าวิ่งไปด้านนอก แต่ทว่า เพิ่งจะวิ่งออกไปก็เห็นลูกเสือดิ้นหลุดจากมือของสวีอีและหยู่เหวิยเทียน วิ่งเข้าไปเอง แล้วหมอบอยู่ด้านหน้าเตียงเล็กๆของเด็กทั้งสองแล้ว
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างประหลาดใจ: “ชั่งยอดเยี่ยมจริงๆ เหมือนหมาป่าหิมะเช่นนั้น ทันทีที่มาก็รู้จักเจ้านายแล้ว ล้วนอบรมมาอย่างดีใช่หรือไม่? ดูเหมือนว่า ลักษณะของลูกเสือนี่เพิ่งจะอายุได้หนึ่งถึงสองเดือน”