บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ
บทที่ 314 เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติรึ
ทุกคนค้นหารอบๆ ตำหนักเทพคุนเผิงอีกสักพัก
แต่ก็ไม่ได้อะไรอย่างอื่น นักผจญภัยที่บุกเข้ามาในตำหนักเทพคุนเผิงคนก่อนคงจะกวาดของไปหมดแล้ว
ในตำหนักเทพคุนเผิงเหลือเพียงตำหนักใหญ่กว้างโล่ง ไม่มีอาวุธวิเศษหรืออาวุเทพใดๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนจึงออกจากตำหนักเทพคุนเผิงกลับมาบนเกาะอีกครั้ง
ตอนนี้ทั้งเกาะนอกจากเขตใจกลางที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมแล้ว ที่อื่นๆ ถูกพวกเสิ่นเทียนค้นหาไปพอประมาณแล้ว
โชคลิขิตเศษที่เหลือ มีค่าไม่มากสำหรับทุกคนแล้ว
ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงเสนอให้ทุกคนกลับไปรอบนอกเกาะอีกครั้ง รอยอดค่ายกลเบิกฟ้าเปิด
แน่นอนว่าเวลาการรอเช่นนี้เป็นการสุ่ม
หากโชคดีวันสองวันก็เจอ หากโชคไม่ดีถูกขังสองสามเดือนก็เป็นเรื่องปกติ
นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่โอรสสวรรค์มากมายเริ่มหยุดการผจญภัยในเดือนเก้าและกลับไปรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า
ถึงอย่างไรความปรารถนาก็ไร้ที่สิ้นสุด
หากหลังจากเดือนเก้าเจ้ายังผจญภัยในส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า เจอเกาะทะเลที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นปกคลุมเปิดออก เจ้าจะเข้าไปหรือไม่
เกิดเจ้าเข้าไปแล้ว เกาะนี้ไม่เปิดอีกในสองสามเดือน ขังเจ้าไว้ในยอดค่ายกลเบิกฟ้าล่ะจะทำอย่างไร
ตั้งแต่โบราณมา มีอัจฉริยะที่คิดว่าจะโชคดีตายในเขตทะเลเบิกฟ้ามานับไม่ถ้วนแล้ว
ในนั้นส่วนมากเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์น่าตื่นตกใจ ช่างน่าเสียดาย
…..
โชคดีที่เวลาในการรอไม่ได้จืดชืด
ทุกคนเสี่ยงอันตรายมาสองครั้งได้โชคลิขิตมาไม่น้อย เดิมทีต้องใช้เวลาพอประมาณในการหลอมรวม
ขณะรอหมอกเบิกฟ้าเปิดออกอีกครั้ง ทุกคนนำน้ำตาดาวเทพสมุทรออกมาดูดซับ ฝึกฝนวิชาคุนเผิงที่ตนได้มาต่อ
แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ประลองกัน ศักยภาพของทุกคนจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ส่วนเสิ่นเทียนเองก็ต้องการเวลาที่มากพอเพื่อควบคุมวิชาคุนเผิง รวมถึงกระบวนท่าสังหารมากมายที่ซ่อนในวิชานี้
นี่เป็นมรดกที่ซับซ้อนเข้าใจยากมาก ต้องใช้เวลาศึกษาและขัดเกลาอย่างมาก
สารภาพตามตรง หากไม่ใช่เพราะวิชาคุนเผิงมีอานุภาพพอใช้ได้ เสิ่นเทียนก็ไม่ค่อยอยากจะฝึกเลย ถึงอย่างไรในตัวเขาก็มีมรดกเยอะมาก ทั้งคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงเอย คัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์เอย หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาเอย สามสิบหกค้อนสวรรค์รกร้างเอย…
ถ้าเสิ่นเทียนใช้กำลังวังชาฝึกทุกวิชา ก็คงจะเหนื่อยมากจริงๆ
เฮ้อ ไฉนต้องมอบมรดกให้ข้าเยอะเช่นนี้กัน
แค่คิดก็น่ากลุ้มใจแล้ว
ท่ามกลางการฝึกฝนที่ทั้งเต็มอิ่มและน่าสนใจ เวลาผ่านไปครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว
ในครึ่งเดือนนี้ศักยภาพของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอวี้เผียนเซียนกับสี่คุณชาย
แม้วิชาในเผ่าพวกเขาจะเป็นสุดยอดวิชาอสูร แต่เทียบกับวิชาคุนเผิงแล้ว คนละระดับกันเลย
ตอนนี้ตระหนักความหมายลึกลับส่วนหนึ่งมาจากวิชาคุนเผิง นี่คือมหาโชคลิขิตสำหรับพวกเขา เป็นการเปิดทั้งเส้นทางการบำเพ็ญเซียนในอนาคต
ผนวกกับมีน้ำตาดาวเทพสมุทรช่วย ศักยภาพของห้าคนจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าในครึ่งเดือน
แน่นอน ฉีเซ่าเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างมากเช่นกัน
เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการพิสูจน์กระบวนท่าจู่โจมจากวิชาเผิงที่ตนตระหนักได้และในคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง ไม่ได้สนใจการเพิ่มระดับพลังเท่าไร
ดังนั้นรากฐานของฉีเซ่าเสวียนจึงมั่นคงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่กำลังรบเพิ่มขึ้นเพียงเท่าเดียว
ทว่ากำลังรบหนึ่งเท่าของเขาก็สูงกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า
ทางด้านเอ๋าอู ตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนปลาเค็มไร้ความฝัน~
………
เปรี้ยง~
เสียงเปรี้ยงๆ ดังขึ้น ปราการหมอกเบิกฟ้าแตกออกอีกครั้ง
ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นมา ต่างสำแดงวิชาหลบหนีที่เร็วที่สุดบินไปนอกปราการหมอก
พวกคุณชายซายังใช้วิชาคุนเผิงที่เพิ่งตระหนักมาใหม่บินออกไปเพื่อความปลอดภัย กลัวว่าจะอยู่ในสถานการณ์น่าอายเหมือนตอนเข้ามา ถูกปราการเบิกฟ้าอุดทาง ถึงตอนนั้นต้องให้เสิ่นเทียนออกมือมาช่วยอีก
แต่ครั้งนี้ทุกคนออกมาจากปราการเบิกฟ้าได้ราบรื่นมาก ไม่เจอสถานการณ์อันตรายเหมือนตอนเข้ามา
รอยแยกปราการหมอกคงอยู่ราวสิบลมหายใจ ทำให้พวกเขาบินออกมาได้สบายๆ
ถึงตอนนี้ ทุกคนมีสีหน้าแววตาผ่อนคลาย
ฟู่ ถือว่าปลอดภัยแล้ว!
สี่คุณชายมองหน้ากันเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง
คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์ป้องมือให้เสิ่นเทียนด้วยความเคารพ “ดีที่การผจญภัยครั้งนี้มีสหายเสิ่นดูแล พวกข้าถึงได้รอดมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังได้โชคลิขิตเช่นนี้
แต่สหายเสิ่นกับสหายฉีมีศักยภาพเหนือชั้น คงจะอยากเข้าไปผจญภัยในเกาะทะเลที่ลึกกว่า ถึงจะได้โชคลิขิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเราสี่คุณชายมีศักยภาพไม่ถึง หากอยู่กับทั้งสองท่านต่อไป เกรงว่าจะมีแต่ถ่วงขาทั้งสองท่าน
ดังนั้นพวกเราจึงคิดหน้าคิดหลังแล้ว ขอแยกกับทั้งสองท่านไปผจญภัยกันเองดีกว่า! รอสหายเสิ่นกับสหายฉีผจญภัยเสร็จ พวกเราค่อยมารวมกันที่เมืองสุขาวดีและต้อนรับทั้งสองท่าน”
ตอนที่คุณชายไป๋พูดนั้น อีกสามคุณชายมีสีหน้าที่จริงใจและตรงไปตรงมามาก
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็จริงจังเช่นกัน
เมื่อครึ่งเดือนก่อนเสิ่นเทียนเกือบถูกปราการหมอกเบิกฟ้าปกคลุมกัดกินเพราะช่วยพวกเขา
นี่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดมาก ถึงอย่างไรโดยเนื้อแท้แล้วพวกเขาก็ไม่ได้เป็นญาติเป็นสหายกับเสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียน
ต่อให้มีเกาะมังกรดำชักจูง แต่การเกาะโชคลิขิตคนอื่นเยอะเช่นนี้ เท่ากับติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่ ขืนยังไร้ยางอายไม่ยอมไปอีก ก็อาจจะทำให้คนอื่นเขารำคาญได้
นอกจากนี้ ในใจพวกเขายังมีความคิดอื่นอีก
นั่นคืออาศัยช่วงที่การผจญภัยยังไม่จบลงนี้ กลับไปตรวจสอบคัมภีร์ลับในเผ่า ดูว่ามีวิธีใดที่จะช่วยเสิ่นเทียนยับยั้งหมอกเบิกฟ้าในกายได้หรือไม่
หากเป็นเช่นนั้นก็พอจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตก่อนหน้านี้กับเสิ่นเทียนได้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องละอายใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว
สี่คุณชายพูดจบ อวี้เผียนเซียนก็มองเสิ่นเทียนด้วยความอาลัยอาวรณ์ “สหายเสิ่น เผียนเซียนมีระดับพลังต่ำ ก็ขอลาตรงนี้เช่นกัน สหายเสิ่นผจญภัยจบเมื่อไรก็เป่าหอยสังข์ได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นเผียนเซียนยินดีจะร้องระบำให้สหายเสิ่นเป็นการส่วนตัว”
ขณะพูดอยู่นั้น เผียนเซียนก็หน้าแดงเรื่อ ดวงตาแฝงไว้ด้วยความเขินอาย
อืม เหมือนปลาน้ำแดงที่สุด
……
เมื่อเห็นทุกคนยึดมั่นจะไปเช่นนี้ เสิ่นเทียนก็จนปัญญานิดๆ
เขาเอ่ยปากโน้มน้าว ทว่าห้าคนเหมือนจะตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว จึงยืนหยัดจะไป
แต่ก็เหมือนที่พวกเขาบอก ที่ที่เสิ่นเทียนและฉีเซ่าเสวียนจะไป คือส่วนลึกยิ่งกว่าของทะเลดาราเบิกฟ้า
หากเจอสถานการณ์กะทันหันอย่าง ‘ระลอกคลื่นปราการหมอกเบิกฟ้า’ อีก ต่อให้เสิ่นเทียนมีศักยภาพแกร่งกว่านี้ ก็ยากจะดูแลสหายทุกคนได้
ถึงอย่างไรสี่คุณชายและอวี้เผียนเซียนก็ได้ทรัพยากรไปเยอะมาก ดวงชะตาก็แกร่งขึ้นไม่น้อยแล้ว
ตอนนี้กลับไปผจญภัยรอบนอกเขตทะเลเบิกฟ้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่
พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็มองหน้าผากของสี่คุณชายอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง
จากนั้นเขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ในเมื่อทุกท่านยึดมั่นเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็จะไม่บังคับทุกคน หากทุกคนเชื่อแซ่เสิ่น เมื่อไปถึงรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้าแล้ว ก็ลองไปค้นหาเขตทะเลทางตะวันออกดู บางทีอาจจะเจอเกาะดาราเบิกฟ้าที่มีคุณลักษณะค่อนข้างดี อาจจะได้โชคลิขิตเหนือความคาดหมายก็ได้”
อืม ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เห็นจากหน้าผากสี่คนนี้ว่าโชคลิขิตของพวกเขาอยู่บนเกาะทางตะวันออก
แม้คุณภาพจะเทียบกับวิชาคุนเผิงไม่ได้ กระทั่งเทียบกับน้ำตาดาวเทพสมุทรห้าร้อยสองเม็ดไม่ได้ แต่แมลงวันเล็กกว่านี้ก็ยังเป็นเนื้อ
ได้ถือโอกาสเพิ่มดวงชะตานิดหน่อยด้วย อย่างไรก็เป็นเรื่องดี
“เขตทะเลทางตะวันออกรึ แซ่ไป๋เข้าใจ ขอบคุณที่สหายเสิ่นเตือน!”
เมื่อได้ฟังคำชี้แนะจากเสิ่นเทียน ก็คิดโยงไปถึงข่าวลือซุบซิบเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่ได้ฟังมาจากหลี่อวิ๋นเฟิง
คุณชายไป๋พลันมีสีหน้าดีใจขึ้นมา “เดี๋ยวพวกข้าจะไปหาสมบัติที่เขตทะเลทางตะวันออก หากได้อะไรมา จะไม่ลืมบุญคุณที่สหายเสิ่นชี้แนะแน่นอน สหายอวิ๋นเฟิงเคยบอกข้อบังคับของสหายเสิ่นกับแซ่ไป๋เรื่องลัทธิเทพแบ่งครึ่งอยู่ แซ่ไป๋เข้าใจ”
คุณชายไป๋พูดพลางขยิบตาอย่างซุกซน
เดิมทีเสิ่นเทียนยิ้มอยู่ โชคลิขิตของสี่คนนี้รวมกับการชี้แนะของข้า ก็น่าจะได้มาแปดเก้าส่วนไม่ห่างจากสิบ
มีดวงชะตาอีกระลอกเข้าคลัง มีความสุขจริงๆ
แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลัทธิเทพแบ่งครึ่ง’ เสิ่นเทียนก็หน้าดำมืดขึ้นเรื่อยๆ
ไอ้พวกบ้าหลิวไท่อี่กับหลี่อวิ๋นเฟิงพูดอะไรกับคนข้างนอกกันแน่ เหตุใดถึงแพร่งพรายมายังทะเลอุดร
ลัทธิเทพแบ่งครึ่งอะไร
นั่นเรียกลัทธิปรมาจารย์เซียน อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบฟอกความบริสุทธิ์แล้วด้วย!
พูดอย่างกับว่าแซ่เสิ่นบอกพวกเจ้าว่าที่ใดมีโชคลิขิตเพราะละโมบเงินพวกเจ้าอย่างนั้นแหละ!
นี่มันใส่ร้ายกันอย่างไม่มีหลักฐานชัดๆ!
ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว
เดิมทีเสิ่นเทียนก็ไม่คิดจะรับเงินอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าพูดจาทำร้ายกันเช่นนี้ แซ่เสิ่นก็ขอไม่ปัดค่าตอบแทนแล้วกัน
หึ!
นี่คือค่าเสียชื่อเสียงของแซ่เสิ่น!
……
หลังจากสอดแทรกมุกตลกกินดื่มกันเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทาง
สี่คุณชายกับอวี้เผียนเซียนมีศักยภาพค่อนข้างอ่อนแอก็ย้ายไปผจญภัยรอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้า ส่วนฉีเซ่าเสวียน เสิ่นเทียนและเอ๋าอูเข้าไปลึกกว่าเดิม
อืม เดิมทีด้วยศักยภาพของเอ๋าอูก็ต้องถอยเช่นกัน เหลือแค่เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนสองคน
แต่ช่วยไม่ได้ที่เอ๋าอูให้เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนขี่ได้!
ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงที่เสิ่นเทียนหรือฉีเซ่าเสวียนฝึกฝน ก็ประสานกับเอ๋าอูโจมตีร่วมกันได้ ทำให้กำลังรบเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เสิ่นเทียนอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรกลอุบายที่แกร่งที่สุดของเขาก็ไม่ใช่คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริง
แต่หากฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูร่วมมือกัน กำลังรบจะเพิ่มขึ้นได้อีกหลายส่วน นี่มีสาเหตุเพราะเอ๋าอูมีระดับพลังอ่อนแอมาก
หากเอ๋าอูก็ทะลวงระดับนิพพานมาระดับเท่ากับฉีเซ่าเสวียนเช่นกัน สองคนร่วมมือกันแล้วจะแสดงกำลังรบได้หลายเท่า กวาดล้างทุกสิ่ง
ดังนั้นในตอนนี้ ฉีเซ่าเสวียนขึ้นขี่เขาคนเดียวจะเหมาะสมกว่า
หลังจากแยกกับห้าคนแล้ว กลุ่มเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอู สองคนหนึ่งมังกรก็เดินเครื่องได้แกร่งยิ่งกว่าเดิม
พวกเขาบุกไปในเขตทะเลเบิกฟ้าตลอดทาง ระหว่างทางเจอสัตว์ทะเลแข็งแกร่งซุ่มโจมตีตลอด
ในนั้นบางตัวเป็นสัตว์ประหลาดเจ้าถิ่นเขตทะเลเบิกฟ้า มีศักยภาพไม่อ่อนแอไปกว่าผู้สูงศักดิ์
ปกติจะคงอยู่จุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งกำลังรบยังแข็งแกร่งมาก เทียบเท่ากับจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์โลกข้างนอกหลายคนร่วมมือกัน
บางครั้งสัตว์ร้ายพวกนี้ก็ยังร่วมมือกันปิดล้อมจู่โจมสามคน สร้างแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
แม้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูจะร่วมมือกันสำแดงวิชาลับนักรบมังกร ก็เกือบพลาดท่าหลายครั้ง โชคดีที่มีเสิ่นเทียนคอยคุมสถานการณ์อยู่ข้างๆ
นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูนับถือในกำลังรบของเสิ่นเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงอย่างไรเจ้านี่ระเบิดพลังทีก็ออกกระบี่เดียวสังหารสัตว์ร้ายระดับครึ่งก้าวหลอมรวมเทพได้ในพริบตา เก่งกาจอย่างยิ่ง
เคล็ดกระบี่ท่าเขานั้นเหมือนกับแม่น้ำสีเงินสวรรค์เก้าชั้นไหลหลากลงมา ประหนึ่งเซียนต่างแดนมาเยือนโลกมนุษย์ แม้ฉีเซ่าเสวียนจะไม่ได้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่เสิ่นเทียนสำแดง ก็ยังสร้างความรู้สึกตื่นตกใจ หลงใหลและตกตะลึงกับเขา
นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนยึดมั่นในเสิ่นเทียนมากขึ้น นี่สิคือแบบอย่างบนเส้นทางการบำเพ็ญเซียนของเขา
ขอแค่ตามสหายเสิ่นไปตลอด พยายามเข้าใกล้และย่นระยะห่างกับเขา
หากให้เวลาเขามากพอ แซ่ฉีจะต้องเป็นอันดับหนึ่งในใต้ฟ้าแน่นอน
อืม ฟ้า คือฟ้าจากคำว่าเสิ่นเทียน!
…….
สิ่งที่เสิ่นเทียนไม่รู้คือ หลังจากพวกเขาออกจาก ‘เกาะคุนเผิง’ ไม่กี่วัน นักผจญภัยอีกกลุ่มก็มาถึง ‘เกาะคุนเผิง’
กลุ่มนี้คือคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิง
พวกเขาเป็นขุมอำนาจที่ไม่ลงรอยกับเกาะมังกรดำทะเลอุดร มีเผ่าคุนสุญตาเป็นผู้นำ
คุนหมิงระดับจุดสูงสุดนิพพานคือผู้นำกลุ่มการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขา และมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด
“เกาะนี้ดูเหมือนจะใช้ได้เลย หมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมาก มองดูก็รู้ว่ามีมหาโชคลิขิต พวกเราเลือกเกาะนี้แล้วกัน!”
เอ้อทงเทียนมองเกาะนี้ด้วยความพอใจ ก่อนจะเสนอกับคุนหมิง
ต้องรู้ว่าถึงในเขตทะเลเบิกฟ้าจะมีเกาะมากมาย แต่ยอดค่ายกลมีวิชามายาแฝงอยู่ส่วนหนึ่ง
ปกติยิ่งหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นมากเท่าไร โชคลิขิตในนั้นก็จะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น
โอรสสวรรค์ส่วนใหญ่จะหาเกาะที่มีหมอกเบิกฟ้าหนาแน่นเช่นนี้เจอได้ยากมาก
ในมุมมองของเอ้อทงเทียน หมอกเบิกฟ้าที่ปกคลุมรอบเกาะนี้หนาแน่นจนเกินจริง ขอแค่ฝ่าเข้าไปได้ จะต้องได้โชคลิขิตที่ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังแน่นอน
“ดูจากคุณภาพแล้วก็ใช้ได้จริงๆ เอาที่นี่แล้วกัน!”
คุนหมิงคาดการณ์เหมือนกับเอ้อทงเทียน คิดว่าที่นี่จะต้องมีมหาโชคลิขิต
เขาแบกดาบคู่ไว้ข้างหลัง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายบ้าอำนาจห้าวหาญออกมา เหมือนกับขุนเขาเทพโบราณ
ขณะเขากะพริบตายังมีจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้เข้มข้น “น่าเสียดายก็แต่ระหว่างทางมาไม่เจอไอ้หนูเผ่ามนุษย์สองคนนั่น”
คุนหมิงเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่ยากจะพานพบได้ในหลายพันปีของเผ่าคุนสุญตา ไม่มีใครขวางได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
อวี้เผียนเซียนคือคู่สมรสในใจของคุนหมิง พูดได้ว่าเป็นของหวงแหนในใจเขา
แม้อวี้เผียนเซียนจะไม่ชอบคุนหมิงมาตลอด แต่คุนหมิงก็ไม่เคยยอมแพ้จะเลิกตามนาง
เพราะนอกจากเขาแล้ว ไม่มีโอรสสวรรค์เผ่าใดในทะเลอุดรกล้าตามเกี้ยวอวี้เผียนเซียน ขอแค่เลียต่อไปจะต้องสำเร็จแน่
แต่บุรุษเผ่ามนุษย์สองคนนั่น คิดจะขอแบ่งน้องเผียนเซียนจากแซ่เสิ่น มาทำให้ตลาดปั่นป่วน
โดยเฉพาะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน หน้าตาหล่อเหลาเช่นนั้น
เจ้าหนูนั่นไปๆ มาๆ ข้างกายน้องเผียนเซียนทุกวัน เหตุใดในสายตานางถึงไม่มีคุนหมิงบ้าง
แย่งคนรักเหมือนกับสังหารบุพการีเขา แย่งปลาก็เช่นกัน
คุนหมิงรับรองเลยว่าถ้าเขาเจอไอ้หนูสองคนนั่นในเขตทะเลเบิกฟ้า จะต้องทุบตีให้มารดาจำพวกมันไม่ได้เลย จากนั้นทำเป็นสัตว์ขี่ ขี่ไปตรงหน้าน้องเผียนเซียนอย่างทะนงองอาจ
ให้น้องเผียนเซียนได้รู้ว่าข้าคุนหมิงต่างหากคือบุรุษที่แกร่งที่สุดในทะเลอุดร!
…….
คุนหมิงนั่งขัดสมาธิลงรอบนอกเกาะคุนเผิง ภายในใจเต็มไปด้วยความคิดหื่นกาม
คุนหมิงกำลังรอปราการหมอกเบิกฟ้าเปิดเงียบๆ เขาเชื่อว่าด้วยดวงชะตาที่ผ่านมาของตน ปราการเบิกฟ้านี่จะไม่ให้เขารอนานเกินไปแน่นอน
อืม ใช่
จากนั้นรอครั้งนี้กินเวลาไปสามเดือน~
ควรรู้ว่าเกาะดาราเบิกฟ้าส่วนใหญ่จะเปิดปราการในหนึ่งเดือน ต่อให้เว้นช่วงนานหน่อยก็ครึ่งเดือน เกาะดาราเบิกฟ้าที่เว้นช่วงสองเดือนหาได้ยากมาก
แต่ปราการเบิกฟ้าบนเกาะคุนเผิงนี่กลับปิดไปสามเดือน
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระบี่นั้นและสองฝ่ามือของเสิ่นเทียนหรือไม่
สรุป พวกคุนหมิง เอ้อทงเทียนและปี้เสวียนชิงรอจนจากหน่ออ่อนดอกไม้แทบจะกลายเป็นดอกไม้บาน
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาผ่านสามเดือนนี้มาอย่างไร
ตั้งแต่สองเดือนแรก สามคนก็คิดจะไม่รอแล้วตั้งหลายครั้ง อยากจะเปลี่ยนเกาะไปเลย
แต่ว่า ใจไม่ยอม!
ก็รู้อยู่ว่าเขตทะเลดาราเบิกฟ้าจะเปิดราวๆ สิบสองเดือน ปกติราวๆ เดือนเก้าต้องออกไปแล้ว
รออย่างเปล่าประโยชน์ไปหนึ่งเดือนรึ ให้เจ้าไป เจ้าจะเต็มใจหรือไม่
แน่นอนว่าไม่เต็มใจ เช่นนั้นก็รอต่อไปเถอะ!
รอไปหนึ่งเดือนแล้ว บางทีอีกสองสามชั่วยามก็คงจะเปิด
จากนั้นก็รออีกหนึ่งเดือน
สภาพจิตใจเหมือนกับนักเขียนสุนัขบางคนที่ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกไม่กล้าขายสุดๆ ติดดอยไปจนตาย
คิดจะไปรึ
เหอะๆ ไม่มีทาง
…….
วันที่แปดเดือนสาม ในที่สุดคุนหมิงก็ทนไม่ไหวแล้ว
เขาเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า พลันมีเงามายาคุนยักษ์พันจั้งลอยขึ้นมาข้างหลัง ดินทรายระเบิดกระจายบนชายหาด
น้ำทะเลไร้ที่สิ้นสุดริมทะเลไหลเชี่ยว ระเบิดออกเป็นละอองน้ำเต็มฟ้าภายใต้แสงตะวันเบิกฟ้าส่องสะท้อน ออกมาเป็นสายรุ้งสีเข้มแปลกประหลาด
“เหตุใดถึงยังไม่เปิด เพราะเหตุใด!”
คุนหมิงฝืนดึงดาบคู่ข้างหลังออกมา อยากจะฟันสองดาบใส่ปราการเบิกฟ้า “พวกเรากลับ!”
ปี้เสวียนชิงดวงตามืดหม่น ก่อนพูดด้วยความไม่ยอม “พี่ใหญ่ เราจะไม่รอแล้วรึ”
คุนหมิงหัวเราะเยาะ “เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าปราการหมอกเบิกฟ้าเกาะนี้ไม่มีทางเปิด ไม่เช่นนั้นคงเปิดไปนานแล้ว พวกเราอยู่หน้าปราการหมอกนี่มาสามเดือน น่าขำที่สุด! ไปเถอะ! อาศัยช่วงที่ยังไม่ถึงครึ่งปีกว่าไปหาที่อื่นดีกว่า!”
เมื่อเอ่ยจบ คุนหมิงก็กระโดดขึ้นกลายเป็นแสงเทพสายหนึ่งบินไปที่อื่นในเขตทะเล
เอ้อทงเทียนกับปี้เสวียนชิงต่างหมดคำจะพูด ได้แต่ตามคุนหมิงอย่างจำใจ ถึงอย่างไรคุนหมิงก็เป็นผู้นำในพวกเขาสามคน ทว่าตอนที่พวกเขาบินออกมาหลายร้อยลี้พลันได้ยินเสียงเปรี้ยงๆ
ใช่ ปราการหมอกเบิกฟ้าบนผิวเกาะคุนเผิงแตกออกแล้ว
พลังวิญญาณมหาศาลหมุนม้วนออกมาจากในเกาะ ราวกับคุนเผิงหายใจ
พริบตาเดียว เขตทะเลในวงรัศมีหลายพันลี้ก็มีแต่พลังวิญญาณกระเพื่อม
“เปิดแล้ว!”
“พลังวิญญาณเข้มข้นมาก เกาะวิญญาณระดับสูงสุด!”
เอ้อทงเทียนเป็นคนตรง
ตอนนี้รู้สึกถึงพลังวิญญาณมหาศาลจากในปราการหมอกเบิกฟ้าแล้ว เขาก็ตาแดงขึ้นมา “บางทีบนเกาะนี่อาจจะมีขุมทรัพย์!”
ปี้เสวียนชิงตรงไปตรงมายิ่งกว่า เขาพลันกลายเป็นแสงสีมรกตพุ่งไปยังรอยแยกของปราการเบิกฟ้าสุดชีวิต
เจ้าปลาคุนหมิงนิ่งอึ้งไปแล้ว
นี่มันอะไรกัน ข้ารอเจ้ามาสามเดือนเจ้าไม่เปิด
ตอนนี้ข้าจะไปแล้ว เจ้ากลับอ้าขา…เปิดปราการให้ข้าเข้าไปรึ
เจ้าคิดว่าข้าไม่มีเกียรติอย่างนั้นรึ
เหอะๆ เจ้าเดาถูกแล้ว
เทียบกับผลประโยชน์โชคลิขิตที่จับต้องได้จริงแล้ว หน้าตายาวหลายร้อยจั้งของข้าสำคัญกว่าหรือ
ไม่สำคัญเลยสักนิด!
…….
อีกทั้งหลังจากปราการเบิกฟ้าบนพื้นผิวเกาะดาราเบิกฟ้านี้เปิดออก คุนหมิงก็รู้สึกว่าสายเลือดเขากำลังสั่นไหวอย่างชัดเจน ราวกับว่าบนเกาะมีอะไรบางอย่างที่กู่ร้องพร้อมกับสายเลือดเขา
การกู่ร้องพร้อมกันเช่นนี้ถึงจะเบาบางมาก แต่คุนหมิงเชื่อว่าตนไม่น่าจะสัมผัสพลาด
สายเลือดเขาส่งความรู้สึกอย่างหนึ่ง เป็นความรู้สึกอันแรงกล้า
ข้าต้องการ~
ข้าต้องการ~
ข้าต้องการ~
ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและเด่นชัดยิ่ง ไหลเชี่ยวราวกับคลื่นลูกใหญ่
เห็นได้ชัดว่าเกาะนี้เกี่ยวกับเขา อีกทั้งยังเป็นมหาโชคลิขิต
เป็นโชคลิขิตใดกันแน่ คุนหมิงเฝ้ารอคอยเป็นอย่างยิ่ง!
……………………