บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1019
บทที่ 1019 เงาดำ
งานเลี้ยงยังไม่จบ ค่ำคืนมืดสนิท
เหมือนใช้งานเลี้ยงนี้ล้างกลิ้นคาวเลือดในวังให้สะอาด ซ่านต้วนโฉงแม้จะรู้สึกไม่สบายตัว แต่ก็ยังอยู่จนถึงค่ำ ทำเอาขุนนางไม่กล้าออกไป ฉูห้าวเห็นพวกขุนนางเปลี่ยนแก้วไปเรื่อยๆ สายตากลับจ้องไปที่ซ่านจินจื๋อและตงฟางซวนเอ๋อ
ตอนนี้แค่เพราะตงฟางซวนเอ๋อเป็นหญิงคนเดียวในเรือนของซ่านจินจื๋อ
งั้นพี่สาวกับเขาก็เป็นความสัมพันธ์ลับที่เปิดเผยไม่ได้ และชิงจือที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องเล็ก เกรงว่าจะถูกลบชื่อออกจากราชวงศ์ซ่านไปแล้ว
มึนเมาเอามาก ซ่านจินจื๋อนั่งไม่ไหลแล้ว
ตงฟางซวนเอ๋อที่นั่งข้างๆก็แอบส่งซุปสร่างเมาให้กับเขา: “ท่านอ๋องอดทนหน่อยเถอะ พรุ่งนี้เกรงว่ายังต้องมาประชุม”
ราชทูตเอ่อตานกับราชทูตเย่นเจียงมารออยู่ในเมืองเทียนเหยียนแล้ว พวกเขามีเรื่องมากมายที่ต้องคุยกัน
แม้จะไม่ประชุม ก็คงต้องไปเจอกันในห้องหนังสืออยู่ดี
นึกถึงตรงนี้ ซ่านจินจื๋อรับซุปนั้นมาและยกซดทันที ตงฟางซวนเอ๋อที่เห็นเขาเอาไปและดื่มมันจนหมด และฮองเฮาที่อยู่ด้านบนอ้างว่ารู้สึกไม่สบายจึงออกจากงานไป นางก็พูดเสียงเบาว่า: “ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากจะไปดูท่านป้าเสียหน่อย”
“อย่าได้ทำอะไรสิ้นคิด” ซ่านจินจื๋อพูดเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่รบกวนกับแผนการของท่านอ๋องหรอกเจ้าค่ะ” ตงฟางซวนเอ๋อรู้สึกไม่พอใจ ตั้งแต่ซ่านจินจื๋อยืมมือท่านป้าขโมยไทเฮาออกมา นางก็ยากที่จะเชื่อว่าซ่านจินจื๋อกำลังจะช่วยตระกูลตงฟางจริง
ถ้าคนอื่นรู้เข้า ฮองเฮาตงฟางแอบมัดไทเฮาออกไป งั้นพวกนางตระกูลตงฟางคงได้โทษประหารแน่
แต่ท่านป้าหลับตกลง แม้จะอันตรายแค่ไหนก็จะให้ซ่านจินจื๋อติดค้างน้ำใจ
พอออกจากงาน นางอ้อมไปที่หลังภูเขาปลอม และเห็นฮองเฮาที่สวมชุดหรูหราอยู่ตรงหน้า จึงเดินเข้าไปทันที: “ท่านป้าช่วงนี้สบายดีหรือไม่ มีคนรู้เรื่องนี้ไหม?”
ฮองเฮาปัดมือให้ทุกคนออกไป มองตงฟางซวนเอ๋อด้วยสายตาที่อบอุ่น: “ช่วงนี้เจ้ากับท่านพ่อคงต้องลำบากหน่อย เดี๋ยวเจ้าดูแลท่านอ๋องเสร็จ ก็มานั่งเล่นที่ตำหนักข้าสักเดี๋ยวสิ ข้าอยากจะรู้เรื่องตระกูลตงฟางแล้ว”
พูดแล้ว ก็เอาปิ่นหยกของตัวเองยื่นให้นาง
และให้คนข้างๆเอาซุปสร่างเมายื่นให้
“เช่นนี้ก็ดี เดี๋ยวรอพรุ่งนี้หลังจากที่ท่านอ๋องประชุมเสร็จแล้ว ข้ากับเขาจะไปพร้อมกัน”
เช่นนี้แล้ว นางไปตำหนักฮองเฮาก็มีเรื่องอ้างอิงแล้ว
ฮองเฮายิ้มบางๆ พาคนเดินออกไป
แต่ไม่นาน งานเลี้ยงจบลง ฉูห้าวแอบอ้างชื่อฉีหรัวอยากจะพักอยู่ตำหนักฉี เมิ่งซู่ช่วงนี้พูดถึงช่วงนี้เหนื่อยเกินไป จึงเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการ อีกอย่างก็ขอหยุดงานสามเดือน ให้พวกขุนนางใหม่ที่เก่งๆขึ้นแทน ภายนอกมีใจอยากจะสร้างคนใหม่ๆ ฮ่องเต้จึงตอบตกลง
และสำหรับรายละเอียดงานเลี้ยง ทุกคนเหมือนไม่พูดอะไรเลย
ซ่านจินจื๋อเคาะโต๊ะเบาๆ ดื่มเหล้าไปหลายแก้ว ตอนนี้ก็ถูกลมหนาวพัดอีก ก็รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก แต่ยังไงเขาก็มองไปที่ซ่านเชียนหยวนหลายครั้ง เห็นเขายังคงมีสีหน้าที่อมทุกข์อยู่
ก็รู้ว่าพวกขุนนางล้วนแต่เจ้าเล่ห์กันทั้งนั้น เกรงว่าวันก่อนคงแอบหาปัญหาของฉีหรัวอย่างเปิดเผย ทำเอาคนที่เห็นแล้วรู้สึกมองไม่ลง บวกกับก่อนหน้านี้จวนตงฟางถูกวางยาพิษก็คลี่คลายไปอย่างง่ายดาย ยิ่งก่อนหน้านั้นมีฮองเฮาตายในวัง ตอนนี้ทำเอาผู้คนเริ่มกลัวขึ้นมา
กลัวว่าทุกครั้งที่เจอเรื่องใหญ่ จะมีคนวางยา
“ท่านอ๋อง ข้าประคองท่านไปพักผ่อนเถอะ” ตงฟางซวนเอ๋อเดินมาหาเขาเป็นที่เรียบร้อย เอาซุปสร่างเมาที่ฮองเฮาให้วางไว้ให้เขา นางก็เริ่มง่วงแล้ว พอเห็นซ่านจินจื๋อดื่มเข้าไป ก็ให้ขันทีสาวรับใช้ดูแลดีๆ
ตลอดทางกลับมาถึงตำหนักที่เพียบพร้อม ซ่านจินจื๋อสมองวุ่นวายไปหมด
ในสมองรู้สึกมีไฟร้อนปะทุขึ้นมา ไม่นานก็พยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด
ตงฟางซวนเอ๋อออกไป ก็รู้สึกปวดหัวอย่างมาก และสลบไปไม่ได้สติทันที
ประตูถูกปิดลงเสียงดัง เงาดำที่ซ่อนอยู่ในห้องก็แอบแสยะยิ้มออกมาอย่างเงียบๆ พาทุกคนรีบออกไปจากที่นี่ และหายไปในความมืดมิด เหลือเพียงเสียงที่วิ่งออกไป
ทหารยามเดินมาช้าๆ จุดประกายไฟในความมืดนั้น แต่กลับไม่เห็นอะไรเลย
“หูฝาดไปเหรอ” ทหารพวกนั้นพูดพึมพำ และสำรวจเวรยามต่อไป
และกำแพงที่กั้นในห้อง ซ่านจินจื๋อกำหมัดแน่นนั่งอยู่บนเตียงคนเดียว ในสมองมีแต่ใบหน้ารอยยิ้มที่งดงามของกู้อ้าวเวย ดวงตาคู่นั้น เป็นสีดำเปล่งประกาย และมีสีขาวประกายจากดวงตา บวกกับบาดแผลบนร่างกายทำให้ตัวขาวขึ้นมาบ้าง……
“เป็นอะไรกัน……”
ซ่านจินจื๋อหยิกแขนตัวเองแรงๆ เงยหน้าขึ้น ก็เห็นเงาสีแดงไฟนอนอยู่บนพื้นเย็นนั้น
แสงไฟวาววับ เผยให้เห็นถึงผิวที่ขาวละเอียดของนาง และริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้น
“เวยเอ๋อ” เรียกเสียงเบา ในสมองเขามีรอยยิ้มนางเต็มไปหมด และนางก็กระซิบข้างหูเขาอยู่อย่างนั้น
หน้าท้องแน่นขึ้น เขาแค่นั่งยองๆและโผล่เข้ากอดไฟสีแดงนั้น
เขานึกถึงหางตาสีแดงในงานเลี้ยงวันนี้ของนาง เหมือนกับนางในอ้อมกอดคนนี้
เขากอดคนผู้นั้นแน่นไม่ปล่อย มองดูคนผู้นั้นที่ไร้สติและถูกเขาวางไว้บนเตียง
ชุดแดงสีสดเหมือนชุดแต่งงาน
ทันใดนั้น ในสมองก็มีสิ่งของสีขาวตกลงมา เลือดกระเด็นไปทั่ว
ดวงตานั้นสะท้อนให้เห็นถึงซ่านจินจื๋อ
เขาตัวเซและล้มลงไป
ม่านปิดลงช้าๆ ทันใดนั้นนอกหน้าต่างก็มีสายฟ้าผ่า ดวงตาประกายสะท้อนแสง
กู้อ้าวเวยที่อยู่ในตำหนักของยู่จุน รู้สึกใจสั่นไม่มีเหตุผล
จับผ้าในมือให้แน่น นางขยี้ตาที่เริ่มเมื่อย และรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา: “เมื่อกี้ฟ้าผ่าเหรอ?”
“ดูเหมือนจะฝนตกนะเจ้าคะ” สาวรับใช้ข้างประตูนั้นพูด
กู้อ้าวเวยก็รีบไปดูหยูนซีที่นั่งอยู่ตรงมุม คนผู้นั้นกลับไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
“หยูนซีล่ะ? ฝ่าบาทเรียกนางไปเหรอ?” กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ
ฮ่องเต้ทุกครั้งเห็นหยูนซีก็มีท่าทีเย็นชาตลอด แต่หยูนซีกลับเชื่อฟังซ่านต้วนโฉงไม่ว่าเขาจะสั่งอะไร แต่ตอนนี้เรื่องเมื่อก่อนคืออะไรกัน?
“ฝ่าบาทบอกว่า ไม่ให้แม่หญิงหยูนซีมาวุ่นวายเจ้าค่ะ” สาวรับใช้พูดอย่างระวัง
กู้อ้าวเวยถึงพยักหน้า ไม่ทันไรก็กลับไปที่โลงน้ำแข็ง มองดูยู่จุนในโลงน้ำแข็งอย่างละเอียด สีหน้าดูเข้มงวดขึ้น
นิ้วมือสัมผัสไปที่โลงน้ำแข็ง นางกลับมีความรู้สึกเหมือนห่างจากโลกไป
ถ้ายู่จุนเอายันต์ทองนั้นส่งให้กู้อ้าวเวย เกรงว่านางคงไม่มีโอกาสมีชีวิตอีก ก็คงตายในโรงพยาบาลของชาติก่อน
“ฝนตกแล้ว ท่านหมอเทพไปพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ฝ่าบาทคงจะเรียกไปถามคำถามอีกแน่” สาวรับใช้นำผ้าคลุมมา เห็นกู้อ้าวเวยท่าทางเหมือนอ่อนแรงมาก
ถึงเวลายู่จุนยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก แต่กลับทำนางที่เป็นหมอเหนื่อยแทน ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะถูกฮ่องเต้สั่งประหารได้
เอาผ้าคลุมตัวเรียบร้อยแล้ว กู้อ้าวเวยกลับมองฝนด้านนอกหน้าต่างนั้น
ในใจรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา เพราะอะไรกันนะ……