บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 104
บทที่ 104 ความรักอันลึกซึ้ง
กู้อ้าวเวยดันแขนทั้งสองข้างคิดจะลุกขึ้นมา
แต่ชายหน้าไม่อายที่อยู่บนพื้นกลับดึงมือนางเอาไว้ มองมาที่นางด้วยแววตาเป็นประกาย
กู้อ้าวเวยรู้สึกโมโหเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็มีคนดึงมือของนางออกมา อีกทั้งยังดึงเอวของนางเข้ามาอย่างความอ่อนโยน ไม่อยากให้นางอยู่ในท่าทางที่เกือบจะนอนอยู่บนตัวผู้ชายแปลกหน้าเหมือนเมื่อสักครู่อีกแล้ว
มันเป็นอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงจริงๆ นางปัดฝุ่นบนตัวออก โชคดีที่เทียนไม่ล้ม อีกทั้งหนังสือการแพทย์ของนางที่วางอยู่บนโต๊ะก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร กุ่ยเม่ยที่อยู่ข้างๆ ก็ก้มตัวลงช่วยจัดระเบียบกระโปรงของนางให้เรียบร้อย
ชายแปลกหน้าที่อยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นมา พร้อมกางแขนทั้งสองข้างออกคิดจะเอากู้อ้าวเวยเข้ามากอด แต่กลับถูกกุ่ยเม่ยยกมือขึ้นมาขวางเอาไว้ เสียงดาบก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง มันอยู่บริเวณแขนเสื้อของทั้งสองคนที่มันกระทบกัน
กู้อ้าวเวยก็กล้าไม่เบา ดึงแขนเสื้อของกุ่ยเม่ยออกมา ก็มีด้ามมีดเล็กๆ ซ่อนอยู่ในนั้น
ส่วนชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงข้ามได้เห็นสถานการณ์ ก็ดึงแขนเสื้อตัวเองขึ้นมา ด้านในนั้นก็มีมีดเล็กหนึ่งเล่มเช่นเดียววัน แต่ของกุ่ยเม่ยจะละเอียดและงดงามกว่ามาก กู้อ้าวเวยได้แต่จ้องดูอยู่พักหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งก็หยิบมีดเล่มเล็กที่ละเอียดงดงามเล่มนั้นส่งให้นาง “หากเวยเอ๋อร์ชอบ ก็เอาไปได้เลย”
กู้อ้าวเวยเอียงศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหัว “เข้าไม่รู้จักเจ้า”
“แต่ข้าจำเจ้าได้นะ เจ้าคือคนที่ข้ารักมากที่สุด แค่ถูกเสด็จอาแย่งไปก็เท่านั้นเอง” ชายผู้นั้นก็ยัดมีดเล่มเล็กนั่นใส่มือของนางไม่หยุด ยกรอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษมีภัยขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “ต่อไปเจ้าก็เรียกข้าว่าฮ่าวเอ๋อร์(ซ่านจวนฮ่าว)ก็พอแล้ว สักวันเจ้าจะนึกขึ้นได้เอง”
“แต่ว่าเจ้าเอามีดมาเยี่ยมข้า ข้าควรจะเชื่อเจ้าหรือไม่? อีกอย่างเจ้าเป็นองค์ชายลำดับที่เท่าไหร่?” กู้อ้าวเวยมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างจนใจ เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้ดูอายุน้อยกว่าซ่านเชียนหยวน อีกทั้งเสด็จอาสองคำนั้นที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นไม่ผิดจากที่คิดไปแน่นอน
“ข้าอยู่ลำดับที่หก เมื่อก่อนข้าได้ยินมาว่าคนของโหวเซ่อโจมตีเจ้า ข้าก็เลยให้คนไปตรวจสอบ เข้าไปค้นซ่องโจรของพวกเขาแล้ว” ซ่านจวนฮ่าวเดินเข้ามาอย่างดีใจ กุมมือของกู้อ้าวเวยเอาไว้เพื่อให้นางรักษามีดเล็กที่ละเอียดงดงามเล่มนี้ให้ดี อีกทั้งไม่รู้ว่าขวดถูกเปลี่ยนออกมาจากที่ไหน มันถูกทาลงบนบาดแผลบนใบหน้าของนาง
เป็นครั้งแรกที่กู้อ้าวเวยถูกปฏิบัติด้วยเช่นนี้ จึงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ทำได้แค่มองคนตรงหน้าอย่างเหม่อลอยเท่านั้น
“เมื่อครู่นี้เป็นข้าเองที่พลั้งมือ เวยเอ๋อร์อย่าโทษข้าเลยนะ” หลังจากเขาทายาเสร็จแล้วก็ยัดยาเข้าไปในอ้อมแขนของกู้อ้าวเวย จากนั้นก็จ้องกุ่ยเม่ยที่อยู่ตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย “ถ้าเสด็จอาตำหนิเจ้า เจ้าก็มาหาข้าได้เลย ข้าจะให้เสด็จอาหย่ากับเจ้า แล้วข้าก็จะไปขอเจ้าให้มาเป็นฮูหยินในจวนข้า ดีหรือไม่?”
เมื่อได้ฟังคำพูดที่ใจกล้าไม่เบา กู้อ้าวเวยก็ถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ “โอ้สวรรค์ นี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
“ข้าก็แค่อยากให้เวยเอ๋อร์อยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนข้า” ซ่านจวนเฮ่ากุมมือของนางเอาไว้ แต่กลับถูกกุ่ยเม่ยแยกออกอย่างรวดเร็ว กุ่ยเม่ยเดินเข้ามายืนอยู่ระหว่างกลางของทั้งสองคน “องค์ชายหกแอบเข้ามาในตำหนักของพระชายาจิ้งในยามวิกาล ต้องรู้จักกฎระเบียบนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าก็อยู่ที่ตำหนักของพระชายาจิ้งอยู่แล้ว แต่กลับเป็นเจ้าที่คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าเข้ามาขวางองค์ชายอย่างข้า ทั้งยังทำให้เวยเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บอีก สมควรได้รับโทษยิ่งนัก” เมื่ออยู่ต่อหน้ากุ่ยเม่ย องค์ชายหกผู้หน้าตาหล่อเหลาและอ่อนวัยก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ราวกับอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกทึ้งกุ่ยเม่ยให้เป็นชิ้นๆ
กุ่ยเม่ยขมวดคิ้วมุ่นอยากจะพาคนผู้นี้ออกไปอย่างรวดเร็ว กู้อ้าวเวยที่อยู่ด้านหลังก็โอบไหล่ของเขา กล่าวอย่างจนใจว่า “ดึกมากแล้วอย่าทะเลาะกันเลย รีบกลับไปนอนเถอะ”
“ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะเอาอาหารเช้าเข้ามาด้วย” เมื่อซ่านจวนฮ่าวมองไปที่กู้อ้าวเวย สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันที การเปลี่ยนแปลงสีหน้าที่รวดเร็วของเขาทำเอาคนที่ได้เห็นรู้สึกตะลึงไม่น้อย
ไม่นาน เขาก็ปีนออกไปทางหน้าต่าง แล้วจากไป
หน้าต่างถูกปิดลงอีกครั้ง กู้อ้าวเวยรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดออกมา แต่ก็หันไปมองกุ่ยเม่ยอย่างไม่เข้าใจ “องค์ชายหกกลับมาวันนี้หรือ?”
“เข้าประตูเมืองมาเมื่อสองชั่วยามที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ พอเข้าพระราชวังได้ไม่นานก็รีบมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ ดูจากเมื่อครู่แล้ว องค์ชายหกคงจะทำเพื่อ…พระชายาพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อกุ่ยเม่ยพูดมาถึงตรงนี้ ก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน
กู้อ้าวเวยตะลึงงัน หลังจากส่งกุ่ยเม่ยออกไปแล้วถึงค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อนอนลงบนเตียงก็คิดถึงเรื่องขององค์ชายหกท่านนี้ มีคนไม่น้อยที่บอกว่าความคิดขององค์ชายหกนั้นลึกซึ้งมาก ใจคอโหดเหี้ยม แต่ที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
อีกอย่าง นี่ยังเป็นครั้งแรกที่นางได้รับยารักษาแผลที่เกิดจากของมีคมจากคนอื่น
เมื่อพลิกตัวไปอีกด้าน คืนนี้นางจึงสามารถหลับได้อย่างสบาย เมื่อตื่นขึ้นมาในอีกวัน ชิงต้ายก็อาบน้ำหวีผมแต่งตัวให้นาง เมื่อท่านอ๋องไม่อยู่ พระชายาจิ้งจึงเป็นหน้าเป็นตาของตำหนักอ๋อง เป็นธรรมดาที่ต้องใช้เวลาในการแต่งตัวนานเป็นพิเศษ ชิงต้ายกำลังใส่เครื่องประดับบนศีรษะให้นาง ส่วนนางก็เอาแต่หาวนอน
“ท่านพี่เวย” เสียงของลี่วานก็ดังมาจากด้านหลัง
กู้อ้าวเวยจึงเบิกตามองลี่วานที่สะท้อนอยู่ในกระจกทองแดง แม้ว่าลี่วานจะเป็นหญิงสาวของเจียงหนาน แต่พอหลังจากมาที่เทียนเหยียนก็ชอบใส่ชุดสวยงามสีสันสดใส วันนี้ก็แต่งนางแต่งหน้าเข้มเล็กน้อย ดูแล้วก็ดูดีไม่น้อย นางพยักหน้าให้ “ลี่วาน วันนี้เจ้ามีธุระอะไรงั้นหรือ?”
“ข้า…ข้าแค่อยากจะมาถามท่านพี่ ว่าองค์ชายสี่มีอะไรที่ชอบและไม่ชอบบ้างเพคะ” เวลาที่ลี่วานพูด หน้าของนางก็แดงไปกว่าครึ่งแล้ว ดูเขินอายไม่น้อย
“รออีกประเดี๋ยวค่อยให้ชิงต้ายเขียนให้เจ้าก็แล้วกัน” กู้อ้าวเวยพยายามไม่หาวออกมาเป็นครั้งที่สอง รอจนเครื่องประดับบนหัวจัดระเบียบเรียบร้อยแล้ว ลี่วานก็ยังไม่ออกไป ได้แต่คอยอยู่เงียบๆ เป็นธรรมดาที่กู้อ้าวเวยจะรู้สึกแปลกใจเพิ่มขึ้น “เหตุใดไม่ไปกินข้าวที่ห้องโถงเล่า?”
ลี่วานตะลึงงันครู่หนึ่ง ไม่นานก็พูดขึ้นมาอย่างจนใจว่า “แต่ว่าท่านพี่เวยยังไม่ไป พวกเราเป็นแขกก็ย่อมกินไม่ได้เพคะ”
กู้อ้าวเวบจึงเดินเข้ามาตบไหล่นางเบาๆ อย่างจนปัญญา กู้อ้าวเวยเพียงพูดออกมาเสียงต่ำว่า “ตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ ในตำหนักอ๋องจะกินตอนไหนก็ได้ตามสบาย งั้นอีกประเดี๋ยวก็ไปด้วยกันเถอะ”
“เพคะท่านพี่เวย” ลี่วานยกยิ้มขึ้นมา ในระหว่างทางที่เดินไปห้องโถงก็คุยเรื่องขององค์ชายสี่กับกู้อ้าวเวยไปด้วย
เมื่อมาถึงห้องโถง คนในตำหนักนอกจากซูพ่านเอ๋อที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว คนอื่นๆ ก็เข้ามาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และรวมถึงองค์ชายหกซ่านจวนฮ่าวที่พุ่งเข้ามาในห้องกะทันหันเมื่อวานนี้ด้วย เวลานี้กู้จี้เหยายืมฐานะที่เป็นน้องสาวของตนเข้าไปพูดคุยกับซ่านจวนฮ่าว
ส่วนอาหารเช้าบนโต๊ะ ก็เหมือนว่าจะมีเต็มโต๊ะไปหมด
“เวยเอ๋อร์ อาหารเช้าวันนี้เจ้าชอบหรือไม่?” พอซ่านจวนฮ่าวเห็นกู้อ้าวเวยก็วางของในมือลงทันที ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่ข้างๆ กู้อ้าวเวย เพื่อให้นางได้นั่งอยู่ข้างๆ ตน
“ท่านเป็นคนเตรียมหรือ?” กู้อ้าวเวยมองไปที่อาหารเช้าที่มีอยู่เต็มโต๊ะ
“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ในเมื่อเมื่อวานนี้ข้ารับปากเวยเอ๋อร์แล้ว วันนี้ก็ต้องทำเช่นนี้ด้วยตัวของข้าเอง หากว่าเจ้าไม่ชอบกินของพวกนี้ละก็ พรุ่งนี้ก็ค่อยให้คนเปลี่ยนใหม่” ซ่านจวนฮ่าวพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี
ความจริงแล้ว อาหารเช้าในวันปรกติของกู้อ้าวเวยก็มีเพียงหมั่นโถวกับซุปผักดองเท่านั้น
“ท่านพี่ เหตุใดองค์ชายหกถึงได้เรียกท่านว่าเวยเอ๋อร์ราวกับเรียกภรรยาเช่นนี้ล่ะเพคะ?” กู้จี้เหยาพูดหยอกล้ออีกว่า “อีกอย่าง เมื่อวานองค์ชายหกก็เพิ่งจะกลับมา หรือว่าเมื่อคืนนี้ท่านพี่ได้เจอกับองค์ชายหกแล้ว นี่อาจจะทำให้เสียศักดิ์ศรีไปหน่อยกระมังเพคะ”
ไม่รอให้กู้อ้าวเวยได้พูดอะไร ซ่านจวนฮ่าวก็ตบโต๊ะอย่างรุนแรง ทำให้กู้เหยียนจือที่นั่งกินข้าวอยู่ด้านตรงข้ามตกใจจนสะดุ้งโหยง กู้จี้เหยาก็ร้องออกมาอย่างตกใจ แม้แต่กุ่ยเม่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยังขมวดคิ้วฉับ
“กู้จี้เหยาหยอกล้อพระชายาจิ้งเช่นนี้ สมควรได้รับโทษ” ซ่านจวนฮ่าวตวาดกร้าวอย่างเดือดดาล