บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1041
บทที่ 1041 เท้าเปล่าไม่กลัวคนใส่รองเท้า
“ข้าคิดว่าเจ้าลืมข้าไปแล้วเสียอีก”
เสียงเริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เตียงถูกกดลงเล็กน้อย และนิ้วมือที่เย็นเฉียบสัมผัสลูบไล้ที่คอนางเบาๆ
กู้อ้าวเวยจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยทำอะไรไว้บ้าง แต่กลับรู้ว่านางเคยมีตำแหน่งองค์หญิงเอ่อตาน จากนั้นก็กลับตกสวรรค์ รู้ว่าตัวเองปล่อยออกไป นอกจากนี้ รายละเอียดปลีกย่อยก็จำไม่ได้ค่อยได้แล้ว
และผ้าก็ถูกดึงลงมา ภาพที่แสดงให้เห็นตรงหน้าคือแสงเทียนสว่างไสวในห้องหิน กำแพงรอบด้านก็มีรอยร้าวที่มีรูปร่างแปลกๆ ดูไม่ออกเลยว่าประตูอยู่ที่ใด
เงยหน้าขึ้นมอง แม่หญิงตรงหน้าดูงดงามมาก แต่ใบหน้ากลับมีรอบแผลมากมาย สวมชุดดำนั่งอยู่ข้างๆ กำลังเล่นผ้าสีดำที่ดึงลงมาจากตานาง ยิ้มตาหรี่พูดว่า: “ตอนนั้นเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ตอนนี้ข้าก็ไม่ลงมือกับเจ้าหรอก”
งั้นเหรอ?
กู้อ้าวเวยคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองช่วยนางไว้เมื่อไหร่ และปล่อยไปเมื่อไหร่ด้วย
ซูพ่านเอ๋อขับคางนางเบาๆ: “ซ่านจินจื๋อหาเจ้าจนแทบบ้าคลั่ง”
“นี่ก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ?” กู้อ้าวเวยยิ้มอ่อนๆ ไม่กลัวว่าจะทำให้หญิงตรงหน้าโกรธเลย และพูดด้วยท่าทีที่สงบว่า: “กลับเป็นเจ้า ทำไมถึงปรากฏตัวในเมืองเทียนเหยียน ยังสามารถนำตัวข้าออกมานอกวังได้อีก?”
“เรื่องพวกนี้ เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก” ซูพ่านเอ๋อแสดงออกถึงความเกลียดชัง แต่มือที่วางไว้บนคอนางก็ยังไม่ลดลง และพูดช้าๆว่า: “ใบหน้าเจ้าก็ยังคงสวยเหมือนเดิม ข้ากลับ……”
“เรื่องมาถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังคิดว่าเพียงแค่มีใบหน้าที่งดงามก็สามารถเดินไปจนสุดทางได้?” กู้อ้าวเวยยกตัวขึ้นอย่างยากลำบาก โซ่ตรวนบนตัวก็กระทบกันจนเกิดเสียงดังขึ้น และยังมีสายตาที่เย่อหยิ่งของกู้อ้าวเวย: “เจ้ามาที่นี่ได้เพราะใบหน้านี้ หรือเพราะเมี่ยวหารถึงมาที่เมืองเทียนเหยียนได้……”
“เพียะ——”
ใบหน้าเจ็บปวดและแสบมาก แต่กู้อ้าวเวยกลับแค่หัวเราะเบาๆนั่งลงใหม่ เลียเลือดที่กลบมุมปาก
“โชคไม่เข้าข้างเสียจริงนะ วันนี้ก็ตาเจ้าที่มาต่อรองกับข้า?” นางหัวเราะเบาๆ ดวงตาสีอำพันตอนนี้สงบนิ่งดั่งน้ำ แม้จะนอนอยู่บนหญ้าแห้งและผ้าห่ม สายตานางก็ไม่เคยขี้ขลาดเลย มีแต่ความท้าทาย: “พวกเจ้าอยากได้อะไร อยากให้ข้าทำอะไร?”
ซูพ่านเอ๋อกัดฟัน ยังอยากจะสั่งสอนเจ้าของดวงตาที่เย่อหยิ่งคู่นี้ แต่กลับมองเห็นก้อนหินไม่ไกลมากขยับออกช้าๆ เมี่ยวหารที่อยู่ในชุดดำเดินเข้ามา ยกมือขึ้นหยุดไม่ให้ซูพ่านเอ๋อลงมือ และมองกู้อ้าวเวยอย่างเย็นชา: “จะต้องตีเจ้าจนเลือดเนื้อฉีกขาด ถึงจะรู้สถานการณ์ตอนนี้ของตัวเองงั้นเหรอ?”
“ในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนที่ใกล้ตายแล้ว จะข่มขู่ไปทำไมกัน?”
กู้อ้าวเวยล้มตัวลงนอนช้าๆ มองเขาพูดว่า: “ลูกๆข้าอยู่ที่เอ่อตานกันหมด ไม่มีญาติพี่น้อง รอบตัวก็ไม่มีอะไรให้พวกเจ้ามาทำเป็นเครื่องมือต่อรองได้อีก ข้าจะกลัวกับการที่เลือดเนื้อฉีกขาดงั้นเหรอ?”
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะช่วยตัวเองยังไง ตอนนี้พอเห็นเมี่ยวหารแล้ว ก็กลับมีความหวังขึ้นมา
เหมือนกับที่ซ่านต้วนโฉงจับนางขังไว้ก็เพื่อช่วยยู่จุน เมี่ยวหารก็จะช่วยตัวเองไว้ด้วยเป้าหมายเดียวกัน
น่าสนุกจริง
“ฆ่านางเสีย!” ซูพ่านเอ๋อพยายามจะพุ่งเข้ามา
เมี่ยวหารยกมือขึ้นจับตัวซูพ่านเอ๋อไว้ และทุบหลังคอนางให้สลบด้วยสีหน้านิ่งเฉย มองกู้อ้าวเวยพูดว่า: “ข้ามีวิธีการที่จะช่วยเจ้า”
“เจ้าฆ่าข้าเถอะ ข้าไม่อยากตกลงกับข้อเสนอพวกเจ้า”
กู้อ้าวเวยหลับตาลง หดตัวลงในขณะที่เมี่ยวหารมองนางด้วยสายตาที่ตกใจ และพูดต่อว่า: “ขอแค่ยังข้ายังเป็นนักโทษอยู่ ข้าจะไม่ตอบตกลงข้อเสนอของผู้ใดแน่”
“เจ้า!”
เมี่ยวหารโมโหจัด และอุ้มซูพ่านเอ๋อออกไป
และกู้อ้าวเวยที่ทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากทำข้อเสนออะไรกับพวกเขาสองคน
คนเบื้องหลังในเมื่อนำตัวนางออกมาจากวังได้ มีความสามารถไม่น้อย
เมื่อคืนความทรงจำนางก็กลับมาช้าๆ
ตอนกลางคืนทั้งสองนั่งอยู่ใต้แสงจันทร์ ซ่านเซิ่งหานพูดถึงเรื่องเก่าเมื่อก่อน หวนนึกไปถึงเรื่องราวที่ทั้งสองเคยสู้เคียงบ่ามาด้วยกัน ประตูเมืองในนอก ก่อนและหลังชัยชนะ และแสดงความในใจว่ายังคิดเหมือนเดิม ก็ถึงเวลานอนแล้ว
กู้อ้าวเวยตอบปฏิเสธ คิดว่าจะอ้างว่าเมามากแล้วอยากกลับห้องไปนอน แต่กลับได้ยินซ่านเซิ่งหานร้องเสียงดังว่าระวัง
และนางก็ล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้หินอ่อน มองดูซ่านเซิ่งหานที่ประคองตัวนางไว้ แต่เสียดายยังมองได้ไม่นาน ก็รู้สึกเจ็บต้นคอ……
ความทรงจำก่อนหน้านี้มีแต่เศษที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ มีแสงสว่างเจิดจ้าในความฝัน ไม่มีสิ่งอื่นอีก
แต่ไม่นาน ประตูหินถูกเปิดออกอีกครั้ง
ยังคงเป็นเมี่ยวหารที่เดินเข้ามา แต่กลับเอากุญแจมาปลดล็อกโซ่ให้นางด้วย เหลือเพียงโซ่บนคอที่ยังไม่ได้เอาออก
คนชุดดำด้านหลังก็เอาเตียงและโต๊ะง่ายๆขนย้ายเข้ามาจากประตูอื่น กระดาษพู่กันมีครบครัน อาหารชาอุ่นๆมีครบเหมือนกัน วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าของนาง
“เช่นนี้ เจ้าก็จะยอมเจรจา……”
“สูตรของชีวิตอมตะยังขาดยาหนึ่งตัวคือจุ้ยเวี่ยน ยาตัวอื่นข้าจะไม่พูด จนกว่าพวกเจ้าจะปล่อยข้าออกไป” กู้อ้าวเวยเดินไปลากเก้าอี้มานั่ง จ้องมองเมี่ยวหารพูดว่า: “ข้าไม่รู้ว่าเบื้องหลังเจ้าเป็นใคร แต่ของที่ข้าให้ได้ก็เป็นตัวช่วยข้าเหมือนกัน จะบอกง่ายไม่ได้”
“อย่าได้คืบแล้วเอาศอกนะ” เมี่ยวหารมองด้วยสายตาเย็นชา
“เท้าเปล่าไม่กลัวคนใส่รองเท้า เจ้าจะทำยังไงข้าได้ล่ะ?” กู้อ้าวเวยหัวเราะเสียงเบา: “อีกอย่างนะ ถ้าข้าบอกสูตรยาจริงๆไป พวกเจ้าจะเชื่อเหรอ? ก็แค่อยากหาข้ออ้างขังข้าไว้ที่นี่เท่านั้น”
สีหน้าเมี่ยวหารเปลี่ยนไปทันที ให้นางอยู่ดีๆอย่าคิดจะหนี ก็ออกจากห้องหินไปเลย
และกู้อ้าวเวยก็มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย พอมีพวกนี้อยู่ ตอนนี้นับว่านางยืนอยู่บนด้ายเส้นเดียวกันกับซ่านต้วนโฉงแล้ว เรื่องของยู่จุนแน่นอนจะเอามาเป็นข้อต่อรองไม่ได้ และคนเบื้องหลังคิดจะฆ่านางในตำหนักฮองเฮาก่อน แต่ตอนนี้กลับเก็บนางไว้ก็ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว หรือว่าคนที่ลงมือวันนั้นมีสองกลุ่ม
ความเป็นไปได้มากมายล้นขึ้นมาในสมอง สุดท้ายสิ่งที่แน่ใจได้กลับมีเพียงเรื่องเดียว
การมีชีวิตอยู่ของนางขวางทางเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์ หรือรู้เรื่องมากมาย หรือตำแหน่ง
ตั้งแต่ฉูห้าวมาอยู่ข้างนาง เบื้องหลังของนางก็มีความมั่นคงมากแล้ว
ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกขังเพราะเรื่องพวกนี้ กู้อ้าวเวยไม่รู้ว่าตัวเองจะดีใจที่เป็นคนสำคัญ หรือควรเสียใจที่เรื่องพวกนี้ทำให้นางถูกขังอยู่ตรงนี้
……
ชานเมือง มีศพเกลื่อนกรานทั่วพื้น
แขนเสื้อของซ่านจินจื๋อเป็นรอยเปื้อนสีแดง ใบหน้าครึ่งซีกเต็มไปด้วยเลือดของพวกเขา รอบด้านมีกลิ่นครอบเลือด เฉิงซานไม่ก้าวเข้าไปใกล้
“พวกเขาก็เป็นแค่พวกโจรที่รับเงินคนอื่นมาเพื่อฆ่าคน” ต่อมาซ่านเชียนหยวนก็เดินเข้ามาพูดอย่างระมัดระวัง
เขาไม่วางใจเลยที่จะปล่อยเสด็จลุงที่บ้าคลั่งคนนี้ออกไปด้านนอก เขาพึ่งมาถึงก็เห็นภาพแบบนี้แล้ว
ซ่านจินจื๋อลดมือลง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ซ่านเซิ่งหานตื่นหรือยัง?”
“ตื่นแล้ว……เสด็จลุงรอข้าก่อน!”