บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1043
บทที่ 1043 พื้นที่อันตราย
กลับมาโดยที่ไม่ได้อะไรเลย
ทั้งตัวมีแต่กลิ่นคาวเลือด ซ่านจินจื๋อไม่ได้ยินเบาะแสอะไรจากซ่านเซิ่งหานเลย มีสิ่งเดียวที่รู้ก็คือเป้าหมายพวกเขาก็คือการลักพาตัวกู้อ้าวเวย แต่ไม่คิดทำร้าย
แต่เขาทำนางหายอีกแล้ว
ซ่านจินจื๋อกลับไปตำหนักอ๋องจิ้งอย่างกังวลใจ ทหารสองพันนายก็ถูกสั่งให้ไปค้นหากู้อ้าวเวย
ชานเมืองถนนไม่ค่อยดี ตรงภูเขาต้องสั่งคนให้ค้นหาอย่างละเอียด
ฮ่องเต้กลับสั่งราชโองการมาว่า ฮองเฮาทรงป่วยหนัก อยู่ได้อีกไม่นาน จะต้องตามหาหมอเทพเพื่อรักษา ทำเอาผู้คนลนลานกันไปหมด ขนาดพวกขุนนางเล็กๆที่ไม่สำคัญ ยังอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อทำความดี ไปตามหาหมอเทพกันใหญ่
เพราะยังไงอ๋องจิ้งกับฮ่องเต้มีศัตรูคนเดียวกัน อย่างน้อย ตอนนี้อยู่ฝ่ายเดียวกัน อำนาจล้นหลาม ทุกคนจึงต้องยอมรับเรื่องนี้ ในใจก็คิดหรือว่าสองพี่น้องดีกันแล้ว อ๋องจิ้งคงไม่มีใจกบฏ ตอนนี้เป็นเช่นนี้ งั้นพวกเขาที่คิดจะยืนฝ่ายองค์ชายหรืออ๋องจิ้งคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
มีราชโองการของฮ่องเต้ ในเมืองเทียนเหยียนก็ตามหาง่ายขึ้น
บนคือจวนเฉิงเสี้ยง ล่างคือประชาชน ค้นหาให้ทั่วไม่ให้เว้น ซ่านเชียนหยวนจัดกำลังคนได้อย่างดี คงไม่ถึงกับมีเสียงเรียกร้องความเป็นธรรม
ซ่านจินจื๋อเดินเข้าจวนโดยที่ยังคงอารมณ์เสียอยู่ ให้คนเก็บเรื่องนี้ไว้ จะให้เซียวเซียวและหยินซิ่งรู้ไม่ได้ ตัวเองก็สั่งทหารไปอีก แม้จะหาเบาะแสได้สักเล็กน้อย ก็ต้องหาต่อไป
พระอาทิตย์ตกดิน ก็มีคนรีบกลับมา เกือบจะล้มลงหน้าซ่านจินจื๋อ: “ท่านอ๋อง! คนบอกเวลาด้านนอกประตูบอกว่าเมื่อคืนเห็นมีเงาเหมือนแบกร่างคนเดินลับหายไปทางตะวันตก ตามที่ทหารทางประตูตะวันตกได้บอก ตอนนั้นฝ่าบาทไม่เคยสั่งอะไร จึงไม่รู้ความ”
ตอนเช้าทหารผลัดเปลี่ยนเวรยาม คนเฝ้าประตูก็ต่างอยู่กันใกล้ เกรงว่าซ่านจินจื๋อเรื่องที่ทำให้คนลนลานยังไม่ได้แพร่ออกไป
ได้ยินข่าวนี้ ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นเดินทางทันที
ประตูทิศตะวันตก ทหารบอกเรื่องที่ทราบไปทั้งหมดแล้ว: “เช้านี้รถม้าเยอะไปก็จริง แต่ถ้าจะตรวจค้นให้หมดก็ย่อมได้ แต่ไม่รู้ว่าคนของท่านอ๋องจิ้งออกวังด้วยเหตุอันใด ไม่ได้สอบถามมาก”
ซ่านจินจื๋อยืนอยู่ข้างๆ ในมือยังจับแผ่นไม้ที่ตกหล่นจากตัวกู้อ้าวเวย นิ้วมือในแรงหน่อย: “ข้าสั่งคนไปทางประตูตะวันตกเมื่อไหร่?”
“แต่คนพวกนั้นมีแผ่นป้ายของตำหนักอ๋องจิ้งจริง……ก็คือแผ่นเดียวกันกับที่ท่านถืออยู่!”
ทหารคนนั้นตาแหลมเห็นของในมือซ่านจินจื๋อ
แผ่นป้ายนี้สำคัญอย่างมาก ทุกคนต่างรู้กัน และทหารคนนั้นก็รีบพูดต่อว่า: “และคนคนนั้นก็คือหญิงในภาพที่อ๋องจิ้งส่งมาก่อนหน้า เป็นคำสั่งก่อนหน้านี้ของอ๋องจิ้ง ถ้าเห็นแผ่นป้ายนี้กับผู้หญิงคนนั้น ก็ปล่อยให้ผ่านทางได้หมด……”
“แครก——”
แผ่นป้ายนั้นมีรอยร้าวยาว
ซ่านจินจื๋อแผ่นป้ายของตัวเองจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันมีข้อแตกต่างกันตรงไหน และทหารที่เฝ้าประตูรู้จักของสิ่งนี้ จะมองผิดได้ยังไง บวกกับใบหน้าบนรูปวาดนั้น ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องดีของพวกเขา!
“แผ่นป้ายนี้ทำมาจากเหล็ก สั่งกำลังคนไปหาช่างทำทั่วเมืองว่าช่วงนี้มีคนใช้ของสิ่งนี้ไหม อีกอย่างการแกะสลักแผ่นป้ายนี้ต้องใช้วิชาชั้นสูง สั่งคนให้ไปสืบด้วย”
ซ่านจินจื๋อสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา และใบหน้านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเปลี่ยนหน้ามา ไม่งั้นนางคงถูกทำแบบนี้ในตอนที่หลับอยู่
คิดเช่นนี้แล้ว ซ่านจินจื๋อก็พูดต่อว่า: “ไปจูงม้ามาให้ข้า”
ทหารเฝ้าเมืองรีบไปจูงม้ามาทันที และเห็นซ่านจินจื๋อกระโดดขึ้นม้าไป ตลอดทางไปจนถึงประตูเมืองตะวันออก
ประตูเมืองตะวันออกเดินออกไปก็มีแต่ทางภูเขา เดินไปข้างหน้าสิบเมตร ก็คือพื้นที่ภูเขารอบๆ วันก่อนมีฝนตก ถนนบนภูเขาก็เป็นแต่โคลน และซ่านจินจื๋อออกจากเมืองสามเมตร ก็เห็นข้างๆมีคนขี่ม้ามามากมาย ตามมาติดๆ
ทหารเฝ้าเมืองดูด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน มีท่านอ๋องกล้าวางกำลังทหารไว้นอกเมือง เกรงว่าโทษถึงสังหาร” ทหารเฝ้าประตูเมืองต่างกลืนน้ำลายกันอึกๆ เห็นท่านอ๋องจิ้งไม่คิดจะปิดบังเลย ก็รู้สึกตกใจตามๆกัน
“แต่อ๋องจิ้งยังไงก็ถึงนอกเมืองเทียนเหยียนแล้ว แต่กลับอดทนไว้ไม่เรียกใช้ทหาร ตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะท่านหมอเทพ ก็คงไม่ทำเช่นนี้ แต่ว่าตั้งแต่โบราณก็มีเรื่องหญิงงามทำเมืองล้ม ไม่รู้ว่าฝ่าบาทกับอ๋องจิ้งจะเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันจริงหรือไม่ หรือว่าตอนนี้เพื่อผู้หญิงคนเดียวกลับกลายเป็นศัตรูต่อกัน” ทหารอีกคนก็ทำเป็นไม่เห็นเรื่องที่มีคนขี่ม้าออกมา
ทั้งสองไม่กล้าพูดมากอีก รออยู่ข้างประตูเงียบๆ
หาจนถึงประตูเมืองใกล้ปิด ซ่านจินจื๋อขี่ม้ากลับมา
พอกลับมาก็ไปบ้านคนบอกเวลานั้น และพูดเสียงเย็นชาว่า: “นอกเมืองไม่มีร่องรอยอะไรเลย และไม่มีได้เบาะแสกลับมา”
เชิงซานกลับเดินตามไปอย่างเร่งรีบ จนกระทั่งมาถึงบ้านของคนบอกเวลา แต่กลับเป็นพื้นที่บ้านรกไปหมด
และภายในห้อง คนบอกเวลานั้นก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว
แต่กลับเห็นบนกำแพงเขียนสี่คำใหญ่ๆว่า กรรมตามสนอง
เชิงซานเดินขึ้นไป พูดว่า: “ใช้มีดธรรมดาฆ่า คนผู้นั้นวรยุทธธรรมดา”
“แต่ตัวอักษรบนกำแพงกลับมีพลังอย่างมาก”
ซ่านจินจื๋อหรี่ตาลง เดินเข้าไปช้าๆไม่รีบ
ทันใดนั้นเสียงของก็ดังขึ้น อาวุธที่ซ่อนอยู่หลายชิ้นก็เจาะเข้าไปในกำแพงหินของกระท่อมหลังเล็ก พลังนั้นรุนแรงมาก จนทำให้เป็นรอยแตกลึก
เงาดำด้านนอกหายไปในพริบตา ซ่านจินจื๋อรีบตามไปทันที
ภายใต้แสงจันทร์ มีเสียงดังบนหลังคา
ซ่านจินจื๋อมีวรยุทธกล้าแกร่ง ไม่นานก็จับคนได้ทันที และคนพวกนั้นทำเป็นเหมือนไม่เห็น คนชุดดำตรงหน้าซ่านจินจื๋อล้มลงตรงหน้านั้น ตกลงจากบนหลังคา กลับสิ้นลมไปแล้ว
“จึ๊” สายตาของซ่านจินจื๋อเย็นชา แต่ต่อมาก็ไปต่อแต่กลับไม่ตามต่อแล้ว
กลับมาถึงประตูเมืองตะวันตกอีกครั้ง กลับไม่เห็นทหารที่มาผลัดเปลี่ยนเวรยาม ประตูเมืองยังคงเปิดกว้าง
ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้น ก็มีคนด้านหลังไปจัดการเรื่องนี้แล้ว
และติดตามไปถึงนอกเมือง ภายในป่า แสงจันทร์เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวไม่สว่าง รักษาระยะห่างนั้นยากมาก
ด้านหลังมีเฉิงซานที่ตามมาติดๆแต่กลับยังมีอีกคน คนผู้นั้นเร็วกว่าเฉิงซานมาก จนมาถึงข้างซ่านจินจื๋อ: “ท่านอ๋องอย่ารีบร้อนไป จิตใจไม่สงบ จะช่วยคนคงมีแต่เสีย”
เห็นกุ่ยเม่ยไม่รู้ว่าออกวังมาเมื่อไหร่ ซ่านจินจื๋อจึงทำใจสงบ เพิ่มความเร็วขึ้น
คนตรงหน้ามีวรยุทธกล้าแกร่ง แต่กลับมองออกว่าไม่ใช่ทหารในเมือง แต่เป็นคนพเนจร
แต่ว่าพวกคนพเนจร ทำไมถึงเปิดประตูให้พวกเขา คนที่ทำเรื่องนี้ได้ คงมีหนึ่งเดียวคือซ่านต้วนโฉง
แต่ซ่าต้วนโฉงเก็บกู้อ้าวเวยไว้ในวังแล้ว จะแสดงไปเพื่ออะไร ยิ่งไปกว่านั้นทหารเขาอยู่ด้านนอก ซ่านต้วนโฉงคงไม่โง่ถึงขนาดเปิดประตูเมืองไว้ในขณะที่ฟ้ามืด นี่ไม่ใช่การตัดทางตัวเองเหรอ
ซ่านจินจื๋อคิดวิตกไม่หยุด ตรงหน้าก็เห็นแสงสว่างวาบออกมา ก็รีบหยุดคำไว้: “เป็นกับดัก”
กุ่ยเม่ยหรี่ตาลง เห็นแสงเลือนรางเท่านั้น ถ้าเมื่อกี้พุ่งเข้าไปโดยไม่คิดอะไรเลย……
แต่กลับเห็นแสงด้านหลังนั้นมีเงาสะท้อนออกมา คนผู้นั้นอวบเล็กน้อย ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มแขวนไว้ ชูไม้ขึ้นสูงๆ: “ท่านอ๋องเก่งจริงๆ แต่ในเมื่อตกเข้ามาในกับดักนี้แล้ว ก็ยากที่จะออกไปนะเจ้าคะ”
พอเห็นใบหน้านั้น กุ่ยเม่ยดวงตาหดลงทันที
นางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!