บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1050
บทที่ 1050 ถูกจับได้
ด้วยชื่อของคนคุมตำหนักอ๋องจิ้ง กู้ซวงจึงอยู่ในตำหนักอ๋องจงผิงอย่างสบายใจ ท่านอ๋องสองคนเหมือนจะยุ่งอยู่กับงานแต่ง แต่ความเป็นจริงคนที่จัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ ก็คือเฉิงซานและหลี่ซินที่ติดตามข้างนางไม่ห่างไปไหน
ก่อนที่ซ่านเชียนหยวนจะออกไปพร้อมซ่านจินจื๋อ ก็เตือนว่าให้ดูแลอย่างระวัง
ทำเอาพวกข้ารับใช้คิดว่าท่านอ๋องบ้านตัวเองมีใจกับแม่นางผู้นี้ อยากจะเก็บไว้เป็นอนุภริยาหลังจากงานแต่ง แต่พวกคนใช้ไม่น้อยที่ถูกสั่งให้มาส่งของขวัญ ที่พอเห็นใบหน้านางแล้วต้องอึ้งไปตามๆกัน
กู้ซวงทำตัวนิ่งๆตามคำสั่งเฉิงซาน อิงตัวอยู่บนโต๊ะมองดูสมุดจดชื่ออย่างขี้เกียจ แต่งานนี้สบายกว่าตอนที่ต้องแสร้งทำตัวเป็นคุณหนูใหญ่อีก จึงอดไม่ได้ถามไปว่า: “ปกตินางเป็นคนที่ง่ายๆและปล่อยตัวแบบนี้เหรอ?”
“อาจจะทำตัวง่ายๆมากกว่าท่านอยู่มาก” เฉิงซานพูดอย่างเขินๆ
ก่อนหน้านี้เขาตรวจสอบอย่างละเอียดตามคำสั่งท่านอ๋อง ถ้ารอบด้านไร้ผู้คน กู้อ้าวเวยเคยทำเรื่องตามใจตัวเองและไม่ดีอยู่มาก แม้จะไม่ส่งผลต่อทุกฝ่าย แต่ก็ยากที่จะเผยออกนอกได้
ทันใดนั้นกู้ซวงก็รู้สึกว่า ตัวเองคงจะไม่เหมือนกู้อ้าวเวยขนาดนั้น
ซ่านจินจื๋อให้นางมตำหนักอ๋องจงผิงเงียบๆ ความจริงแล้วเพื่อให้นางออกห่างตงฟางซวนเอ๋อเท่านั้น จะได้ไม่ถูกจับได้ อีกอย่างก็คือเรื่องของไทเฮา ซ่านจินจื๋อทำเพื่อตัวเองมากเท่าไหร่กัน ยิ่งกังวลว่าเพราะนางเป็นสายเลือดตระกูลตงฟางจะทำอะไรที่เกินเลยหรือไม่
เวลานี้ นางถึงรู้สึกว่าข่าวลือการทำอะไรตามใจตัวเองของซ่านจินจื๋อเป็นเรื่องปลอมทั้งนั้น
ตอนนี้ซ่านจินจื๋อสั่งคนให้ตามหาตัวหมอเทพใหญ่โต เป็นเหมือนแมลงวันที่ไม่มีเป้าหมาย แต่ลับหลังกลับสั่งคนให้ตามหาช่างลับๆ นอกวังหลวงกำแพงสูงทุกที่ล้วนมีสายลับของเขาทั้งนั้น เขาทำได้อย่างแนบเนียน แต่ก็ยังคงระวังตัวไว้ และไม่เคยเข้าไปในตามหาในวังเลย แค่เพราะเส้นระเบิดนั้น จะข้ามเขตกันไม่ได้
แต่แม้จะอยู่ในตำหนักอ๋องจงผิง นางก็ยังบังเอิญเจอกับตงฟางซวนเอ๋ออีก
ตามชื่อ ตงฟางซวนเอ๋อยังนับว่าเป็นฮูหยินคนเดียวของอ๋องจิ้ง แม้จะเป็นแค่อนุภริยา แต่ก็ต้องเป็นนางที่มาส่งของขวัญ พอเจอหน้ากัน กู้ซวงยังอยากจะจัดท่านั่ง เฉิงซานที่อยู่ด้านหลังก็แอบตบแขนนางเบาๆ นางแค่มองค้อนเล็กน้อย: “คุณหนูตงฟางมาในตัวแทนตำหนักอ๋องจิ้ง”
“ในเมื่อรู้ว่าข้ามาในตำแทนตำหนักอ๋องจิ้ง ควรจะเรียกข้าว่าฮูหยินนะ”
ตงฟางซวนเอ๋อมองการกระทำท่าทีของกู้อ้าวเวยอย่างละเอียด
แต่นางไม่ได้หันกลับไป ที่มากกว่าคือทำเป็นไม่สนใจ แค่เขียนลงในสมุดนั้นเล็กน้อย ขยับมือให้คนรับของขวัญที่ตงฟางซวนเอ๋อส่งมา พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า: “ไม่คิดว่าสายตาอ๋องจิ้งไม่เลวเลยนะ”
เฉิงซานไอกระแอมอย่างรู้เวลา กู้ซวงก็ลดสายตาลงอย่างรู้ทัน หันกลับไปมองตงฟางซวนเอ๋อ: “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณหนูตงฟางรีบกลับไปรายงานดีกว่า”
“ข้าไม่ใช่ข้ารับใช้ของตำหนักอ๋องจิ้งนะ ไม่จำเป็นต้องกลับไปบอก……”
พอพูดจบ กู้อ้าวเวยก็กวาดสายตามองมาอย่างเย็นชา มองไปที่ไหล่และใบหน้า มืออีกข้างก็เท้าคางไว้อย่างขี้เกียจ: “คุณหนูตงฟางไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองเสียหายหรอก เป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลตงฟาง ทำไมต้องมาเป็นอนุภริยาของอ๋องด้วย ทางที่ดีไปขอราชโองการเป็นภริยาเอกของคนอื่น ไม่ต้องคอยอยู่ในที่มืด และยังไม่ถูกคนอื่นดูถูกอีก”
กู้ซวงไม่เคยพูดกับนางแบบนี้เลย
ตงฟางซวนเอ๋อขมวดคิ้ว กำลังจะออกไป กลับเห็นกู้อ้าวเวยรับของขวัญมาเขียนไว้ในสมุด พึ่งรับมาได้สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ตงฟางซวนเอ๋อก็ตั้งใจหยุดลง มองทุกการกระทำของนาง
แจกันสีขาวลายดอกไม้ คือของที่นางสั่งคนให้เอาไปไว้ในห้องเก็บของ วันนี้ตรวจสอบ นางตั้งใจหาเวลามา เมื่อกี้ที่พูดคุยก็ถือว่ายื้อเวลาไว้ ให้นางได้รอจนถึงเวลา ไม่ต้องให้คนไปบอกต่อ
ในนั้นมีพิษ แต่ปริมาณน้อย ยากที่จะเห็นได้
กู้ซวงเห็นสิ่งผิดปกติ ขมวดคิ้ววางของลง และเช็ดขอบเสื้อโดยไม่ให้จับได้ จากนั้นก็มองเฉิงซาน: “ของสิ่งนี้เดี๋ยวค่อยเอาลงไป”
พอเสร็จแล้ว กู้ซวงก็มองตงฟางซวนเอ๋ออย่างรู้สึกผิด
หรือว่าจะให้ตงฟางซวนเอ๋อรู้ไม่ได้ว่าของขวัญที่จะให้ในงานแต่งมีพิษเรื่องนี้?
นางไม่รู้ว่าในนี้มีอะไรผิดพลาดไหม แต่กลับเห็นสีหน้าและท่าทีที่แปลกของตงฟางซวนเอ๋อ และเดินออกไป
“เมื่อกี้ข้าทำอะไรผิดหรือไม่?” กู้ซวงถามหลี่ซินที่กำลังห่อแจกันนั้นอย่างระวัง
หลี่ซินกลับหัวเราะขึ้นมา: “เมื่อกี้ท่านทำได้ไม่ผิด เกรงว่าคุณหนูตงฟาง คงจะรู้ว่าแจกันนี้มียาพิษ”
“นางควรจะรู้ไหม?” กู้ซวงตกใจ
“แจกันนี้นางสั่งให้คนเอาส่งไปในห้องเก็บของ” เฉิงซานเดินมาข้างกู้ซวง คนติดตามข้างๆที่ไม่พูดอะไรส่งน้ำเปล่ามาตรงข้างมือกู้ซวง และได้ยินเฉิงซานพูดว่า: “ตั้งใจทดสอบวิชาแพทย์ของเจ้า ตอนนี้เป้าหมายก็สำเร็จแล้ว เมื่อกี้สายตาและความเงียบของท่าน ทำให้นางแน่ใจเรื่องนี้ได้”
กู้ซวงเข้าใจและนำมือเข้าไปในน้ำ
บังเอิญ นางไม่ได้จะทำแบบนี้ แต่กลับได้หลอกคนฉลาดแบบนั้น ก็หัวเราะออกมา: “ไม่คิดเลยว่า มีวันหนึ่งข้าจะได้หลอกนางด้วย”
……
และพอออกจากตำหนักอ๋องจงผิงแล้ว ตงฟางซวนเอ๋อขึ้นไปนั่งบนรถม้า ก็เห็นชายชุดดำตรงหน้า จึงหัวเราะออกมา: “กู้อ้าวเวยคนนี้ก็มองยาพิษออก ยากที่จะแยกแยะ”
ร่างกายชายชุดดำแข็งทื่อ ไม่ได้พูดอะไร
“ถ้าเจ้าออกไปจัดการเองได้ ก็คงจะแยกออกนานแล้ว ตอนนี้จึงเป็นเช่นนี้ไงล่ะ……”
ตงฟางซวนเอ๋อมองชายชุดดำตรงหน้าด้วยความโกรธที่เขาไม่ได้เรื่อง
รถม้าขับออกไปช้าๆ ชายชุดดำก็พูดว่า: “พวกเขาต่างคิดว่าข้าตายแล้ว ถ้าเจ้ามองไม่ออกละก็ ก็นำตัวนางไปด้วยเถอะ”
“ข้าบอกพวกเขาเช่นนี้แล้ว” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าตงฟางซวนเอ๋อกลับเย็นชาขึ้น: “ข้าคิดว่าแค่เก็บชีวิตของกู้อ้าวเวยไว้ก็พอแล้ว พวกเขากลับไม่ให้ข้าทำร้ายนาง ตอนนี้ถ้าจับกู้อ้าวเวยคนนี้ด้วย เกรงว่าผ่านไปอีกสองวันข้าคงจะถูกจับได้แน่”
“ถูกจับได้ เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นแน่นอน”
ชายชุดดำหัวเราะเย็นชา ทั้งตัวก็สั่นไปตามเสียง ถึงหยุดหัวเราะและไอกระแอม
ตงฟางซวนเอ๋อไม่พูดอะไรต่อ แต่แค่บิดแขนเสื้ออย่างไม่สบายใจ ดวงตามมีประกายของน้ำตา
เพื่ออนาคตของจวนตงฟาง นางทำทุกอย่างได้โดยไม่คิดอะไรเลย
และในขณะเดียวกัน ซ่านจินจื๋อมองดูรถม้าของตงฟางซวนเอ๋อที่พึ่งกลับมาถึงจวนตงฟาง และไม่มีอะไรต่อ จึงออกจากที่นี่ไปบ้านเล็กๆตรงเมืองทิศใต้ ในนั้นคงเป็นที่รกร้างไปแล้ว เลือดที่ยังอุ่นๆตอนนี้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีดำไปแล้ว
เฉิงยีลุกขึ้นมาจากพื้น มองดูซ่านจินจื๋อ: “ลูกศิษย์ของช่างพวกนั้นถูกฆ่ากันหมดแล้ว ต่างถูกฟันครั้งเดียวดับ”
“ช่วงนี้ตงฟางซวนเอ๋ออยู่ในจวนตงฟางไม่ขยับไปไหนจริงหรือไม่?”
ซ่านจินจื๋อพูดด้วยเสียงเย็นชา ด้านหลังมีคนชุดดำกระโดดลงมา คุกเข่าลงพูดว่า: “คุณหนูตงฟางยังไม่ออกไป แต่ไปอยู่กับไทเฮาช่วงหนึ่ง……”
“งั้นเหรอ……”
ซ่านจินจื๋อพูดพึมพำ