บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1073
บทที่ 1073 นำไปหนึ่งก้าว
“นี่เจ้า!” ไทเฮาทำตาโต มองซ่านจินจื๋อตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง
ในใจก็ถึงบางอ้อ ทั้งหมดมันเป็นแผนของกู้อ้าวเวย
“เป็นเพราะเจ้าจะทำให้ข้ากับลูกของเจ้าแตกคอกันก่อนเอง”
กู้อ้าวเวยเอ่ยปากตอบออกไปก่อนที่ไทเฮาจะชี้หน้าด่า แล้วก็ยกมือตบไหล่ซ่านจินจื๋อ จากนั้นมองด้วยสายตาเย็นชา “แล้วอีกอย่าง เมื่อครู่นี้เจ้าพูดแผนการตนเองออกมาจนหมด และไม่กลัวว่าข้าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกซ่านจินจื๋อ เจ้าคิดว่าเขาจะเชื่อเจ้า หรือว่าเจ้ามีแผนอื่นกันแน่?”
สิ้นเสียง เฉิงซานและกุ่ยเม่ยที่อยู่ด้านนอกก็เบียดกันเข้ามา
ด้านหลังก็มีคนชุดดำอยู่ด้วย เฉิงซานโค้งตัวพูดว่า “พวกนี้เป็นคนขององค์ชายสาม”
“ท่านไปติดต่อกับพวกเขาได้อย่างไร?”
ครั้งนี้กู้อ้าวเวยก็ส่งสีหน้าให้ซ่านจินจื๋อ อีกด้านก็ไม่ลืมที่จะลูบหลังปลอบใจเขา
สำหรับเรื่องที่กู้อ้าวเวยออกมาไถ่ถามเรื่องราวเอาเองแบบนี้ ทำให้ไม่พอใจ ซ่านจินจื๋อยิ่งไม่พอใจที่นางออกมาโดยไม่บอกกล่าวมากกว่า ก็เลยกอดนางแน่นขึ้น
ไทเฮาสีหน้าเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว แล้วก็ขาอ่อนแรง ถึงขนาดยืนต่อหน้าลูกชายตนเองไม่ไหว
“ให้ข้าเดานะ ท่านสามารถไปฝังกระดาษเหลืองกระดูกไว้ข้างใต้วิหารเฟิ่งหมิง ก็จะน่าจะมีลูกน้องที่ส่งตัวมาก่อนที่เขาจะได้เป็นอ๋องจิ้ง”
กู้อ้าวเวยพูดไปดังนั้น แล้วก็เงยหน้าให้กุ่ยเม่ยด้านข้าง
กุ่ยเม่ยก็ตะลึง จากนั้นก็ตบมือให้สัญญาณ โม่ซานก็ค่อยๆ กระโดดลงมาจากขื่อหลังคา บนดาบยังมีรอยคราบเลือด และโยนคนสองคนลงตามมาด้วย นางก็ปรบมือสั่งให้เก็บดาบเข้าฝัก แล้วพูดว่า “ตั้งแต่หลังจากที่ได้พบกู้อ้าวเวย สองคนนี้ก็จะออกไปส่งข่าว”
“สองคนนี้เป็นคนที่ไทเฮาจัดการให้แฝงตัวอยู่ในจวน มีทั้งหมด27คน”
กุ่ยเม่ยเอาสมุดรายชื่อออกมาจากในเสื้อ ถึงแม้จะมีตำแหน่งดั่งทุกวันนี้ กุ่ยเม่ยก็ยังคงเคารพต่อซ่านจินจื๋อ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างติดตามซ่านจินจื๋อนั้นได้ลืมไปเสียหมดสิ้นแล้ว
รายชื่อคนในตอนนั้น เขายังไม่กล้าที่จะลืมมัน
ไทเฮาทนไม่ได้จนต้องนั่งลงไปที่พื้น แขนหนึ่งข้างพิงไปยังขาโต๊ะ “ก่อนหน้านี้ไอ้ลูกทรพีคนนั้นมาจัดการสายลับในวังออกไป ตอนนี้ยังเป็นเจ้าอีกหรือ……..”
“แต่ท่านยังมีกุ้ยมามา ไม่ใช่หรือ?” กู้อ้าวเวยพูดเสริม
ครั้งนี้โม่ซานและกุ่ยเม่ยต่างก็ตะลึงตามกัน
ซ่านจินจื๋อก็ยื่นมือไปทางเฉิงซาน เฉิงซานก็มองคนที่อยู่ข้างประตู ไม่นาน กุ้ยมามาก็ถูกลากเข้ามา นอกจากเส้นผมจะยุ่งเหยิงเล็กน้อยแล้ว กุ้ยมามาก็ถูกลากมาโยไว้หน้าห้องพระ พอเห็นไทเฮาก็ร้องไห้ยกใหญ่ “หม่อมฉันไปไม่พบ……”
“หุบปาก!” ไทเฮาตะหวาดออกไป แล้วใช้สายตามองซ่านจินจื๋อ “จินจื๋อ!เจ้ารู้ตอนไหน…….”
“ปกติแล้วกุ้ยมามาจะไม่ออกห่างท่าน” ซ่านจินจื๋อเห็นสายตาของกู้อ้าวเวยก็เลยเก็บสายตา แล้วหัวเราะเสียงต่ำพูดว่า “แต่ข้าเห็นว่านางไปหาองค์ชายสามหลายครั้ง ท่านแม่ ท่านเก็บความลับไม่ค่อยอย่างที่คิดนะ”
“เป็นไปไม่ได้…..เจ้าไม่มีทางพบเบาะแสได้….”
ไทเฮาตะโกนออกมา
“ไม่ใช่ข้าเป็นคนพบ แต่หานเอ๋อของท่านทำให้ข้าพบ”
หลังจากทิ้งท้ายประโยคนี้ ซ่านจินจื๋อก็มองนางนิ่งๆ แล้วก็พากู้อ้าวเวยเดินออกไป
“ข้าจะไม่ฆ่าท่านหลอก” ซ่านจินจื๋อพูดโดยไม่หันหัวกลับไปมอง พร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้กู้อ้าวเวย ทิ้งท้ายประโยคนิ่งๆ ว่า “การตายเป็นการปล่อยวางที่ดีที่สุด ไทเฮาได้ตายไปแล้ว ตอนนี้ท่านเป็นเพียงแม่ของข้า”
“เป็นไปไม่ได้!” ไทเฮารีบพุ่งเข้ามาใส่ แต่ถูกเฉิงซานล็อกตัวไว้ นางดิ้นอย่างบ้าคลั่ง “ข้าฉลาดมาทั้งชีวิต ข้าหาวิธีให้ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์ก่อนวัย ปูทางไว้ให้พวกเจ้าทั้งสอง! ตอนนี้ก็หวังเพียงแค่ให้บ้านเมืองสงบ!ข้าอยากจะอยู่ในตำแหน่งไทเฮานานๆ ! ข้าผิดตรงไหน!”
“ผู้หญิงอย่างข้าเป็นฮ่องเต้ไม่ได้!แต่ยังเก่งกว่าเขา ได้ความเป็นอมตะ!ข้าผิดตรงไหน!”
เสียงของไทเฮาเงียบไปพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง
กู้อ้าวเวยกลับได้แต่นวดคิ้วภายใต้อ้อมกอดซ่านจินจื๋อ “ข้าไม่เข้าใจ………”
ได้ยินเหตุผลที่ท่านพ่อสิ้นพระชนม์ก่อนวัย ในใจซ่านจินจื๋อก็ตุ้มๆ ต่อมๆ สุดท้ายก็ได้แต่กำมือของกู้อ้าวเวย แล้วหัวเราะแหยๆ “ท่านแม่อยากเข้มแข็งมาตลอด แต่ก็รักท่านพ่อมาก”
“แต่นางก็ไม่ควรไปหมกมุ่นกับเรื่องอาตะ เดิมทีมันก็……”
“ตอนนั้นท่านพ่อ ก็ทอดทิ้งนางเพราะเรื่องอมตะ ไปรักผู้หญิงคนอื่น” ซ่านจินจื๋ออุ่นมือของนาง พูดเสียงต่ำว่า “แต่ข้าไม่นึกว่าท่านแม่จะทำเพื่อเรื่องนี้ถึงขนาด……..”
“จุดนี้ข้าเข้าใจ” กู้อ้าวเวยก็ยิ้ม แล้วก็จับคอเสื้อของซ่านจินจื๋อไว้ “ถ้าเจ้าทิ้งข้าไปเพื่อบ้านเมือง ข้าจะหาทางเพื่อทำลายสิ่งที่เจ้าอยากจะปกป้อง”
“ร้ายกาจขึ้นทุกวันนะ?” ซ่านจินจื๋อทำหน้านิ่งมองลงมา
“ถ้าข้าตาย เจ้าจะให้พวกเขามาตายกับข้าไหม?”
กู้อ้าวเวยถามเสียงต่ำ แต่แลกมาซึ่งสีหน้าที่บึ้งทึงของซ่านจินจื๋อ แล้วอีกหนึ่งคำที่แสนง่าย คำว่า “แน่นอน”
“ดังนั้น บางครั้งข้าคิดว่าเรื่องที่ซับซ้อน อาจจะเกิดจากที่น่าขบขัน” กู้อ้าวเวยก็ยิ้มแล้วปล่อยมือจากคอเสื้อของเขา
ถึงแม้นางจะหวังว่าหลังจากที่ตนเองออกไปนั้น ซ่านจินจื๋อจะยังคงตั้งสติอยู่ได้
แต่ตอนที่นางเห็นซ่านจินจื๋อบ้าคลั่งเพื่อนางขนาดนั้น ก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะดีใจ
กุ่ยเม่ยและโม่ซานก็ตามอยู่ด้านหลัง เฉิงซานก็ถามหลายครั้งว่าจะจัดการกับคนที่ไทเฮาส่งมาอย่างไร แต่ก็พูดแทรกขึ้นถามไม่ได้ ได้แต่ตามอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ ไป
แต่ทั้งสองคนด้านหน้าก็จริงจังกันอยู่ ไม่นาน ก็เห็นซ่านจินจื๋อเอามือจับผมของกู้อ้าวเวยเล่น
“จะว่าไปแล้ว ในเมื่อเจ้าเห็นว่าสถานการณ์มันไม่ปกติ แล้วทำไมไม่บอกข้าก่อน?”
เอามือกำผมแล้วทำตาโต กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างไม่มั่นใจ “แล้วเจ้าบอกข้าเรื่ององค์ชายสามเสียที่ไหนกัน ข้าก็หาตัวกุ้ยมามาไม่พบมาตลอด ก่อนหน้านี้ถามเจ้า เจ้าก็ไม่บอก!”
“ขอโทษด้วย” ซ่านจินจื๋อเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม
คำติเตียนของกู้อ้าวเวยถูกกลั้นไว้ในลำคอ สักพักก็ได้ยินซ่านจินจื๋อเอ่ยปาก “เรื่องที่เจ้าไม่บอก ก็ขอโทษข้าด้วยสิ!”
มีที่ไหนจะมาบังคับให้คนอื่นขอโทษแบบนี้!
ก็รู้อยู่ว่าตนเองนั้นผิด แต่กู้อ้าวเวยจะมาเสียหน้าต่อหน้าซ่านจินจื๋อไม่ได้
แล้วก็กัดแน่นไม่ยอมพูด ซ่านจินจื๋อก็ถือโอกาสพูดขึ้น “ข้าขอโทษ!”
“พวกเราหายกันแล้ว…….นะ!”
ถูกดึงผมอย่างกะทันหัน ครั้งนี้กู้อ้าวมอสส์ก็ต้องเอามือจับผมแล้วถอยหลังไปหลายก้าว “ปัญญาอ่อน!”
“ปัญญาอ่อนหรือ?” ซ่านจินจื๋อยักคิ้วพูด แล้วเดินขึ้นหน้าไป
กุ่ยเม่ยเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็เลยรีบเข้าไป “ทะเลาะกันอีกแล้วหรือ?”
“เจ้าพานางมาหรือ? ถามข้าหรือยัง?” สายตาของซ่านจินจื๋อรีบมองไปยังตัวของกุ่ยเม่ย แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ขอเพียงเจ้ามาถามข้า ข้าก็จะบอกเรื่องของไทเฮาแก่พวกเจ้า แต่เจ้ากล้าพานางมาจัดการเรื่องนี้เอง แล้วให้โม่ซานจัดการเรื่องในจวนข้า? เจ้าลืมผลของการเอาแต่ใจของนางเมื่อก่อนไปแล้วหรือ?”
กุ่ยเม่ยถูกถามคำถามจนนิ่งไป พูดออกมาไม่ออก
โม่ซานก็ดึงเขากลับออกมา กู้อ้าวเวยยิ่งโกรธ “ข้าได้ยินเรื่องนี้ ก็เลยรีบร้อนจะมายืนยัน ก็เลยไม่ทันได้………”
“ว่าอย่างไรนะ?” ซ่านจินจื๋อกำหมัดทุบไปยังกำแพงด้านหลังกู้อ้าวเวย เสียงดังก้องข้างหูนาง “ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับเจ้าว่าอย่างไร”
กู้อ้าวเวยตกใจ แล้วก็ถูกมือของซ่านจินจื๋อโอบมาที่เอว แล้วก็อดไม่ได้
“ข้า…ข้าผิดไปแล้ว” ไม่ได้เห็นซ่านจินจื๋อเป็นแบบนี้นานแล้ว
นางรู้สึกว่าน้ำตาของตนเองใกล้จะไหลออกมาแล้ว
“อย่าดื้อ” เสียงของซ่านจิมอสส์นุ่มนวลลง กิริยาที่นุ่มนวลโอบนางกลับออกมา บดบังสายตาที่ตกใจของโม่ซานและกุ่ยเม่ย