บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1085
บทที่ 1085 ไม่หยุดคิดถึง
ตงฟางซวนเอ๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ส่วนชุดสีชมพูให้กับนางตามที่ซ่านจินจื๋อสั่ง
ใจจริงตงฟางซวนเอ๋อไม่อยากทำตามที่เขาสั่ง แต่ในใจกลับค่อนข้างหวาดกลัว
ตอนนั้นอ๋องจิ้งเคยทำร้ายผู้คนมากมายเพื่อซูพ่านเอ๋อ ตอนนี้เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า อ๋องจิ้งต้องการแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้เพื่อหญิงงาม หากทำให้อ๋องจิ้งโกรธ รอวันหนึ่งเมื่อเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว แล้วตระกูลตงฟางจะเป็นยังไง?
คิดไปคิดมา จึงทำได้เพียงยอมทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง
ต่อให้ต่อไปองค์ชายสามได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ นางก็จะไม่สามารถตอบโต้ เพราะความลับของตนอยู่ในมืออ๋องจิ้ง จะทำอย่างไรได้ ต่อให้เหลือเพียงชีวิตนางเพียงคนเดียว สายเลือดของตระกูลตงฟาง ก็จะไม่ไร้ซึ่งผู้สืบสกุล
เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงคิดหาวิธียืดหลังตรงแล้วเดินมาข้างกายซ่านจินจื๋อ
“ท่านอ๋องต้องการจะทำอะไรอีกกันแน่?” นางถามขึ้นด้วยเสียงต่ำ ยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้คนที่อารมณ์แปรปรวนเช่นนี้
“ยังไงเจ้าก็ยังเป็นสนมของข้า ก็ควรที่จะไปเข้าเฝ้าเสด็จพี่พร้อมกับข้า”
ซ่านจินจื๋อมองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จ้องมองตรงไปที่ถนนยาวเบื้องหน้า เดินไปอย่างเชื่องช้า
เหมือนกับว่าทางที่เขากำลังก้าวเดินไปไม่ใช่งานเลี้ยงใหญ่โตของพระราชวัง แต่เป็นการว่าเสด็จพี่ของตนเหมือนดั่งเช่นปกติ
เวลานี้ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง ประตูวังก็ลงกลอนแล้ว พวกเขาสองคนคงต้องพักอยู่ในวัง
ตงฟางซวนเอ๋อแอบมองดูรอบๆอย่างเงียบๆ คิดถึงเมื่อกี้ที่ฮองเฮา สั่งคนฆ่านางกำนัลที่เข้าวังมากับตนตอนอภิเษก ความหมายก็ยิ่งชัดเจน ว่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลตงฟางอีก
รอบๆไม่มีขันทีนำทาง ตงฟางซวนเอ๋อพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวว่า “ฮองเฮาเนี๊ยงเนี๊ยงกล้าทอดทิ้งแม้กระทั่งตระกูลตนเอง ทำไมเมื่อกี้ท่านอ๋องยังยอมพูดความคิดทุกอย่างออกมา?”
“เราไม่ยอมทอดทิ้งวงศ์ตระกูล แล้วรู้ได้อย่างไรว่าวงศ์ตระกูลของเจ้าทำแต่สิ่งชั่วร้ายมากมาย สิ่งที่ทำก็ไปการล้มล้างโลก”
ซ่านจินจื๋อคิดถึงกู้อ้าวเวยไปด้วย จึงทำให้สามารถคุยกับนางได้ด้วยสีหน้าอ่อนโยน
ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย ตงฟางซวนเอ๋อกลับอดกั้นไม่ไหวตะโกนพูดขึ้นว่า “หากฮ่องเต้ไม่ฆ่าตระกูลตงฟางเพื่อเป็นตัวอย่าง อาศัยยืมมือของพวกเราทำเรื่องเลวร้าย แล้วจะอย่างไร…”
“ตระกูลตงฟางรับงานยาอายุวัฒนะ เจ้าคิดว่าพวกเจ้าทำเพื่อจงรักภักดีต่อฮ่องเต้เท่านั้นจริงๆหรือ”ซ่านจินจื๋อสนใจในคำพูดของนางขึ้นมา มองดูท่าทีโง่เง่าของตงฟางซวนเอ๋อ พร้อมพูดขึ้นอย่างน่าขำว่า “คนที่อยู่ในตำแหน่งสงสักบนโลกนี้มีกี่คนที่สามารถหลุดพ้นจากการยั่วยวนของยาอายุวัฒนะ เมื่อมียาอายุวัฒนะ อำนาจและความมั่งคั่งหลายทศวรรษมีอยู่ในมือ เสพสุขในความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่ง”
“ท่านปู่กับท่านพ่อไม่มีทางเป็นเช่นนี้”
ตงฟางซวนเอ๋อโกรธจนหน้าแดง แล้วก็ไอไม่หยุด
เฉิงซานที่อยู่ด้านข้างเพียงแค่ประคองนางไว้ ฝีเท้ากลับไม่ได้ช้าลงเลย
ซ่านจินจื๋อไม่อยากเถียงเรื่องนี้กับนาง แต่เฉิงซานกลับเตรียมการไว้ทั้งหมดแต่แรกแล้ว กระซิบพูดกับตงฟางซวนเอ๋อว่า “ชายหนุ่มที่อยู่ในคุกวันนั้นต่างหากที่เป็นแพะรับบาป ภายในห้อองเก็บของห้องมืดของตระกูลตงฟางต่างหากที่ซ่อนปริศนาไว้ เชื่อว่าหากคุณหนูตงฟางหวนกลับไปคิดดีๆ ก็คงจะรู้อะไรบ้าง”
“พวกเจ้าส่งคนเข้าไปแอบแฝงอยู่ในจวนตงฟางหรือ?”ตงฟางซวนเอ๋อเบิกตาโต
“ไม่ได้แอยแฝง แต่ในวันเกิดเหตุ ชายหนุ่มคนนั้นถูกไทฮาวใช้ให้ไปเป็นแพะรับบาป ตอนนั้นท่านอ๋องได้สั่งคนไปแอบสืบดู แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง”
สีหน้าเฉิงซานในตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
วันนั้นกู้อ้าวเวยบอกคนที่อยู่เบื้องหลังในการวางยาพิษออกมา จากนั้นจึงได้คอยจับตาดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นอ๋องจิ้งจึงได้ส่งคนไปเงียบๆ อาศัยความวุ่นวายในการสืบหา แล้วก็พบใบสั่งยาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับยาอายุวัฒนะได้อย่างง่ายดาย
ตงฟางซวนเอ๋อเองก็รู้เรื่องนี้ จึงก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร
มองไม่เห็นแววตาแสดงท่าทีรังเกียจของซ่านจินจื๋อ
หากจะพูดว่ากู้อ้าวเวย ทำอะไรอย่างไม่เกรงกลัว สิ่งที่ทำทุกอย่างก็ไม่เคยรู้สึกละอายใจ
เรื่องนี้หากเป็นกู้อ้าวเวยเป็นคนเปิดเผย เกรงว่าสิ่งที่อยู่ในใจคือจะหักล้างเรื่องนี้ได้อย่างไร แม้หลักฐานจะแน่นหนาเท่าภูเขา บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับ หรือปิดปากเพื่อให้อีกฝ่ายสับสน เพื่อไม่ให้ใครเชื่อเธอ
“ครั้งหน้าหากพูดเท็จอีก ก็พูดให้ถึงที่สุด”ซ่านจินจื๋อพูดพึมพำ สบกับสายที่ตกใจของตงฟางซวนเอ๋อ และพูดต่อว่า “ไม่ใช้คนที่เป็นผู้ต้องสงสัยมีเพียงเหตุผลเดียว ขอให้ไม่เชื่อ ต่อให้หลอกลวง ก็ต้องมีการเริ่มต้นและสิ้นสุด เจ้าเริ่มโกหกคนอื่น ก็อย่าคิดว่าสักวันหนึ่งจะยอมรับได้”
นี่คือกำลังสอนข้าหรือ?
ตงฟางซวนเอ๋ออึ้งไปชั่วขณะ เหมือนใบหน้าที่เยือกเย็นใบนั้นจะแลดูอ่อนโยน
แต่หลังจากเมื่อนางมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแล้ว ในใจลึกๆของตงฟางซวนเอ๋อที่มีให้กับเขาที่ถูกเก็บซ่อนไว้นั้น ในที่สุดก็ระเบิดเป็นน้ำโครมครามนับไม่ถ้วน
“เจ้าเห็นข้าเป็นกู้อ้าวเวย”นางพูดอย่างเด็ดขาด ปลายจมูกเริ่มมีรสเปรี้ยว
นางมีอะไรดีกันแน่?
ได้ยินชื่อของนาง รอยยิ้มของซ่านจินจื๋อยิ่งลึกซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ก็แค่กำลังคิดว่า หากวันหนึ่งข้าได้มีโอกาสสอนนางเช่นนี้ นางคงโกรธแล้วก็เถียงข้า และยังจะมีเหตุผลมีหลักฐาน ต่อให้ไม่ใช่ความจริงก็จะต้องพูดจนเอาชนะข้าให้ได้”
คิดถึงตรงนี้แล้ว ในหัวสมองของเขาก็เต็มไปด้วยท่าทีทุกอิริยาบถของกู้อ้าวเวย
ถูกจับได้ภายใต้ท่าทีเสแสร้งที่ทำเป็นสงบเสงี่ยม ท่าทีที่มองเห็นสิ่งของแปลกใหม่ด้วยความสนุกสนานเรียบง่าย และยังมีดวงตาที่เป็นประกายเมื่อมองเห็นยาสมุนไพรที่ชื่นชอบ เอนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วก็ผลักเขาออกด้วยรอยยิ้มที่น่ารักและมีเสน่ห์
“นี่มันเวลาไหนกันแล้ว เจ้ายังมีแก่ใจคิดถึงความรักที่ลึกซึ้งระหว่างชายหญิง?”ตงฟางซวนเอ๋อไออยู่หลายที ดิ้นรนหลุดออกมาจากมือเฉิงซาน หน้าตายังแฝงไปด้วยท่าทีล้อเล่น
“นางไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความรักที่ลึกซึ้งระหว่างชายหญิง”ซ่านจินจื๋อมองดูทหารยามที่ล้อมเฝ้าอยู่ไม่ไกล น้ำเสียงก็พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “บางทีข้าควรที่จะทำเหมือนอย่างที่นางพูด ควรจะทำเรื่องที่ตนเองเชื่อมั่น”
ตงฟางซวนเอ๋อฟังอยู่อย่างสับสน แล้วก็เดินตามเข้าไปในตำหนักพร้อมกับเขา
ตงฟางซวนเอ๋อเคยมาในวังนี้อยู่หลายครั้ง กลับไม่เคยสังเกตว่าภายนอกตำหนักที่ดูรกร้างนี้ ภายในกับดูเจิดจรัสรุ่งโรจน์ เหมือนกับเอาสิ่งของที่ดีทั้งหมดทุกอย่างในวังไว้ในที่นี้ ด้านข้างยังกองเต็มไปด้วยผ้าไหมและเครื่องประดับที่ล้ำค่าหายาก
และระหว่างม่านเป็นชั้นๆ มีเสียงโซ่ตรวนดังขึ้น ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงด้านหลังนั้นดูเหมือนจะกำลังลุกขึ้นมา เปิดม่านบางแล้วมองดูพวกเขาสองคน ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงอ่อนหวาน ของหญิงสาวร่างเพรียวในชุดเดรสยาวสีเขียว เหยียบเท้าเปล่าบนพรมแล้วรีบวิ่งออกไป
หน้าตาคนที่อยู่ตรงหน้านี้ ดูคล้ายกู้อ้าวเวย
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็เห็นคนคนนั้นหมุนรอบตัวเองอยู่กับที่ ระหว่างแขนเสื้อยาว กลับค่อยๆตกลงไปที่พื้น มือข้างเดียวยันร่างกายส่วนบนไว้อย่างเกียจคร้าน เงยดวงตาคู่สวยมองดูซ่านจินจื๋อ
“หญิงสาวชอบพอใจเจ้า?” นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น รอยยิ้มบนใบหน้ากลับไม่แลดูเรียบเฉย
และในที่สุดหญิงสาวบนเตียงผ้าโปร่งนุ่มก็วางม้วนหนังสือลง มองดูเขาพร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “นางคือยู่จุน ข้าคือหยูนซี เมื่อกี้ข้าคิดว่าเขามา”
ยู่จุนหัวเราะ แล้วก็เงยหน้ามองดูตงฟางซวนเอ๋อ แล้วดวงตาก็เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“เจ้าเป็นคนที่ต้วนโฉงส่งมาปรุงยาให้ข้าหรือ?”