บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1086
บทที่ 1086 บางอย่างที่น่าสงสัย ไม่ควรหลงเชื่อง่ายๆ
หนาวสั่นสะท้านไปทั้งแผ่นหลัง ตงฟางซวนเอ๋อก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว สัญชาตญาณที่ผ่านสนามรบมานาน ทำให้ได้กลิ่นของความสิ้นหวังจากผู้หญิงร่างผอมตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้นกลับเป็นกลิ่นที่แฝงไปด้วยกลิ่นของคนตาย
หากไม่ใช่เพราะคนที่อยู่ตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่ ซ่านจินจื๋อคงคิดว่านางเป็นคนตาย แม้แต่ลมหายใจอย่างแผ่วเบาจนยากที่จะสัมผัสได้
หยูนซีที่อยู่บนเตียงด้านหลัง ได้ตำราบดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “คนคนนี้คิดว่าคงเป็นตงฟางซวนเอ๋อสินะ คิดไม่ถึงว่าทั้งๆที่เจ้าได้สู่ขอหญิงสาวตระกูลหยุนแล้ว ยังกล้าที่จะมีสนม”
คำพูดนี้แฝงไปด้วยความตำหนิ เหมือนกับคนที่สนิทสนมกับกู้อ้าวเวยในตอนนั้นคือหยูนซี แต่ไม่ใช่ยู่จุน
รู้เรื่องความจริงแต่แรกแล้ว ซ่านจินจื๋อไออยู่หลายที แล้วพูดขึ้นว่า “เสด็จพี่ของข้าล่ะ?”
“เขายังมีงานมากมายต้องไปทำ”ยู่จุนคลานลุกขึ้นมาจากพื้น ถอยไปอยู่ด้านหลังม่านผืนนั้น
ซ่านจินจื๋อเดินตามนางเข้าไป ทั้งๆที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาถึง แต่ภายตำหนักที่กว้างใหญ่นี้กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เหมือนดังฤดูใบไม้ผลิ ทุกสิ่งที่สามารถมองเห็นล้วนเป็นหมอนกับผ้าห่มนุ่มๆถูกวางซ้อนกันในที่เดียว ไม่มีการตกแต่งเพิ่มด้วยสิ่งของอย่างอื่นใดใดอีก ส่วนยู่จุนก็ได้เข้าไปอยู่ในผ้าห่มนุ่ม ล้มนอนอยู่ภายในความนุ่มนิ่ม
ดวงตาของนางหรี่ลง ความเจ้าเล่ห์ก็เผยแฝงออกมาให้เห็น
“สาวน้อยมีความสามารถจริง ที่สามารถแสวงหายาอายุวัฒนะนี้มาได้ด้วยตัวเอง” นางชี้ไปที่เตียงนอนนุ่มสองอันด้านข้าง บ่งบอกให้พวกเขานั่งลง
ตงฟางซวนเอ๋อกับซ่านจินจื๋อต่างก็นั่งลง
นางค่อยยิ้มพร้อมพูดขึ้นมาว่า “เจ้าเคยเป็นเหมือนกับต้วนโฉงปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ ทำทุกอย่างตามที่ใจค่ะต้องการไหม”
“ไม่เคย”ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าเคยทำร้ายนางเข้าใจนางผิด กลับช่วยอะไรนางไม่ได้ไหม?”ยู่จุนถามอีก
“ใช่”
“แล้วเจ้าหลงรักนางอย่างลึกซึ้งได้อย่างไร?”ยู่จุนหัวเราะเยาะ สายตาดวงนั้นมองผ่านไหล่ซ่านจินจื๋อ มองดูหยูนซีที่กำลังลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้ามาอยู่ด้านหลัง แววตาฉายแววมืดครึ้ม พร้อมพูดว่า “ราชวงศ์ต้วนซื่อ ล้วนไม่คู่ควรกับผู้หญิงตระกูลข้า กลับน่าขำที่พวกเจ้าได้เป็นคนครองแผ่นดิน”
นิ้วมือหยูนซีที่ถือกำตำราไว้จนขาวซีด พูดขึ้นว่า “เจ้าคนบ้า”
ยู่จุนกลับยิ่งหัวเราะอย่างมีความสุข ดึงโซ่เหล็กเป็นเส้นๆออกมาจากผ้าห่มนุ่มที่ทับซ้อนไว้ ดึงกระชากจนหยูนซีล้มตัวลงนอนบนหมอนนุ่มข้างๆนาง จับคางนางไว้แล้ว พูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าไม่เกลียดหรือ? นางสนมที่มีอยู่เต็มวังนี้ ล้วนต่างก็กำลังแย่งผู้ชายของเจ้ากับข้า มีสัมพันธ์ร่วมกับผู้หญิงพวกนั้น เจ้าไม่เกลียดหรือ?”
“ข้าอยากที่จะตายไปพร้อมกับเขา ขอเพียงไม่ต้องพบเจอเจ้าอีก”
หยูนซีก็หัวเราะเยาะ สะบัดแขนยู่จุนออกอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็หันหลังให้กับนาง
ซ่านจินจื๋อเพียงแค่อยากรอดูเรื่องที่น่าอึดอัดใจนี้อยู่อย่างเงียบๆ คนในวังก็ไม่มีกฎระเบียบของในวังเหมือนแต่แรกแล้ว เสด็จพี่ให้อภิสิทธิ์พิเศษกับผู้หญิงสองคนนี้ ผู้หญิงสองคนนี้ดูยังไงก็เป็นเหมือนคนบ้า
ยู่จุนส่งเสียงเมินอย่างเย็นชา พูดขึ้นอย่างไม่ถือสานางว่า “ฮ่องเต้ตรัสสั่งให้เจ้าเข้าวังมาหลายครั้งแล้ว เจ้าเพิ่งมาในวันนี้ พบอะไรแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ว่าข้าจะพบเจออะไร วันนี้ที่มา แค่อยากจะทำความตกลงกับเจ้า หากเจ้ากับเสด็จพี่ยอมตกลง จะยอมทำทุกอย่างให้เจ้า”
“อ๋อ? ลองพูดมาดูสิ”
สีหน้ายู่จุนแฝงไปด้วยความหยอกล้อ ในใจกลับรู้สึกน่าขำ
ตอนนี้ถึงแม้ในมือซ่านจินจื๋อจะกุมอำนาจสั่งการทหารไว้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถประจันหน้ากับองค์ชายสาม ไปในราชสำนักก็มีคนที่หยูนซีเลี้ยงแอบแฝงไว้อยู่ไม่น้อย แม้ตำแหน่งจะไม่สูงส่ง แต่เมื่อรวมกันแล้ว แต่ก็นับว่าเป็นหัวหลัก อำนาจสั่งการทหารส่วนใหญ่ของซ่านจินจื๋อ ล้วนอยู่ในมือของเขา ความว่าผู้แข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถปราบปรามกองกำลังในพื้นที่ได้ มีเพียงเขาต้องล้อมเมืองถึงจะสามารถตีประตูเมืองเทียนเหยียนได้
และนางเองก็ยังมีแผนสำรอง
หากสันติภาพความยากไร้เกิดขึ้น นางก็จะสามารถตายแล้วฟื้นขึ้นมามีชีวิตใหม่
นางวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว ไม่มีความเกรงกลัว เงยหน้าขึ้นมาอย่างมั่นใจ
ซ่านจินจื๋อยึดหลังตรง ใครในดวงตาลึกก็สงบลง น้ำเสียงต่ำ
“ข้ายอมให้กู้อ้าวเวยมาเป็นฮองเฮาของข้าในอนาคต มีบุตรสืบสกุล การเปลี่ยนแปลงราชวงศ์”
“เจ้าอยากเป็นฮ่องเต้?”หยูนซีตกตะลึงก่อน แล้วหันหน้ามา
ยู่จุนก็อึ้งอยู่กับที่ ปลายนิ้วปัดไปที่หลังมือของตนเองเบาๆ มองเขาอย่างพิจารณาพร้อมพูดว่า “เจ้าคิดที่จะหลอกลวงข้าหรือ?”
“สิ่งแรกหลังจากที่ซ่านเซิ่งหานได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ถึงแม้จะยินยอมสู่ขอหญิงสาวตระกูลยู่หรือตระกูลหยุนเพื่อสืบสกุล แต่หัวใจของเขากลับมีให้กับอ้าวเวย ตอนนั้นข้าไม่เพียงสูญเสียความจงรักภักดีจากประชาชน ยังสูญเสียอำนาจ ข้าจะยอมเห็นนางไปอยู่ในอ้อมกอดของซ่านเซิ่งหานได้ยังไง”
น้ำเสียงซ่านจินจื๋อค่อยๆดังขึ้น แม้แต่ดวงตาที่เงียบสงบก็เปล่งประกายไปด้วยแสงที่น่ากลัว ไหล่สั่นไหวเล็กน้อยเพราะใช้แรงมากไป เส้นเอ็นสีเขียวผุดขึ้นที่หน้าผาก
ท่าทีของยู่จุนเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
ซ่านจินจื๋อหลอกลวงนางเพื่อได้ความเชื่อใจจากนาง แล้วกลับตาลปัตรหรือตั้งใจเช่นนี้จริง?
คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก นางจึงทำได้เพียงไอเบาๆแล้วก็กวาดตามองดูพวกเขา มองดูซ่านจินจื๋ออย่างจริงจัง พร้อมพูดว่า “หากเจ้าอยากจะแทนที่ซ่านเซิ่งหาน ก็ต้องแสดงความจริงใจมากพอที่จะทำความร่วมมือ”
“ขอเพียงเจ้าพูดมา”ซ่านจินจื๋อหายใจเข้าลึกๆ อย่างสงบจิตใจ
“ข้าต้องการกู้อ้าวเวย และสูตรยาอายุวัฒนะ”
ยู่จุนพูดจบ หยูนซีที่อยู่ด้านข้างได้ใช้โซ่ตรวนเป็นอาวุธ ฟาดด้านหลังนางอย่างรุนแรง เสียงดังจนคนได้ยินหัวชา ตงฟางซวนเอ๋อตกใจกับเสียงนี้อย่างมาก ยู่จุนล้มนั่งอยู่อีกด้าน มองดูหยูนซีพร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าจะโกรธทำไม”
“ทั้งๆที่เจ้าก็อยากรู้ว่ายาอายุวัฒนะมีจริงหรือ….”
“ไม่รู้จักมองการณ์ไกลเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า”ยู่จุนดักคำพูดของนางอย่างเย็นชา เรียกนางกำนัลกับองค์รักหลายคนมาพาตัวหยูนซีไปพักผ่อนด้านหลัง กลับไม่ได้คิดที่จะลงโทษนาง เพียงแค่มือข้างหนึ่งลูบไปตรงที่ถูกตีเมื่อกี้ สีหน้าขาวซีดลง เหงื่อแตกไหลลง อดกลั้นค้ำยันอยู่บนพื้นมองดูซ่านจินจื๋อ แล้วถามว่า “ให้ข้าไหม?”
“สูตรยาอายุวัฒนะที่นางบอกข้า เป็นของปลอม”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเจ็บปวด มองดูยู่จุนแปบหนึ่ง ค่อยพูดขึ้นว่า “นางไม่เคยเชื่อใจข้า ข้าไม่ต้องการร้องขอให้นางเชื่อถือจริงใจต่อข้า ขอเพียงนางสามารถอยู่เคียงข้างข้าไปตลอดชีวิต….”
ผู้ชายที่เคยผ่านสนามรบมา ตอนนี้กลับก้มหน้าก้มตาลงอย่างอ่อนแอ หมัดที่กำวางอยู่บนเข่าก็สั่นเทาขึ้นมา
“งั้นข้าต้องขอคิดดูก่อน แต่เจ้าจะให้ผู้หญิงคนไหนขึ้นเตียงของเจ้า มีบุตรกับเจ้าไม่ได้อีกเป็นอันขาด”
สีหน้าของยู่จุนซีดลงทันที สาวใช้ข้างๆพยุงนางค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยเหงื่อไหลท่วมตัว ดูเหมือนกำลังก่นด่าอยู่หลายประโยค จากนั้นค่อยเดินไปในห้องด้านหลังอย่างเชื่องช้า
“ขอเชิญเสด็จอ๋องจิ้งออกไปได้”มีขันทีเดินเข้ามาพูดขึ้น
สีหน้าซ่านจินจื๋อเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พาตงฟางซวนเอ๋อไปพักในอีกตำหนัก
ส่วนภายในห้อง ยู่จุนเหงื่อไหลท่วมตัว ปล่อยให้พวกนางกำนัลทายาให้กับนาง พร้อมหันไปถามขันทีด้านข้างว่า “ตอนที่เสด็จอ๋องจิ้งเข้าวังมา ได้พูดอะไรไหม?”
“เสด็จอ๋องจิ้งไม่ได้พูดมากความอันใด แต่เมื่อกี้ตอนที่อยู่ระหว่างทาง ได้พูดคุยกับคุณหนูตงฟาง เกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อกู้อ้าวเวย ดูเหมือน… พูดว่ากำลังคิดถึงกู้อ้าวเวย คิดว่านางทำอย่างไร?”
ยู่จุนยกมือให้นางไม่ต้องพูดต่อ
บางอย่างที่น่าสงสัย ไม่ควรหลงเชื่อง่ายๆ