บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1088
บทที่ 1088 ลางสังหรณ์ไม่ดี
ตกใจตื่นขึ้นมาจากความฝัน เสื้อคลุมตัวบางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนเตียงคนเดียว มองดูรอบๆห้องยามืดมิด กลับยังคงไม่สามารถหยุดยั้งมือข้างหนึ่งที่สั่นเทา จับข้อมือขวาไว้ นางขมวดคิ้วรู้สึกว่าอยู่ภายใต้เสื้อผ้าของนาง หัวใจดวงนั้นเต้นอยู่อย่างรุนแรง รุนแรงจนค่อนข้างไม่ปกติ
ไม่ใช่การฝันร้าย ผ้านวมทั้งหมดไม่มีเปลี่ยนแปลง แม้แต่หมอนก็ยังวางอยู่ในตำแหน่งเดิม
แต่มีความเยือกเย็นสะท้านขึ้นมาจากเท้า แตกกระจายอยู่ภายในหัวสมองเหมือนดั่งหิมะขาวโพลน สาดซัดจนนางต้องตื่นขึ้นมา สวมรองเท้าแล้วก็ลงมาจากเตียง เทน้ำมาหนึ่งแก้วแล้วก็ดื่มกลืนลงไปในท้อง รู้สึกเหนียวเหงื่อบนร่างกาย เวลานี้ภายใต้หน้าผายังไม่สว่าง แต่รอบๆกลับเต็มไปด้วยหมอก
คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะเช้าแล้ว
“ช่างเถอะ ไปต้มน้ำเสียหน่อยดีกว่า”
นางถูกถ้วยที่เย็นเฉียบในมือทำให้มือเย็นจนแดง ตอนนี้ก็ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว นางไม่เพียงกลัวหนาว ขาทั้งคู่ยังแข็งจนยากที่จะเดินเหิน ไม่มีแม้แต่น้ำร้อนอาบน้ำแช่เท้า นางก็คงทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงอย่างไรประโยชน์
แม่ครัวที่ตื่นมาแต่เช้าเห็นนางกำลังเดินหมุนไปมารอบๆเตา จึงรีบเข้าไปช่วยนางต้มน้ำร้อน
กู้อ้าวเวยจึงกลับเข้าไปอยู่ในห้องอย่างวางใจ เมื่อฟ้าสว่าง หยินซี่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็วิ่งออกมา วิ่งเข้ามาในอ้อมกอดของนางเหมือนดั่งลูกกระสุนปืนขนาดเล็ก กอดเอวของนางไว้อย่างไม่ยอมคลายมือ ซุกอยู่ในอ้อมอกของนางพร้อมพูดว่า “คืนนี้แม่บุญธรรมไม่ได้นอนในห้องเดียวกับหยินซี่งอีกแล้ว”
“แต่เมื่อคืนนอนหลับอยู่อย่างสนิท ไม่รู้ว่าเป็นใครกัน”
กู้อ้าวเวยบีบจมูกของนางด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หยิบครีมออกมาจากในตู้แล้วทาบนใบหน้าของนาง กลิ่นกานพูลอ่อนๆฟุ้งกระจายเต็มห้อง
ถูกหยินซี่งดึงพาไปหากู้ซวงกับเซียวเซียว แล้วยังเอาครีมนี้ไปใช้ด้วยแล้วบ้างเล็กน้อย
ตอนที่ทานข้าวเซียวเซียวเกาหน้า พร้อมพูดขึ้นว่า “รู้สึกเหนียวเหนียว…”
“ห้ามลอกออกมา”หยินซี่งห้ามเขาไว้ ยัดขนมเข้าปากของเขาไปอย่างเนียนๆ
เซียวเซียวสำลักจนต้องค้อนทุบตรงหน้าอก หยินซี่งกระแทกแก้วน้ำวางใส่ตรงหน้าเขา ยังบอกอีกว่าเมื่อคืนเขานอนไม่ดิ้น และยังแย้งผ้าห่มของนางไปด้วย เซียวเซียวตอบกลับ ถ้าเด็กทั้งสองคนก็ทะเลาะกันเสียงดัง
กู้อ้าวเวยหวนคิดถึงตอนที่เจอกันครั้งแรก ทั้งสองคนนี้เป็นเหมือนดั่งผู้ใหญ่ตัวน้อย ทำอะไรก็ระมัดระวัง
ตอนนี้เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ก็กลับกลายเป็นเด็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
ชิงจือว่าง่ายเชื่อฟัง ค่อนข้างเหมือนหยินซี่ง ไม่รู้ว่าต่อไปอี้จื๋อจะซนเหมือนเซียวเซียวไหม ยังไงก็ว่าง่ายเชื่อฟังเหมือนหยินซี่งดีกว่า
กู้ซวงตักโจ๊กยื่นให้กับกู้อ้าวเวย พร้อมพูดว่า “ยาสมุนไพรไม่ค่อยพอ”
“ตอนนี้พวกเราก็ขึ้นไปไม่ได้ รออีกหน่อยเถอะ”กู้อ้าวเวยพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“เจ้าไม่คิดว่า เราเหมือนถูกกักขังไว้อยู่ที่นี่มากกว่าหรือ?”กู้ซวงกลับขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “ต่อให้เอาเจ้าอยู่ไว้ที่นี่แล้วจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ที่นี่ก็ไม่มีเส้นทางเพื่อให้ได้หนีเอาตัวรอด ทางเข้าออกมีเพียงเส้นทางเดียว และเขาก็ไม่ได้ให้กุญแจเปิดประตูลับนั่นให้กับเจ้า เจ้าไม่รู้สึกว่าน่าแปลกหรือ?”
เพิ่งพูดเสร็จ กู้อ้าวเวยหันไปมองดูเด็กทั้งสองคน แล้วก็เงียบ
เซียวเซียวกับหยินซี่ง ยังไงก็ไม่ใช่เด็กที่เติบโตมาจากการมีชีวิตที่ราบรื่น เซียวเซียวอายุค่อนข้างเยอะกว่า ได้กลิ่นความอันตรายในนี้ในทันที แต่เขาก็ยังคงพูดขึ้นว่า “บางทีพ่อบุญธรรมอาจจะคิดว่า ที่นี่ปลอดภัยที่สุด”
“พ่อบุญธรรมไม่มีทางคิดร้ายต่อแม่บุญธรรม”หยินซี่งเข้าไปโอบกอดกู้อ้าวเวยด้วยใบหน้าหงิกงอ แล้วก็ทำหน้าผีใส่กู้ซวง
กู้ซวงมองดูเด็กน้อยที่เปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วนี้อย่างไม่รู้จะพูดยังไง
ปลายนิ้วมือของกู้อ้าวเวยลูบเส้นผมของหยินซี่ง รวบผมที่ไม่เป็นระเบียบให้กับนาง ด้วยสายตาที่อ่อนโยน น้ำเสียงกลับพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ก่อนที่จะมาที่นี่เจ้าก็ไม่เคยสงสัย แต่ตอนนี้กลับเริ่มสงสัย เพราะสิ่งที่ซ่านจินจื๋อรับปาก กลายเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ห่างไกลมากหรือ?”
“ใช่”กู้ซวงพยักหัวอย่างจริงจัง พร้อมพูดว่า “ถึงแม้ในสายตาของเจ้า เขาก็คือเขา เป็นสามีของเจ้า เป็นพ่อของลูกเจ้า เป็นคนรักของเจ้า แต่สำหรับข้า เขายังคงเป็นอ๋องจิ้งที่หลงใหลในความงามคนนั้น เขาเคยไม่สนใจขนบธรรมเนียมเพื่อศิษย์น้องคนนั้น ตอนนี้ก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองเจ้า เป็นข้ออ้างกักขังเจ้าไว้”
ในใจกู้อ้าวเวยอึดอัดแน่นขึ้นมาทันที
นางเชื่อว่าซ่านจินจื๋อจะไม่มีทางทำเพื่อนางโดยไม่สนใจขนบธรรมเนียม แต่นางก็ไม่รู้ว่าซ่านจินจื๋อจะทำเพื่อกักขังนางไว้ข้างกาย ไม่ให้พบเจอโลกภายนอก แล้วขังนางไว้ที่นี่หรือไม่
เมื่อนางคิดสงสัยในเรื่องนี้ ก็รู้ดีว่าความสงสัยที่มีในใจยากที่จะลบล้าง
“ต่อให้เขาขังข้าไว้ที่นี่ ก็เพราะหวังดีต่อข้า”กู้อ้าวเวยมองดูกู้ซวงด้วยแววตาเย็นชา และพูดขึ้นว่า “สักวันหนึ่งพวกเราจะได้ไปจากที่นี่ เวลานี้ไม่ต้องกังวลเรื่องของกินเครื่องนุ่งห่ม แล้วเจ้าจะกังวลอะไร?”
“เป็นห่วงว่าข้าเป็นเพียงแค่หมากที่ทุกขังไว้ที่นี่”กู้ซวงกำหมัดแน่นพูดขึ้นว่า “หากเขายังคิดว่าข้าเป็นตัวแทนของเจ้า…”
“เจ้าเป็นห่วงตัวเอง แล้วจะโยงมาหาข้าทำไม?”กู้อ้าวเวยหัวเราะขึ้นมา เห็นเซียวเซียวยังคงมีท่าทีโศกเศร้า จึงลูบไหล่เขาเบาๆเพื่อเป็นการปลอบโยน บ่งบอกเขาว่าพวกนางสองคนว่าไม่ได้ทะเลาะกัน และพูดขึ้นว่า “สายเลือดตระกูลหยุน ไม่เหมือนกับคนอื่น ตอนนี้ยู่จุนกับหยูนซีปรากฏตัวแล้ว ต่อให้เจ้าอยากเป็นตัวแทนข้าก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลอะไร”
กู้ซวงก้มหน้าลง ดูเหมือนค่อนข้างวางใจลงบ้าง แล้วพูดขอโทษขึ้นด้วยเสียงเบา
ท่าทีหยินซี่งค่อยดีขึ้นหน่อย หยิบขนมให้กับนางหนึ่งชิ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ความสงสัยที่เกิดขึ้นชั่วขณะคลี่คลายแล้ว แต่ภายในใจลึกๆของกู้อ้าวเวยกลับมีปมแล้ว
ซ่านจินจื๋อเป็นคนที่ชอบวางแผนเหมือนกับนาง
และก็ยังมีส่วนที่ไม่เหมือนกับนาง เป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
รุ่งอรุณนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่ทอดยาวใต้หน้าผานี้เหมือนแม่น้ำที่คดเคี้ยวบนพื้นดิน ส่วนใต้หน้าผาแห่งนี้ยังคงมีหมอกปกคลุมอยู่ทั่ว เหมือนเมฆบนท้องฟ้าบังตา เหมือนฤดูหนาวมีนกเพียงไม่กี่ตัวบินผ่าน แต่กู้อ้าวเวยกลับมองเห็นนกตัวเล็กๆ หลายตัวเกาะอยู่บนเถาวัลย์
เหมือนดั่งสวรรค์และโลก
ไม่รู้ว่าฤดูหนาวนี้จะเปลี่ยนไปอีกหรือเปล่า
……
รถม้าทั้งสองคันที่อยู่ด้านนอกพระราชวัง มีคันหนึ่งจอดอยู่หน้าจวนตงฟาง คุณหนูใหญ่หอบหนังสือหย่ากลับมา ข่าวลือโด่งดังร่ำลือไปทั่ว เรื่องเลวร้ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีมากมาย เกรงว่าในฤดูหนาวนี้คงจะไม่ได้อยู่เป็นสุข
ส่วนรถม้าอีกคันหนึ่ง หลังจากเดินทางมาได้ครึ่งทางก็หายสาบสูญไปแล้ว ค่อยๆหันรถม้ามุ่งหน้าเข้าสู่จวนฉู
หลี่ซินกับจางเหยียงซานได้จัดเรือนหลังใหญ่นี้ไว้อย่างเป็นระเบียบ หลี่ซินรู้แต่แรกแล้วว่าอ๋องจิ้งจะมา ได้เล่าเรื่องนี้ให้กับจางเหยียงซานฟังแต่แรกแล้ว ทั้งสองคนจึงนัดเจอกันในห้องหนังสือ
เมื่อซ่านจินจื๋อนั่งลงแล้ว หลี่ซินยื่นถ้วยชารสขมมาให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “หลายวันนี้ หมอหลวงจาง ตำราหนังสือโบราณอย่างไม่กินไม่นอน และอ่านสมุดบันทึกของคุณหนูใหญ่อย่างละเอียด เมื่อวานจึงค่อยได้ความมาบ้าง แต่ส่งคนไปถึงค่อนข้างช้า ท่านได้เข้าวางไปแล้ว ต่อมาจึงไปหาเสด็จอ๋องจงผิง กลับพบอ๋องจงผิงโกรธอยู่ จึงต้องมาบอกวันนี้”
“สืบได้ความอย่างไร?”ดวงตาของซ่านจินจื๋อสว่างไสวขึ้น
หลี่ซินกระซิบพูดขึ้นว่า
“ใต้เท้าจางพูดว่า ชนิดยาตัวหนึ่งในยาอายุวัฒนะ ขัดแย้งกับยาหลายตัวในสูตรยาถอนพิษของเขา และเช่ออี้จื่อถึงแม้จะเป็นยาถอนพิษอย่างดี แต่เมื่ออยู่กับจุ้ยเวี่ยน ประสิทธิผลไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร จะต้องเจอคุณหนูใหญ่สักครั้ง”