บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1090
บทที่ 1090 เป็นเรื่องยากที่จะรักษาตัวเอง
ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับสำนักเยียนหยู่เก๋อ หยาเหมินของเมืองเทียนเหยียนแทบจะส่งคนออกไปทั้งหมด
บวกกับคนที่มาซื้อเครื่องสำอางในสำนักเยียนหยู่เก๋อ ส่วนใหญ่เป็นสาวใช้คุณหนูตระกูลใหญ่ เรื่องนี้จึงลุกลามเหมือนไฟป่าในทันที ทำให้พวกหยาเหมินต้องรีบจัดการเรื่องนี้ หาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังให้เจอโดยเร็ว
ฉีหรัวสั่งคนไปเตรียมรถม้า แล้วก็ไปรับจางเหยียงซานทางด้านประตูหลัง ให้เขาเปลี่ยนใส่ชุดข้ารับใช้ผู้ชาย
ขึ้นมานั่งในรถม้าแล้วก็มุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้นอกฉันเมือง ฉีหรัวโกรธอย่างมาก กัดฟันพูดขึ้นว่า “ไหนบอกว่าแค่สวนดอกไม้ ทำไมหลายแห่งนี้ต่างก็เกิดเรื่อง? ตกลองเป็นฝีมือของพวกเจ้าหรือเปล่า”
“เสด็จอ๋องจิ้งพูดว่า แบบนี้คนอื่นจะได้ไม่สงสัย ยิ่งไปกว่านั้นก็จะไม่มีใครเดารู้ว่าข้าเพียงแค่ไปเยี่ยมนาง”
จางเหยียงซานยังคงให้ความเคารพและหวาดกลัวฉีหรัวอยู่บ้าง จึงก้มหัวอย่างยอมรับผิด
“ถ้าเป็นฝีมือของพวกเจ้า งั้นข้าก็วางใจ”
หากเป็นฝีมือคนอื่นทำ เพลงว่าการแต่งงานระหว่างนางซ่านเชียนหยวนไม่เป็นที่พอใจของคนอื่น เหมือนการแต่งงานที่ผ่านมาอย่างราบรื่นในครั้งนั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ตอนนี้จึงค่อยวางใจขึ้นมา
เมื่อมาถึงสวนดอกไม้นอกชานเมือง มีห้องเรือนไม้ห้องหนึ่งถูกธนูยิงจนกลายเป็นตะแกรง อาศัยตอนที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น จางเหยียงซานถือกุญแจ แล้วก็แอบหายลับเข้าไปในห้องมืดนั้น
ฉีหรัวกลับมองดูตรงหน้าที่เกลื่อนกลาดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ใต้เท้า ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องสืบให้กระจ่างให้กับข้า”นางมองดูใต้เท้าหยาเหมินอย่างเย็นชา และพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เดิมเรื่องที่องค์ชายรัชทายาทแคว้นเอ่อตัน ถูกลอบทำร้ายยังหาคนร้ายไม่เจอ ตอนนี้คนที่อยู่เบื้องหลัง ยังกล้าที่จะก่อเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ในแผ่นดินเขตปกครองของราชวงศ์ จะปล่อยให้ลอยนวลไปไม่ได้”
“ใชๆพะยะค่ะ”ใต้เท้าหยาเหมินเหงื่อไหลท่วมหัวทันที บอกมือสั่งคนรีบสืบค้นทันที
ฉีหรัวคิดถึงเวลานัดภพจางเหยียงซานก่อนพลบค่ำ ที่ตกลงกันตอนอยู่บนรถม้า จึงขึ้นรถมาแล้วก็ไปดูที่อื่นอีกหลายที่ สุดท้ายแล้วค่อยกลับมาจัดการศพที่นี่ จะได้ไม่เป็นที่สงสัย
จางเหยียงซานค่อยๆจับกำแพงหน้าผานี้แล้วเดินลงไป ภายในถ้ำลึกนี้มองไม่เห็นแสงสว่างแม้เพียงนิด
เป็นสถานที่แบบนี้ จนไปถึงใต้หน้าผา ไม่รู้ว่าพวกนางอยู่กันยังไง ตอนกลางคืนจะหลับสบายไหม
เดินอยู่ตั้งนาน เขาค่อยมองเห็นแสงสว่างรำไร จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินลงไป กลับถูกกิ่งไม้ชี้ตรงจมูก เซียวเซียวที่ฝึกวรยุทธจนทั่วร่างกายเปื้อนไปด้วยฝุ่น มือข้างหนึ่งถือกิ่งไม้ไว้ มืออีกข้างหนึ่งเท้าเอวแล้วพูดขึ้นว่า “หมอหลวงจางหรือ ข้าก็นึกว่าเป็นโจร”
เก็บกิ่งไม้นั่นลง เซียวเซียวพาจางเหยียงซานเข้าไปภายในห้อง
กู้อ้าวเวยยังพุบนอนอยู่บนโต๊ะ เหมือนเมื่อกี้กำลังนอนงีบอยู่ ถูกเสียงร้องเรียกอยู่หน้าประตูของเซียวเซียวปลุกให้ตื่น ดวงตาทั้งคู่ยังงัวเงียไม่จางหาย รับเอาเซียวเซียวมากอดด้วยสัญชาตญาณ พร้อมมองดูด้านนอกประตู
เมื่อเห็นจางเหยียงซาน นางค่อยตื่นขึ้นมาบ้าง ยิ้มเช็ดเหงื่อให้กับเซียวเซียว พร้อมพูดว่า “นี่ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็เจอหน้ากันอีกแล้ว”
“ข้าหาวิธีได้หลายอย่าง ต้องให้เจ้าได้ลองยา อาจจะพอใช้ได้ผลบ้าง”
จางเหยียงซานพูดเข้าเรื่องในทันที เดินตรงมาข้างหน้า เอาสูตรยาของตนทั้งหมดที่เตรียมไว้แล้วก่อนหน้านี้วางตรงหน้ากู้อ้าวเวย และได้พูดถึงคำพูดที่ได้พูดกับซ่านจินจื๋อในก่อนหน้านี้ให้ฟังทั้งหมด
กู้อ้าวเวยฟังแล้วกลับขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “จะไปหาคนที่ไหน มาช่วยนวดให้กับข้าทุกวันเป็นปีๆ ต้องคอยปรนนิบัติหาข้าวหาน้ำดูแลข้า นับประสาอะไรกับจุ้ยเวี่ยนที่ใช้เลือดบำรุงร่างกายข้าทุกวันหรือ?”
“ท่านอ๋องทำได้”จางเหยียงซานขมวดคิ้ว
“เขาทำไม่ได้”กู้อ้าวเวยส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “หากจะใช้เลือดเลี้ยงข้า คนคนนั้นก็จะต้องทานยาทุกวัน เขาเป็นคนฝึกวรยุทธ ยาตัวนั้นจะต้องส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขา เวลาผ่านไปยิ่งนาน…”
“แต่ตอนนี้ก็มีเพียงแค่วิธีนี้ พวกเราต้องมาลองยากันก่อน”
พูดเสร็จ กู้อ้าวเวยตบโต๊ะ พร้อมขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า
“หักข้าไม่สามารถฟื้นขึ้นมา พวกเจ้าก็ฆ่าลูกของข้ากับพ่อของข้าอีกคน”
กู้อ้าวเวยเอามือปิดหูของเซียวเซียวไว้ มองดูจางเหยียงซานพร้อมพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ถึงแม้เจ้าจะถือว่าเป็นลูกศิษย์ของข้า แต่หากต่อไปขาฟื้นขึ้นมาแล้วจะต้องพึ่งพาอาศัยเจ้า เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้ แม่รอดพ้นมาจากความตายในตอนนั้นได้เดิมร่างกายก็อ่อนแอ พ่อกับน้องชายก็มีภารกิจ ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องคิดวางแผนการยาวๆ ไม่งั้นพวกเราค่อยหาวิธีอย่างอื่นกัน…”
“หลอกตัวเอง”จางเหยียงซานพูดตัดคำพูดของนางอย่างเย็นชา ยกมือจับไหล่ของนางไว้แล้วพูดว่า “ต่อให้บนโลกนี้มีหมอเทวดา แต่ก็ไม่มีหมอเทวดาที่สามารถรักษาโรคได้โดยไม่อาศัยยา บางสิ่งบางอย่างไม่ใช่ว่าหาวิธีอื่นแล้วก็ได้ เรื่องมาถึงตอนนี้ มีเพียงวิธีนี้ พวกเราทำได้เพียงวางแผนให้วิธีนี้ปลอดภัยและได้ผลที่สุด”
เขาจะสูญเสียคนที่สนิทสนมที่สุดไปอีกคนได้ยังไง
ตอนนั้นเขาไม่มีความสามารถ แม้กระทั่งกระทำเรื่องมากมายเพื่อเป็นการแก้แค้น แต่หลังจากที่พี่สาวไปจากโลกนี้แล้ว แม้แต่เงินที่จะช่วยพี่สาวทำศพก็ไม่มี
ตอนนี้เขาได้รับการช่วยเหลือจากกู้อ้าวเวยอย่างมากมาย
แล้วจะยอมให้นางจากไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร
และนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่กู้อ้าวเวยเห็นจางเหยียงซานตาแดง เซียวเซียวที่อยู่ด้านข้างก็ดิ้นรนออกมา มองดูกู้ซวงที่รออยู่ด้านนอกประตู ปล่อยให้กู้ซวงจูงมือของเขา แล้วก็มองดูศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคนที่เงียบสงบกันอยู่ภายในห้อง แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าจะพาพวกนางไปจับปลาในน้ำ”
เมื่อเด็กทั้งสองคนถูกพาตัวไปแล้ว กู้อ้าวเวยค่อยถูกจางเหยียงซานจับไหล่พากลับไปนั่งบนเก้าอี้
“มีเวลาไม่มาก ข้าต้องรีบลองยา”จางเหยียงซานรีบเอายาสมุนไพรที่เตรียมไว้ออกมาจากในกระเป๋า
มองดูดวงตาแดงๆของจางเหยียงซาน กู้อ้าวเวยกัดริมฝีปากไว้แน่น
“ข้าทำร้ายร่างกายของข้าเอง ตอนนี้กลับต้องให้พวกเจ้าต้องเป็นห่วง”
ดวงตานองเต็มไปด้วยน้ำตา จางเหยียงซานกลับไม่ใช่คนที่สามารถเช็ดน้ำตาให้กับนาง จึงเพียงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าเคยรู้สูตรยาอย่างอื่นอะไรไหม”
เช็ดน้ำตาที่เปียกด้วยปลายนิ้ว หางตาแดงก่ำ กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นแล้วหยิบต้นฉบับกองหนาออกมาจากลิ้นชัก แต่วางไว้บนโต๊ะเพียงไม่กี่แผ่น หลังจากสงบสติอารมณ์แล้วค่อยพูดขึ้นว่า “ล้วนต้องลองยา”
“แล้วทำไมไม่ใช้?”จางเหยียงซานขมวดคิ้ว
“ข้ากำลังรอให้เรื่องของเขาเสร็จสิ้น ในตอนนี้ ข้ายังไม่กล้าตาย”
เขาจะต้องมีชีวิตอยู่
ต่อให้อยู่เพื่อพวกลูกๆ
หัวใจของจางเหยียงซานเหมือนตกลงไปในเหวลึก เค้าเอายาสมุนไพรโยนให้กับคนในห้องครัวไปต้ม แล้วเอาต้นฉบับบนโต๊ะขึ้นมาดู สมุนไพรที่กู้อ้าวเวยใช้ล้วนถึงขีดสุด เพื่อเป็นการกำจัดครั้งเดียว
“เจ้าไม่เอาชีวิตแล้วหรือ?”เมื่อจางเหยียงซานเห็นชื่อยาพิษชนิดรุนแรงหลายอย่าง ในที่สุดก็ไม่ได้ร้องพูดขึ้นมาว่า “ต่อให้การใช้ยาพิษถอนยาพิษได้ หากมีอะไรผิด พลาด ผลที่จะตามมา…”
“นี่เป็นสิ่งที่ข้ากับเจ้าไม่เหมือนกัน ข้าหาวิธีรักษาอย่างทุเลาไม่ได้”
ยกมือเอาต้นฉบับหลายแผ่นนั้นคืนกลับมา นางเอาต้นฉบับหลายแผ่นนั้นใส่ลงไปในกล่องไม้ขนาดเล็กต่อหน้าจางเหยียงซาน ไม่ยอมล้มเลิกกับสิ่งที่วางแผนไว้พวกนี้ แล้วก็ยิ้มพูดกับจางเหยียงซาน อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรว่า “เป็นเรื่องยากที่จะรักษาตัวเอง เดิมข้าคิดว่าตนเองเป็นคนป่วยหนักไม่สามารถที่จะรักษาตนเองได้”
“ตอนนี้เห็นที น่าจะเป็นเพราะข้ากลัว จึงยากที่จะรักษาตนเอง”