บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1101
บทที่ 1101 ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตนเอง
หิมะแรกของเมืองเทียนเหยียนตกต่อเนื่องยาวนานเป็นพิเศษ
ตามถนนหนทางในตลาดมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยินดีจะออกมาทำความสะอาดหิมะที่กองซ้อนกันชั้นๆ มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีหิมะกองสุมเป็นเนินสูงๆต่ำๆ ทำให้รถม้าผ่านไปมาได้อย่างยากลำบาก บริเวณด้านข้างของถนนในตลาดจะเห็นว่ามีเหล่าคนงานไปมาช่วยกันซ่อมแซมชายคาบ้านของชาวบ้านที่ถล่มลงมาอยู่บ่อยๆ
เดิมบอกว่าจะออกไปในตอนกลางคืน แต่จะอย่างไรกู้อ้าวเวยก็ไม่ยินยอมให้ซ่านจินจื๋ออุ้มนางออกมาในยามค่ำคืน นางได้แต่อดทนที่จะให้ซ่านจินจื๋อช่วยนางสวมเสื้อนวมขนมิงค์ด้วยตัวเอง ต่อจากนั้นเขาก็จูงมือนางเดินออกไปด้านนอกโดยไม่ยอมปล่อยมือ
เสียงสวบสาบดังขึ้นเมื่อเดินไปบนพื้นหิมะ กู้อ้าวเวยเดินโซเซอยู่หลายก้าว เลยถูกซ่านจินจื๋อโอบร่างของนางไว้ในอ้อมกอดแล้วเดินไปด้วยกัน จนนางแทบไม่ได้ใช้แรงเท้าของตนเอง กู้อ้าวเวยกลับเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็หายใจหอบเสียแล้ว ทำให้ซ่านจินจื๋อต้องขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “รอจนตอนกลางคืน พวกเขาก็จะเก็บกวาดหิมะพวกนี้จนสะอาด รถม้าก็จะสามารถเดินทางได้แล้ว”
นางเหลือกตามองเขาด้วยความขุ่นเคือง พร้อมพูดว่า “ลงทุนกระทำการถึงขนาดนี้ จะทำให้ผู้ใดดูหรือ? หรือต้องการให้ผู้อื่นคิดว่าเสด็จอ๋องจิ้งมีคนรักใหม่ จนถึงขั้นสั่งให้คนรับใช้หลายสิบคนมากวาดหิมะตอนกลางวันเพื่อให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก และทำให้ข้าถูกขนานนามว่าเป็นสุนัขจิ้งจอก?”
“ข้าก็แค่กลัวว่าเจ้าจะเดินเหินลำบากเท่านั้น”
ซ่านจินจื๋ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าน่าขบขัน กับเรื่องง่ายๆ เช่นนี้กลับกลายเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับนาง
“อย่างนั้นจะออกมาทำไม? จะพาข้าไปหาลูกหรือ?”
กู้อ้าวเวยจับเอวของซ่านจินจื๋อไว้แน่น นางรู้สึกได้ถึงแววตาหลายคู่ในบริเวณใกล้จดจ้องมองอยู่ ทำให้สีหน้าของนางยิ่งแย่ลง
ไม่ให้นางออกไปพบเจอกับคนรู้จัก แม้แต่จางเหลียงซานก็ยังต้องถูกคุมขังไว้อยู่ที่อีกด้านของกำแพง เวลานี้กลับยังจะพานางออกมาทรมาน ขณะนั้น นางคาดเดาถึงความในใจของซ่านจินจื๋อไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใกล้ชิดอย่างเกินเหตุที่แสดงออกนี้ มีแต่จะทำให้นางยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
หากยู่จุนคิดอยากถือโอกาสใช้สายเลือดเปลี่ยนแปลงรัชสมัย
อย่างน้อยก็ควรที่จะใช้สายเลือดจากคนที่ไว้ใจได้ อย่างเช่นยู่จือ หรือว่าลูกสาวสองคนของหยูนซีที่จะแต่งงานในอนาคต ทำไมจะต้องเป็นคนนอกรีตอย่างซ่านจินจื๋อกับตน คิดยังไงก็คิดไม่ออกจริงๆ
“ที่หอเยาเยว่มีของหวานมากมาย ข้าอยากพาเจ้าไปชิม” ซ่านจินจื๋ออุ้มร่างของนางเดินขึ้นบันไดไปยืนอยู่อย่างมั่นคง แล้วเอนกายให้นางขึ้นขี่บนหลังของเขา
มองเห็นท่วงท่าอันอ่อนโยนของชายหนุ่ม พร้อมกับกวาดสายตามองดูพวกองครักษ์รอบๆ แล้วก็ต้องปีนขึ้นไปอย่างว่าง่าย
สองขาของนางถูกเขาโอบรัดเอาไว้แน่น พร้อมทั้งกระชับเสื้อขนมิงค์ห่อคลุมร่างของนางเอาไว้อย่างดี สัมผัสผ่านร่างกายบางแห่งอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้กู้อ้าวเวยโมโหจนอยากที่จะกัดคอเขาขาดให้ตายไปพร้อมกัน กลับได้แต่อดทนอยู่บนแผ่นหลังของเขาอย่างหงุดหงิด แล้วพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “ทำไมเจ้าต้องทำความร่วมมือกับยู่จุน……”
“เจ้าเฉลียวฉลาดขนาดนี้ เป็นธรรมดาที่ย่อมจะรู้อยู่ว่าข้าจะกระทำเรื่องเช่นเดียวกับซ่านเซิ่งหาน “
ฝีเท้าของซ่านจินจื๋อก้าวลงไปบนหิมะหนักหนาอย่างมั่นคง รับรู้ถึงความรู้สึกว่าเย็นเฉียบพาดผ่านจากเส้นผมที่แข็งกระด้างเลื่อนผ่านใบหูกับหัวไหล่ของเขา ในรูจมูกกลับยังได้กลิ่นยาโชยเข้ามาอย่างไม่จางหาย พร้อมพูดต่อว่า “ซ่านเซิ่งหานต้องการเจ้า ข้าก็ต้องการเจ้า”
“อย่างนั้นแล้วอี้จื๋อล่ะ?”
“ขอเพียงข้าก้าวไปถึงตำแหน่งนั้น อี้จื๋อก็จะไม่เป็นอะไร”
ซ่านจินจื๋อขยับร่างบนหลังขึ้นข้างบน ยังไงก็ยังไม่รู้สึกถึงความหนัก
ดั่งราวกับว่าสายลมแห่งฤดูหนาวกรรโชกแรงครานี้ จะสามารถเป่าพัดผ่านจนนางสามารถกลายเป็นเม็ดทราย หายสาบสูญหายไปได้อย่างไร้ร่องรอย
บนไหล่ของผู้ชายดูเหมือนจะค่อนข้างจั๊กจี้ กู้อ้าวเวยกำลังคิดอยู่อย่างประหลาดใจ พายุหิมะรอบข้างล้วนถูกชายผู้นี้ปิดกั้นเอาไว้แล้ว นางจึงหลับตาลง ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง พร้อมพูดว่า “ข้าคิดว่า เจ้าจะไปพูดคุยเงื่อนไขกับพวกเขาเหมือนกับซ่านเซิ่งหาน คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะส่งอี้จื๋อไปด้วยสองมือของเจ้าเอง เดิมข้าเพียงอยากให้พวกเขาอยู่อย่างปกติสุข แม้แต่เรื่องที่จะให้หยินซิ่งกับเซียวเซียวไปอยู่เมืองอินโจว ข้าก็ล้วนคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”
แต่เรื่องทั้งหมดนี้ยังไม่ทันได้สั่งการลงไป
กู้อ้าวเวยอิงแอบแผ่นหลังของเขาด้วยความเจ็บปวด พร้อมพูดว่า “โอกาสรอดของข้ามีอยู่เพียงนิด เจ้าใช้อี้จื๋อมาเดิมพันได้อย่างไร?”
นางไม่มีเหตุผลอะไรที่จะตำหนิต่อว่าซ่านจินจื๋อ
หากไม่ใช่เป็นเพราะนางดื้อรั้นต้องการหาวิธีการมีอายุวัฒนะ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เพื่อโอกาสนั้นนางเดิมพันด้วยชีวิตของตนเอง ทำให้ร่างกายทรุดโทรมอย่างที่สุด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้
ที่แม้กระทั่งการคลอดอี้จื๋อ ก็ล้วนเป็นเพราะนางรู้สึกผิดต่อชิงจือ
เฉกเช่นเดียวกันกับซ่านจินจื๋อไม่มีผิด
แทบกับญาติพี่น้องและสายเลือด พวกเขาต่างก็รักตนเองมากกว่า
ในเมื่อเหมือนกัน แล้วจะตำหนิต่อว่าเขาด้วยเหตุผลอะไรล่ะ?
“ข้าไม่มีทางเอาอี้จื๋อมาเดิมพัน ข้าเอาไปไว้ให้อยู่กับฮองเฮา ยู่จุนไม่อาจทำอย่างไรเขาได้”
แล้วเขาจะมีเหตุผลอะไรที่จะรั้งกู้อ้าวเวยไว้
หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นเขาทำร้ายนางไปโดยไม่รู้จักคิด นางจะตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีโอกาสช่วยชีวิตตนเองได้แบบนี้หรือ
นางกลับมายังเมืองเทียนเหยียนครั้งแล้วครั้งเล่า คิดแผนการแล้วแผนการเล่า กลับไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาจบชีวิต ณ ที่แห่งนี้
ทว่า จะอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถยอมรับได้
ทั้งสองคนที่ต่างก็มีความคิดในใจของตน ต่างก็ไม่ได้พูดจาอะไรอีก กู้อ้าวเวยหลับตาลง ในห้วงสมองปรากฎร่างของซ่านจินจื๋อที่กำลังนำเหล่าทหารองครักษ์ยืนอยู่เบื้องหน้า องครักษ์เหล่านั้นต่างยึดกุมดาบที่เอวไว้แน่น ส่วนหวางกงกงที่ยืนข้างกายของเขากำลังมองนางอยู่อย่างยิ้มแย้ม ไม่มีความน้อยเนื้อต่ำใจ และไม่มีความหุนหันพลันแล่นสักนิด
ส่วนซ่านจินจื๋อยืนอยู่ข้างกายของพวกเขาด้วยใบหน้าเย็นชา และมองสบตากับเขาผ่านพายุหิมะที่ขวางกั้น
เวลานั้นเอง พายุหิมะได้พัดผ่านไปทั่วรูขุมขนของนาง ค่อยๆ แทงทะลุเข้าไปในขั้วหัวใจ จนกระทั่งกลายเป็นก้อนน้ำแข็งในที่สุด
นิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน กู้อ้าวเวยค่อยพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ดังนั้นตอนนี้เจ้าจะพาข้าไปทำอะไรกันแน่?”
“ในฤดูหนาวยาของเจ้าที่มีล้วนไร้ประโยชน์ เพียงหวังว่าฤดูหนาวนี้เจ้าจะเชื่อข้าสักหน่อย” ซ่านจินจื๋อถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เขาเขย่าร่างของหญิงสาวสองครั้ง เพราะเกรงว่านางจะหลับไปท่ามกลางพายุหิมะนี้เสียก่อน แล้วพูดต่อว่า “พวกเขาล้วนสบายดี ฤดูหนาวนี้ มอบตัวเจ้ามาให้ข้าเสียทั้งหมด เป็นอย่างไร?”
“ข้าไม่วางใจ” กู้อ้าวเวยจิกปลายนิ้วเอาไว้แน่น พร้อมพูดว่า “พาข้าไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้กับฮองเฮา ข้าต้องรู้สถานการณ์ของอี้จื๋อ เขายังเด็กนัก”
“พรุ่งนี้ข้าจะจัดการให้ ถ้าหากว่าเจ้ายังไม่วางใจ ข้าจะสั่งให้คนพาอี้จื๋อไปที่ จวนอ๋องจงผิง “
ซ่านจินจื๋อรีบรับปากขึ้นมาทันที รู้สึกว่าร่างบนแผ่นหลังผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย ความห่วงกังวลในใจของเขาก็ค่อยๆลดลงมา
ส่วนเฉิงซานที่อยู่ด้านข้าง มองมายังซ่านจินจื๋อด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มเมื่อ
จนกระทั่งซ่านจินจื๋อแบกกู้อ้าวเวยเข้าไปในหอเยาเยว่แล้ว เฉิงซานก็ยังยืนตระหง่านอยู่ที่ข้างประตู มองดูผู้ใต้บังคับบัญชาที่กำลังเร่งรีบเข้ามารายงานว่า “ท่านชายน้อยอี้จื๋อถูกส่งตัวไปยังจวนอ๋องจงผิง เรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้ทรงส่งคนมาแจ้งว่าพระองค์ต้องการให้ส่งท่านชายน้อยอี้จื๋อกลับเข้าวังหลวง ไม่ทราบว่า……”
“ปฏิเสธกลับไปเสีย ท่านอ๋องตรัสแล้ว หากแม่นางยู่จุนไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาโรคของคุณหนูกู้ให้หายขาดได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาเสนอเงื่อนไข เรื่องอื่นหรือคนอื่น ท่านอ๋องล้วนให้การช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ส่วนคนอื่นไร้ประโยชน์”
เฉิงซานแทบจะพูดตามคำพูดของซ่านจินจื๋อทุกคำ
ตั้งแต่แรกเริ่ม อี้จื๋อก็ไม่ได้ถูกส่งตัวเข้าวังหลวง แม้กระทั่งหวางกงกงยังถูกส่งตัวออกไปในตอนที่กู้อ้าวเวยกำลังหลับอยู่ จากนั้นซ่านจินจื๋อถึงให้คนพาเหล่าเด็กๆ ส่งไปที่จวนอ๋องจงผิง โดยไม่มีพิรุธไปถึงยู่จุน
แต่เมื่อครู่…… เหตุใดท่านอ๋องถึงได้กล่าวออกมาเช่นนั้น?
ในห้องหรูหราส่วนตัว ใบหน้าของซ่านจินจื๋อขณะที่มองดูกู้อ้าวเวยชี้ไม้ชี้มือไปที่ของหวานหลายชิ้นนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความเอ็นดู
เฉิงซานแอบมองแล้วจึงปิดบานประตูลงอีกครั้ง เป็นธรรมดาที่เขาจะมองไม่เห็นว่าซ่านจินจื๋อกำลังเหลือบตามองมาอย่างระมัดระวัง