บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1112
บทที่ 1112 เหตุเกิดที่โล่เสียยังไม่กระจ่าง
“เดิมก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว” พร้อมทั้งชักดึงมือของตนออกมา ในใจกู้อ้าวเวยกลับกำลังคิดว่าซ่านจินจื๋อไปถูกอะไรกระตุ้นมา หลายวันมานี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งพูดจาอ่อนหวาน ยิ่งทำให้นางทำอะไรไม่ถูก เงยหน้ามองดูเขาอย่างสงสัย พร้อมพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเหนือคนทุกคน และก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดทุกคน ต่างคนต่างก็มีความต้องการเป็นของตนเองเท่านั้นเอง”
ไม่โกรธไม่โมโห ซ่านจินจื๋อยิ่งขยับเข้าไปใกล้เรียกร้องความสนใจจากนาง
“ปกปัดแบบนี้ ไม่เหมือนคนที่เป็นแม่คนแล้วเลยนะ”
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำตัวติดกันอยู่ทุกวันแบบนี้ ข้าก็คงจะไม่ปฏิเสธ”
หลายวันมานี้ตอนขึ้นมาก็อยู่ได้แต่บนเตียง ร่างกายกลับดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น นางจึงอ่านตำราที่ซ่านจินจื๋อหามาให้จนหมด ดีที่สุดคือสามารถค้นพบสิ่งที่ดีสักอย่างสองอย่าง
แต่ตอนนี้นางถูกซ่านจินจื๋อโอบกอดไว้แนบกาย เสื้อผ้าหลุดลุ่ย มองดูผู้ชายแว็บหนึ่ง แล้วก็รู้สึกได้ถึงไฟแห่งความปรารถนาภายในสายตาของเขา คิดว่าซ่านจินจื๋อคงจะอดกลั้นมานานแล้ว แต่นางรู้ตัวว่าในกายตนเองมีพิษ แม้แต่จูบกันก็ต้องให้เขาทานยาก่อนถึงจะวางใจ
ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันขนาดนี้ กลับยิ่งน้ำให้นางกลัวขึ้นมา
ทำร้ายคนมากไปก็ไม่ดี และหลายวันนี้เขายิ่งทำตัวใกล้ชิด ยิ่งทำให้นางเป็นกังวลว่าตนเองจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ทำให้เขาต้องกักขังตนไว้อย่างเอาแต่ใจ
ในระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่ มือของซ่านจินจื๋อก็ค่อยๆเลื่อนมาวางไว้บนไหล่ของนาง
เหมือนกำลังจะพูดหยอกล้อนาง กลับมีเสียงบานประตูถูกเปิดเล็กน้อย หัวหน้าสาวใช้พูดรายงานขึ้นว่า “ในพระราชวังส่งคนมา มีรับสั่งให้เสด็จอ๋องจิ้งเข้าเฝ้าเพื่อปรึกษาเรื่องสำคัญ”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วชนกัน แล้วก็ลุกขึ้นมาจากข้างกายกู้อ้าวเวย
คนคนนั้นกลับชักมือมาดึงปลายเสื้อของเขาไว้ พร้อมเงยหน้าถามขึ้นว่า “เรื่องส่วนรวมหรือเรื่องส่วนตัว?”
“เรื่องส่วนรวมอยู่แล้ว” ซ่านจินจื๋อสั่งให้คนด้านนอกถอยห่างออกไปหน่อย ค่อยกระซิบพูดขึ้นว่า “ต่อให้ยู่จุนจะเอาหมื่นขุนเขาและสายน้ำนี้มาอ้าง ก็ไม่ควรที่จะเป็นในฤดูหนาวนี้ ตอนนี้เสด็จพี่ทุ่มเทกับการช่วยเหลือภัยหนาว ไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้ วางใจเถอะ”
“ก่อนหน้านี้ที่เกิดเรื่องมากมายนั้น ก็ไม่ถือสาแล้วหรือ?”
ยังไงกู้อ้าวเวยก็ยังไม่เชื่อ ยังไม่พูดถึงก่อนหน้านี้ที่เกิดเรื่องวุ่นวายจนใจพวกเขาหวาดหวั่น พวกขุนนางต่างก็ได้กลิ่นถึงความอันตราย บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเอ่อตันที่ตัดไม่ขาดแล้วยังเกิดปัญหา ตอนนี้กลับถูกความทุกข์ยากของภัยหนาวเป็นอุปสรรค มันน่าแปลกเกินไป
ยกมือนวดระหว่างคิ้วที่ขมวดชนกันให้กับนาง นิ้วของซ่านจินจื๋อเลื่อนลงมาตรงหางตาคู่งามของนาง จ้องมองความเป็นกังวลภายในดวงตาคู่นั้น ความร้อนรุ่มภายในใจกลับยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น
“ไม่มีทางแล้วต่อกัน เพียงแต่ตอนนี้ ไม่มีใครสามารถก้าวออกจากก้าวนี้”
เจ้าอยู่ตรงนี้ จะไม่มีใครได้ตัวเจ้าไป และจะไม่มีใครสามารถใช้ประโยชน์จากเจ้า
ไม่ได้พูดถึงความหมายประโยคนี้ออกมา กู้อ้าวเวยกลับรู้ถึงผลลัพธ์แล้ว หัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมพูดขึ้นว่า “คนย่อมไร้ความผิด ผิดที่ถือครองหยก เป็นเช่นนี้นี่เอง”
“ก็ไม่เสมอไป” ปลายนิ้วของซ่านจินจื๋อลูบไล้ใบหน้าของนาง พร้อมถอนหายใจพูดขึ้นว่า “หากไม่มีความหวังจากเจ้า เกรงว่าสถานที่นี้คงเต็มไปด้วยซากศพ”
เมื่อพูดเสร็จ ด้านนอกประตูก็มีคนเข้ามาเร่งอีก
ซ่านจินจื๋อไม่สนใจ ถึงขั้นตะคอกด่าคนด้านนอกที่มารบกวน แล้วก็กลับมานั่งด้านข้างเตียงใหม่ พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เรื่องเกิดจากบ้านริมน้ำโล่เสีย เดิมตอนนั้นก็ควรที่จะสงสัย เพียงแต่ตอนนั้นข้าสืบเรื่องไม่ถึงที่สุด ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้ว เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ข้าก็จะจำเป็นต้องยกเจ้าให้กับพวกเขาไป เจ้าจะโกรธข้าไหม?”
จิตใจล่องลอย หัวใจเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม
กู้อ้าวเวยทันเพียงจับเสื้อผ้าตรงหน้าอกไว้แน่น หวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านริมน้ำโล่เสียในตอนนั้น เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต ผู้คนรับรู้ไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็แค่เปลี่ยนแปลงพวกทหารบ้านริมน้ำโล่เสีย แต่สายน้ำเดิมก็เป็นสายน้ำหลัก ไหลไปทั่วทุกสารทิศ เชื่อมต่อไปทุกหนทุกแห่ง
ไหลไปพร้อมยาพิษ
ซ่านจินจื๋อ รีบจับมือของนางไว้ ช่วยตบไหล่ให้กับนางพร้อมพูดว่า “อย่าเป็นกังวล….”
“ข้าไม่เป็นกังวลกับที่เจ้าจะส่งตัวข้าไป เพียงแต่แปลกใจ ตอนนั้นยู่จุนยังไม่ฟื้น แล้วใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้…..” กู้อ้าวเวยจับมือเข้าไว้ พร้อมพูดว่า “เป็นกู้เฉิงในตอนนั้น หรือว่าเป็นฮ่องเต้….”
ซ่านจินจื๋อส่ายหัวอย่างหนักใจ และก็ไม่รู้คำตอบ
เสียงเร่งด้านนอกประตูดังขึ้นเอง ซ่านจินจื๋อรีบจากไป อย่าง ไม่ทันได้ปลอบโยน
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ในห้องคนเดียว แล้วค่อยๆสงบจิตใจ
ตอนนั้นยู่จุนยังนอนอยู่ในโลงน้ำแข็งไม่เคยฟื้นขึ้นมา แล้วจะส่งยาพิษไปทั่วทิศได้อย่างไร ยังสามารถหาคนฝีมือดีมากมายมาเป็นตัวประกัน?
ในตอนนั้นหลังจากตระกูลยู่หลบซ่อนอยู่ในราชวงศ์เจียงเยี่ยน ก็ไม่เคยมีใครรู้
อีกอย่างตระกูลหยุนก็ถูกขังไว้ในราชวงศ์ชางหลานเหมือนกัน ถูกเฝ้าระวังอยู่ทุกทาง
แม้แต่ตระกูลจูที่คอยสนับสนุนก็กลายเป็นพรรคเล็กพรรคน้อยในยุทธภพ จะสามารถปิดฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวได้ยังไง และเอาเงินทองมาจากไหน?
นอกจากสายเลือดแล้ว สามตระกูลนี้ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้อีก เรื่องการขนย้ายยาพิษนี้ส่งออกมาได้อย่างไร?
นางคิดไม่เข้าใจ ส่วนอีกด้านของกำแพง สายตาของซ่านจินจื๋อกลับเพียงกวาดมองหัวหน้าสาวใช้ตรงหน้า ไม่ได้เดินทางเข้าวัง เพียงแค่ไปยังห้องด้านข้าง หัวหน้าสาวใช้คนนั้นไร้ซึ่งความเรียบร้อยอ่อนน้อมอย่างเมื่อตอนกลางวัน สายตาในตอนนี้แฝงไปด้วยความเยือกเย็น พร้อมคุกเข่าอยู่บนพื้น
“ท่านอ๋องยังไม่ยอมส่งคุณหนูกู้เข้าไปในวัง ตามสัญญา แม่นางยู่รอคอยไม่ไหวแล้ว”
หากพิจารณาดูดีๆ บางทีอาจจะสามารถมองเห็นรอยสักสีเขียวตรงคอของนางที่ลบออกไม่หมด
สายตาซ่านจินจื๋อหรี่ลง นิ้วมือเคาะตรงที่วางแขนอย่างเป็นจังหวะ พูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “ข้าเพียงแค่ไม่รู้ ยาพิษทั่วทุกสารทิศนี้มาจากไหน และทำขึ้นมาได้อย่างไร จนมีเหลือไว้ถึงตอนนี้”
สาวใช้คนนั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ยกมือขึ้นวางบนไหล่ พร้อมหัวเราะเบาๆ
“ผู้คนบนโลก เป็นของคนอื่น ท่านอ๋องจะคิดมากให้ตนเองหงุดหงิดทำไม”
“เป็นของคนอื่น”
ซ่านจินจื๋อหัวเราะเยาะ สะบัดแขนเสื้อลุกขึ้นพร้อมพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยก็ให้ข้าได้ปกป้องนางตลอดฤดูหนาวนี้ รอให้เจ้านายของเจ้าหาวิธีรักษานางให้หายขาดได้แล้วค่อยมาว่ากัน เดี๋ยวเข้าวังไป เจ้าเอาสูตรยาที่นางทานทุกวันไปด้วยทั้งหมด”
“แต่แม่นางยู่…..”
“ข้ายอมถอยแล้ว หากนางคิดจะเอาผู้คนในแผ่นดินหรือความชอบธรรมที่จะกู้ชาติมาข่มขู่ ข้าก็จะเตรียมโลงศพสองอัน แล้วไปยังยมโลกพร้อมกับนาง”ซ่านจินจื๋อจ้องมองกลับอย่างเย็นชา ความโกรธเคืองอัดแน่นเต็มอก ฝ่ามือตบลงบนใบหน้าของสาวใช้คนนั้นอย่างรุนแรง จนใบหน้าบวมเขียวขึ้นมาในทันใด
สาวใช้ไม่กล้าพูดอะไรอีก เดินตามไปอย่างเศร้าสร้อย
เฉิงซานที่อยู่ด้านนอกประตูติดตามซ่านจินจื๋อเข้าวัง เฉิงยีเฉิงเอ้อไปจากที่ตรงนี้อย่างเงียบๆ
ประตูด้านหลังจวนอ๋องจิ้งถูกเปิดออกอย่างเงียบๆ ผู้หญิงสวยชุดคลุมสีดำเดินเข้ามาในจวน เฉิงยีเฉิงเอ้อพาไปยังเรือนแห่งหนึ่งที่ไม่มีคนอยู่ ไม่มีใครรู้ และไม่มีใครเห็น
กู้อ้าวเวยเอนพิงอยู่ข้างเตียง โยนม้วนตำราในมือเล่มหนึ่งเข้าไปในกองไฟ
มองดูเปลวไฟที่ลุกโชน ตำราถูกเผาไหม้เกรียมดำกลายเป็นเถ้า
สายตานางจ้องมองเปลวไฟสว่างไสวนั่น พร้อมทั้งเรียกสาวใช้ด้านนอกประตูเข้ามาเก็บกวาด
เห็นตำราดีๆถูกเผาไหม้จนเป็นเถ้า สาวใช้อายุน้อยด้านข้างมองอย่างไม่เข้าใจ สายตาฉายแววสงสัย กู้อ้าวเวยกลับยิ้มพูดขึ้นว่า “จดหมายในตำราข้าได้รับแล้ว เดี๋ยวบอกเขาด้วยว่า อย่าแนบสิ่งของมาอีก”
“น่าจะเป็นความผิดพลาดของใต้เท้าเฉิงซาน” สาวใช้ยังคงมองดูไฟในเตานั้น