บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1113
บทที่ 1113 คนของยู่จุน
จดหมายลับกับตำรา อยู่ด้วยกัน แล้วตกอยู่ในมือของนางได้อย่างไร
กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ แต่ในจดหมายลับนั่น บอกว่าเรื่องการช่วยเหลือภัยหนาวมีคนทุจริตจริง ได้พูดถึงชื่อของขุนนางสองคนที่ไม่เคยเห็น คิดว่าคงจะเป็นจดหมายลับจริงๆ เห็นได้อย่างไรว่าเชื่อใจนาง
สาวใช้เปลี่ยนเตาไฟมาใหม่ ที่สุดแล้วกลับเขี่ยค้นเตาไฟนี้จนสะอาด แล้วก็เจอเศษกระดาษครึ่งแผ่น มองเห็นว่าบนนั้นเขียนถึงเรื่องบรรเทาสาธารณภัยจริง จึงโยนกลับไปในเตาไฟเหมือนเดิม
“สาวใช้ในจวนอ่านออกเขียนได้น้อยมาก เจ้าอ่านออกหรือ?”
เสียงดังขึ้นทางด้านหลังในทันใด สาวใช้คนนั้นตกใจจนตัวสั่น เมื่อหันกลับมาก็เห็นเฉิงซานที่สวมชุดดำยืนอยู่ในที่ลับ ด้วยสายตาเยือกเย็น จึงรีบคุกเข่าหัวเขกพื้นพร้อมพูดว่า “บ่าวรู้เพียงไม่กี่คำที่ง่ายๆ ได้ยินว่าฮูหยินชอบอ่านตำรา จึงฝึกเรียนรู้บ้าง เห็นว่าตำราดีๆถูกทิ้งลงไปในเตาไฟกลายเป็นเถ้า จึง….”
เฉิงซานหยิบเศษกระดาษตำราที่เหลืออยู่ในเตาไฟนั้นขึ้นมาแล้วเก็บใส่ในกระเป๋าแขนเสื้อ จ้องมองพิจารณาดูสาวใช้คนนั้นอยู่เนิ่นนาน ค่อยพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ส่วนมากสาวใช้ในจวนอ๋องจิ้ง ล้วนต้องผ่านการตรวจสอบประวัติความเป็นมา ล้วนต้องผ่านให้ข้าตั้งชื่อใหม่ถึงจะสามารถเข้ามาได้ แต่ข้าไม่เคยเห็นเจ้า”
“บ่าวกับพวกองครักษ์ที่มาใหม่ ท่านอ๋องเป็นคนเลือกเข้ามาด้วยตนเอง ใต้เท้าเฉิงซานสอบถามท่านอ๋องได้”
สาวใช้พูดประโยคนี้จนจบในลมหายใจเดียว แล้วก็สั่นไปทั้งตัว ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็กลับไปดูแลเหมือนเดิม เตาไฟนี้เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เฉิงซานเก็บไปเศษตำรานั้นขึ้นมาอย่างเหมือนไม่ใส่ใจ มองดูสาวใช้ใจเสาะนั้นแว๊บหนึ่งแล้วก็กำลังจะเดินจากไป กลับได้ยินสาวใช้คนนั้นพูดขึ้นอย่างใจกล้าว่า “เรื่องลับสำคัญขนาดนี้ ใต้เท้าเฉิงซานระมัดระวังด้วย บ่าวมีสถานะต่ำต้อย ไม่เอาไปพูดต่อหน้าท่านอ๋องแน่”
“ข้าไม่ฆ่าปิดปากเจ้าหรอก กลับไปเถอะ”
“พะยะค่ะ”
สาวใช้ตัวน้อยวิ่งลับหายไป เฉิงซานเดินมุ่งหน้าไปทางอีกด้านของลานชิงโยวอย่างเชื่องช้า เดินเข้าไปในห้องแล้วก็เข้าบัญชีบุคคลมาดูอย่างละเอียด กลับพบว่าสาวใช้คนใช้ภายในลานชิงโยว มีคนบันทึกใหม่ไว้ในบัญชี บุคคลที่ถูกบันทึกไว้นั้นก็มีข้อมูลอย่างละเอียด ตระกูลสามรุ่นต่างก็ไม่เคยมีใครกระทำผิด ซึ่งเห็นได้น้อยมาก
พ่อบ้านเดินผ่านประตูมาพอดี พร้อมถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ใต้เท้าเฉิงซาน กำลังหาอะไรหรือ?”
“วันนี้คุณหนูกู้เผาตำรา ข้าก็เลยมาหาดูว่ามีตำราสนุกไหม จะได้เอาไปให้ใหม่” แล้วก็วางบัญชีบุคคลกลับไปไว้ที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย แล้วก็เห็นพ่อบ้านรีบค้นหาตำรา และถามขึ้นว่า “คนในลานชิงโยว เจ้าเห็นท่านอ๋องรับเข้ามาหรือเปล่า”
“ใช่ขอรับ วันนั้นใต้เท้าเฉิงซานไม่อยู่ สาวใช้คนใช้พวกนี้ล้วนไม่ใช่คนเถื่อน แต่ละคนเฉลียวฉลาดยิ่งนัก จึงรับเข้ามาทำงานในลานชิงโยว เพียงแต่ประวัติความเป็นมายังไม่ได้บันทึกไว้ในบัญชี ท่านอ๋องบอกว่ารอเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิค่อยส่งคนไปสืบ” พ่อบ้านเห็นเฉิงซานแสดงท่าทีคิ้วขมวด จึงพูดอธิบายอย่างค่อนข้างละเอียดอีกว่า “ท่านอ๋องยังบอกว่า หากคนในลานชิงโยวทำอะไรผิด อย่างเบาให้โบยยี่สิบที อย่างหนักก็ให้ฆ่าทิ้งเลย หลายวันก่อนรับคนเถื่อนมาหลายคน ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็ให้เงินแล้วก็ไล่ออกไป แล้วก็ไม่มีใครเข้ามาอีก”
เฉิงซานรู้เรื่องนี้ดี จึงพยักหัวพร้อมพูดว่า “มีคนใช้ที่ปากไม่มีหูรูดจริง ไม่พูดถึงเรื่องนี้ หาตำราสำคัญกว่า”
พ่อบ้านค่อยได้สติกลับมาแล้วตั้งใจค้นหาตำรา ไม่ทันสังเกตเห็นว่าเฉิงซานจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มองดูภายในห้องที่ว่างเปล่านี้ แล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจสถานการณ์ในจวนอ๋องจิ้งตอนนี้
ผ่านไปสองวัน ตรงขอบฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าหิมะรอบที่สองกำลังจะตกลงมา งานราชการกลับจะยิ่งยุ่ง
องค์ชายสามที่ขยันหมั่นเพียรและรักใคร่ประชาชน ก่อนที่จะขึ้นว่าราชการเช้า ได้พาคนไปยังจวนอ๋องจิ้ง พร้อมขนจิ้งจอกสีเงินผ้าไหมที่ดีที่สุด และสิ่งของแปลกประหลาดที่ได้มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ในเวลาที่คนใช้เองก็เพิ่งตื่นนอน
พ่อบ้านจวนอ๋องจิ้งรีบออกมาต้อนรับ
สีหน้าซ่านเซิ่งหานเรียบเฉย พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จอาทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างเหน็ดเหนื่อย อย่างแรกจึงมาเพื่อขอความร่วมมือ อย่างที่สองเพื่อของความมั่นคง เมื่อไปรายงาน อย่าได้พูดมากกว่านี้”
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ พ่อบ้านครุ่นคิดระหว่างคนที่อยู่ตรงหน้านี้ที่มีสถานะสูงส่ง กับฮูหยินที่เป็นที่โปรดปรานในตอนนี้ แล้วในที่สุดก็ยังคงพาคุณไปยังลานชิงโยวด้วยตนเอง
ซ่านจินจื๋อก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพียงแต่ยังโอบกอดกู้อ้าวเวยไว้ไม่ยอมปล่อย ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ดูแลลูกด้านข้างเตียง ท่าทีชำนาญยิ่งนัก กำลังคิดว่าดีที่กู้อ้าวเวยก็ไม่เคยดูแลเด็กอายุสองขวบ จึงดูไม่ออกว่าการกระทำนี้ของเขาค่อนข้างหยาบกระด้าง และนางเองก็ไม่ต้องลำบากในการดูแลเด็ก
อี้จื๋ออายุเพียงสองขวบยังพูดอะไรไม่เป็น แต่เพราะร่างกายอ่อนแอเมื่อถึงฤดูหนาวจึงนอนหลับไม่สนิท ร้องอู้อี้จะมุดเข้าไปในผ้าห่ม ซ่านจินจื๋อจึงต้องดูแลทั้งคนตัวเล็กและผู้ใหญ่ตลอดทั้งคืน
ตอนนี้กำลังกล่อมอี้จื๋อที่ตื่นขึ้นมาโวยวายตอนกลางคืน แขนเล็กถูกอี้จื๋อโอบกอดไว้กว่าครึ่งแขน จึงอุ้มเขามากอดแนบอก ให้เขานอนเล่นอยู่บนกายตน กู้อ้าวเวยที่นอนด้านข้างทานยาทุกวัน จึงนอนหลับอย่างสนิท แม้แต่อี้จื๋อดึงผมนางไว้ไม่ยอมปล่อยก็ยังไม่รู้ตัว
“ก๊อกๆ…”
เสียงเคาะบานประตูดังขึ้น ซ่านจินจื๋อเคร่งเครียดขึ้นมาทันที สายตาเยือกเย็น โอบกอดสองแม่ลูกเข้ามาแนบอกไว้
“ท่านอ๋อง องค์ชายสามนำของมาให้ บอกว่า หนึ่งเพื่อความร่วมมือ สองเพื่อความมั่นคง ข้าน้อยไม่….”
“ข้ารู้แล้ว”
ตอบรับด้วยเสียงเบา แล้วก็ไม่ลืมที่จะปิดหูกู้อ้าวเวยไว้
พ่อบ้านที่อยู่ด้านนอกประตูยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วก็รีบสั่งคนไปดูแลไว้อย่างดี กำลังคิดว่าเวลาขึ้นว่าราชการเช้าก็ใกล้ถึงแล้ว องค์ชายสามเสด็จมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ต่อให้ท่านอ๋องบ่ายเบี่ยงยังไง อย่างไรก็ต้องเจอกัน
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วอยู่ภายในห้อง เรียกพวกสาวใช้มาสั่งให้ดูแลไว้อย่างดี ค่อยกล้าสวมเสื้อผ้าลุกขึ้นมา
ย่างก้าวขึ้นมาบนระเบียง เฉิงยีเฉิงเอ้อมายืนตรงหน้า เฉิงยีกระซิบพูดขึ้นว่า “ทางด้านแม่นางยู่ ส่งสูตรยามาอีกแล้ว ดีกว่าสูตรยาของจางเหยียงซาน แต่ตอนนี้จางเหยียงซานไม่อยู่ที่นี่ สูตรยานี้….”
“ในมือนางไม่มีอะไร สูตรยานี้ไม่ใช้จะดีกว่า” ซ่านจินจื๋อแสดงสีหน้าจนใจ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างโมโหว่า “ทุกอย่างให้ยึดความปลอดภัยของนางเป็นหลัก และต่อไปห้ามพ่อบ้านกลับคนใช้เก่าเข้าไปในลานชิงโยวอีก หากยู่จุนรู้ ยังไม่รู้ว่าในฤดูหนาวนี้ จะยั่วยุให้ใครมาบุกรุกจวนข้าอีก”
“เฉิงยีเฉิงเอ้อไม่กล้าพูดอะไรอีก”
คืนนั้นอ๋องจงผิงมาบุกรุก ซ่านจินจื๋อได้ส่งคนไปสืบแล้ว คำร่ำลือภายในวังเป็นฝีมือของยู่จุน ข้างกายก็มีเด็กคนหนึ่ง แต่ก็เป็นเด็กที่ยู่จุนอุ้มกลับมาเมื่อหลายวันก่อน ทำให้พวกนางสนมวังหลังต่างก็ไม่กล้าทำอะไร ใครจะกล้ามีเรื่องกับคนที่มีลูก
ซ่านเชียนหยวนมารุกรานโจมตีอย่างใจร้อน หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าพวกเด็กๆอยู่ในมือของซ่านเชียนหยวนจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่
เวลานี้หากเปลี่ยนคนของยู่จุนอีก ไม่รู้ว่ายู่จุนจะใช้คนอะไรมาอีก
เข้ามาถึงภายในห้องโถง ซ่านจินจื๋อมองดูซ่านเซิ่งหานที่ยังคงสวมชุดคลุมยาวสีฟ้า นิ้วมือหนาวเหน็บจนแดง ใบหน้าบัณฑิตเมื่อหลายปีก่อนก็กลายเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เมื่ออ้าปากพูด ก็รู้แล้วว่ามาเพื่ออะไร
“เดิมเจ้ากับข้าต่างก็ไม่คู่ควร ตอนนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง”