บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1120
บทที่ 1120 ความหวังเดียว
ขาทั้งคู่คุกเข่าจนชา แม้แต่มือก็ชาเหมือนกัน
หัวแทบจะทิ่มเข้าไปในกองหิมะ ยากที่จะลุกขึ้นมาไปรับร่างกายที่บอบบางนั้น รู้สึกเพียงร่างกายขาวผ่องภายในเสื้อ ขาวพราวอยู่ภายใต้หิมะนี้อย่างแสบตา โชคดีที่มีสาวใช้รีบมาประคองนางไว้ แต่ก็ปกปิดเลือดสีแดงตรงปลายนิ้วมือที่เปื้อนมุมปลายกระโปรงของนางไว้ไม่ได้
ยู่จุนรีบออกมา มองดูอยู่อย่างเป็นห่วง พร้อมทั้งให้ทุกคนพากู้อ้าวเวยเข้าไปในห้อง แล้วก็หันไปมองดูซ่านจินจื๋อที่อยู่บนพื้นหิมะด้วยสายตาเย็นชา เห็นร่างกายของเขาล้มมาข้างหน้า
“เจ้ารู้คำตอบแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคุกเข่าต่อไปแล้ว”
ทิ้งประโยคนี้ไว้ คนภายในวังและคนนอกวัง ต่างก็ตามเข้าไปในตำหนัก
ร่างกายซ่านจินจื๋อโอนเอน มีเพียงมือข้างเดียวที่ค้ำไว้บนหิมะจึงไม่ล้มลงบนพื้น ดวงตาแดงก่ำ หวนคิดถึงฤดูหนาวเมื่อหลายปีก่อน กู้อ้าวเวยสวมชุดเสื้อผ้าตัวบางคุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะ ขอร้องอยู่อย่างขมขื่นผ่านบานหน้าต่างบานหนึ่งกั้นไว้
ตอนนั้น ภัยพิบัติตระกูลหยุน เขาเป็นคนวางแผนด้วยมือตัวเอง
ตอนนี้ก็เป็นเขาที่วางแผนด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้คนที่คุกเข่ากลายเป็นเขา คนที่ลังเล กลับกลายเป็นกู้อ้าวเวย
บุญคุณความแค้นต้องทดแทน เป็นเช่นนี้นี่เอง
เลือดเต็มปากที่อดกลั้นไว้ เขายืดหลังตรงคุกเข่า ไม่ขยับเขยื้อนอีก
มองไปไกลๆผ่านช่องว่าง หยูนซียังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนที่ผ่านมา แล้วก็ล้มนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง
ยู่จุนไม่สนใจกับความบ้าคลั่งของนาง ตั้งใจตรวจชีพจรให้กับคนที่อยู่บนเตียงอยู่หลายครั้ง แม้แต่ความชอบกับความคาดหวังสูตรยาอายุวัฒนะ ก็มีความสับสนเล็กน้อย
ชีพจรอ่อน เป็นชีพจรของคนที่กำลังใกล้จะตาย แต่ก็ไม่เห็นมีสีหน้าที่ดูสดใสก่อนที่จะตาย แต่ก็ไม่เห็นนางมีอาการหายใจไม่ออก หายใจลำบากเหมือนคนกำลังจะตาย กลับนอกจากร่างกายค่อนข้างอ่อนแอแล้ว ก็ไม่มีอาการถึงขั้นใกล้เสียชีวิตพวกนี้เลย
ไม่เคยเจอกับชีพจรเช่นนี้เลย ดวงตาของยู่จุนฉายแววลังเล แต่ก็ยังอยากที่จะขุดคุ้ยเอาสิ่งที่ร่ำเรียนทั้งหมดมานานหลายปี เอาสูตรยาอายุวัฒนะมาครอบครอง
ลมหิมะด้านนอกประตูยิ่งแรง เป็นถึงท่านอ๋องคนหนึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะ และก็ไม่มีใครกล้าไปพูดโน้มน้าว
รอถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ไม่มีรุ่งอรุณที่ขอบฟ้าอีกต่อไป มีเพียงสีดำอืมครึมภายใต้พายุหิมะ พวกขันทีนางกำนัลช่วงเช้า กลับมองเห็นสองร่างที่ลานอย่างไกลๆ….สีดำขึงขังไปทั้งหมด
กู้อ้าวเวยสวมชุดดำเหมือนกัน มีเพียงขนสีดำของจิ้งจอกสีเงินบนไหล่เท่านั้นที่ถูกพันไว้รอบกาย ตอนนี้ได้ยืนอยู่ตรงหน้าซ่านจินจื๋อ จ้องมองดูเขาอยู่เนิ่นนาน จนปลายนิ้วมือแดงเพราะความหนาว ปลายหูที่แดงอยู่แล้ว ช้ำจนเกิดอาการบวมเป็นน้ำเหลือง กลับไม่มีความรู้สึกอะไร
คนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า เกือบครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเป็นชั้นๆ ไม่ขยับเขยื้อนมาหนึ่งวันหนึ่งคืน แม้แต่อาหารที่อยู่ด้านข้างมือก็เย็นจนแข็ง
ในขณะที่ซ่านจินจื๋อกำลังจะยกมือขึ้น กู้อ้าวเวยค่อยพูดขึ้นว่า
“การกระทำเช่นนี้ของเจ้า เป็นการชดเชยที่ข้าคุกเข่าในตอนนั้นหรือ?”
การกระทำหยุดชะงัก ซ่านจินจื๋อชักมือกลับ หิมะที่อยู่บนไหล่ก็ร่วงตกลงมา
“ถือเป็นข้าชดเชยที่กระทำไปในตอนนั้น”
กู้อ้าวเวยกำมือแน่น สุดท้ายแล้วก็คลายออก ปล่อยให้นิ้วเรียวยาวสองสามนิ้วพันเกี่ยวกันจับตรงมุมของเสื้อผ้า จากนั้นก็ถอดสายเชือกสีแดงออกจากข้อมือ โยนไปที่มือของซ่านจินจื๋อ พร้อมพูดว่า “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าจนเท้าทั้งคู่เสียหาย จะกลายเป็นภาระให้ศิษย์ของข้ามารักษาในภายหน้า…”
“เจ้าช่วยข้ารักษาไม่ได้หรือ?”ในใจซ่านจินจื๋อเย็นเฉียบ รีบยกมือขึ้นดึงมือของนางไว้
ทั้งๆที่นางออกมาจากตำหนักที่อบอุ่นเหมือนดั่งฤดูใบไม้ผลิ แต่มือกลับเย็นเฉียบอย่างมาก
คนที่ถูกกระชากจนแทบล้ม กลับไม่หันหน้ากลับมา แกะมือของเขาออกทีละนิ้ว พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “หากยู่จุนเทียบกับข้าได้ ปริศนายาอายุวัฒนะนี้ ก็ไม่ใช่ข้าที่จะสามารถแก้ได้แล้ว”
“หรือว่าไม่มี…..”
“เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ข้ากับเจ้าจะสามารถควบคุมได้แล้ว”
สะบัดมือซ่านจินจื๋อออก แล้วกู้อ้าวเวยก็เดินกลับเข้าไปในตำหนัก มองดูยู่จุนที่กำลังเล่นอยู่กับอี้จื๋อ ตลอดจนด้านข้างเตียงล้อมรอบเต็มไปด้วยนางกำนัล หนังเพียงแค่กำนิ้วมือตนเองไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ
นิ้วมืออ่อนนุ่มของเด็กน้อยกำลังถูกยู่จุนจับเล่นอยู่บนฝ่ามือ นางเอนพิงอยู่บนหมอนนุ่มเป็นชั้นๆ หัวเราะพร้อมพูดว่า “เป็นคู่รักกันจริงๆ เขาทำกับลูกของพวกเจ้าถึงขนาดนี้แล้ว ยังทนได้อีกหรือ?”
กู้อ้าวเวยเงียบ เพียงแค่เดินไปตรงข้างโต๊ะ มองไปที่ปากกาหมึกกระดาษและหินหมึกที่มีพร้อม แล้วก็ยกมือเขียนสูตรยาที่สมบูรณ์ลงไป สุดท้ายแล้วก็มองดูนางกำนัลคนนั้น เอาสูตรยาที่เขียนเดินไปตรงหน้ายู่จุน
สูตรยาอันนี้ ความจริงแล้วเป็นเพียงยาสมุนไพรที่กู้อ้าวเวยทานตลอดหลายปีมานี้ ส่วนปริมาณในนั้น นางล้วนจำได้ขึ้นใจ และยังได้เขียนตัวยาสมุนไพรหลายอย่างที่อาจสามารถได้ใช้
ยู่จุนรู้สึกว่าสูตรยานี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “นี่คือสูตรยาอายุวัฒนะหรือ?”
“ข้าไม่รู้ว่าที่ตนเองเป็นเช่นนี้เป็นยาอายุวัฒนะ หรือมีชีวิตรอดไปวันๆ” มุมปากกู้อ้าวเวยอมยิ้ม ความสุขเศร้าภายในดวงตาคู่สวยทั้งหมดมลายหายสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าอย่าง ไม่มีความเกรงกลัว มองดูยู่จุนด้วยสีหน้าอมยิ้ม พร้อมพูดว่า “จะอยากได้ยาอายุวัฒนะไปทำอะไร ดื่มยาสักสองสามอย่าง แล้วร่างกายสามารถต้านทานยาพิษได้ทุกอย่างไม่ดีกว่าหรือ”
ดวงตายู่จุนฉายแววตกตะลึง จากนั้นก็พยายามควบคุมตนเองปกปิดอาการไว้
กู้อ้าวเวยก็พูดขึ้นต่ออีกว่า “ราชวงศ์ตระกูลซ่าน ทำร้ายผู้คนไว้อย่างมาก ตอนนี้เห็นที ตระกูลหยุนตระกูลยู่สั่งสมความแค้นมายาวนาน ค้นคว้ายาพิษมาเป็นร้อยปี กลับก็ไม่ใช่คนดีอะไร ตอนนี้เจ้าใช้ชีวิตของอี้จื๋อมาบีบบังคับ ให้ซ่านจินจื๋อเลือก ต่อมาก็หาวิธีการกระตุ้นให้ไม่ลงรอยกัน เพื่อให้ข้าเชื่อฟังพวกเจ้าหรือ?”
ดวงตาประกายงดงาม กู้อ้าวเวยเคาะปลายนิ้วมืออยู่บนโต๊ะ จนส่งเสียงดัง
ช่องว่างระหว่างหน้าต่างกับตรงหน้าโต๊ะหนังสือนี้ สามารถมองเห็นซ่านจินจื๋อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะ ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่อย่างไกลๆ นิ้วมือของกู้อ้าวเวยเคาะเสียงเร่งรีบขึ้น
ยู่จุนมองดูเห็นทุกอย่าง กลับพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “เจ้าฉลาดขนาดนี้ ไม่เคยสงสัยเลยหรือว่า จุดประสงค์ของแม่ของเจ้าในตอนนั้นเป็นยังไง?”
ได้คำตอบมาอย่างไม่คาดคิด
กู้อ้าวเวยหายใจติดขัด มองดูยู่จุนด้วยสีหน้าตกตะลึง นิ้วมือที่เคาะบนโต๊ะส่งเสียงดังกระแทกหู
“เป็นไปไม่ได้”
“หากเจ้าไม่เชื่อ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้?” ยู่จุนหัวเราะเยาะ อุ้มอี้จื๋อยกให้กับแม่นมด้านข้าง แล้วก็สั่งคนเขียนสูตรยาขึ้นมาฉบับหนึ่งแล้วนำไปให้หยูนซี พร้อมพูดว่า “เรามีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“ยายของข้า กลับยายของแม่เจ้า เป็นคนคนเดียวกัน ตามหลักแล้วข้าควรที่จะเรียกนางว่าพี่สาว เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าน้ายู่ ตอนที่พวกเรายังเด็กล้วนเติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของยาย แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นแม่ของข้า หรือว่าแม่ของหยุนหว่าน สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเล่ห์กลของตระกูลซ่าน” น้ำเสียงของยู่จุนดังขึ้น พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เพราะพวกนางสองพี่น้องต่างก็มีฝีมือที่ยอดเยี่ยม ตระกูลซ่านจึงเรียกพวกนางไปคิดค้นยาอายุวัฒนะ เข้าวังไปกว่าสิบปีโดยที่ไม่มีใครรู้ รอเมื่อข้ากับหยุนหว่านเติบโต กลับรู้ว่า ตอนนั้นพวกนางสองคนไม่สามารถทำตามความหวังของฮ่องเต้ได้ ไม่เพียงต้องตายไปกับฮ่องเต้ชั่วนั่น ยังไม่ให้ถูกนำไปฝัง เพียงแค่มัดหอไว้แล้วก็โยนทิ้ง….”
“สุดท้าย เมื่อพวกเรากลับไปถึงบ้านแล้วค่อยรู้ว่า ตระกูลหยุนตระกูลยู่ แม้ว่าจะอยู่ห่างกันหลายพันไมล์ก็ตาม แต่สุสานกลับเป็นพิษไฟจากฟ้าในตอนนั้น รอถึงวันหนึ่ง ให้โลกนี้กลับมาเหมือนเดิม” ดวงตายู่จุนเต็มไปด้วยเส้นเลือด น้ำเสียงก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงแหลมว่า “แต่พิษไฟจากฟ้านี้แปลกประหลาด สามารถถอนพิษได้แต่ก็ยังไม่หายขาด”
“ทำให้ ยาอายุวัฒนะของเจ้านี้ เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้พวกเราอยู่รอดจากความสับสนวุ่นวายนี้”