บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1123
บทที่ 1123 ปกป้องนางไปตลอด
ไม่ออกจากบ้านและก็ไม่พบใคร อี้จื๋อควรที่จะส่งมอบให้กับซ่านจินจื๋อเป็นคนดูแลด้วยตัวเอง แม้แต่แม่นมก็ยังไม่ให้ไปยุ่งด้วย
ยู่จุนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากู้อ้าวเวยคิดยังไงกับซ่านจินจื๋อ เพียงแค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่จวนองค์ชายสามกับจวนอ๋องจิ้ง ส่งของแปลกประหลาดมาตลอด เอาใจหมอเทพแคว้นชางหลาน ภายใต้สายตาของฮ่องเต้
เดิมพวกเหล่าขุนนางอยากอ้างเรื่องนี้มาฟ้อง และยังอยากให้ลูกชายของตงฟางฮองเฮามาเป็นองค์ชายรัชทายาท
กลับถูกซ่านต้วนโฉงเชือดไก่ให้ลิงดู บอกว่าตอนนี้ภัยพิบัติฤดูหนาวยังไม่จบสิ้น พวกขุนนางกลับรู้จักแต่เล่นอำนาจ แปลกใจกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาท ขุนนางคนสำคัญสองคนตักเตือนอย่างตรงไปตรงมา กลับถูกตำหนิ ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก แล้วก็ส่งไส้ศึกทั้งหมดเข้าไปในวัง อยากที่จะรู้ว่าหมอเทพคนนี้เป็นใครกันแน่
เทียบกับด้านนอกที่ระมัดระวัง
กู้อ้าวเวยที่อยู่ในตำหนัก กลับอยู่อย่างปกติสุข ดื่มยาที่ยู่จุนส่งมาให้จนหมด วันปกติตนเองก็ไม่อ่านหนังสือคิดค้นยา นั่งอยู่ในตำหนักกับหยูนซี แล้วก็ถามถึงเรื่องที่ผ่านมาของแม่ตนเองในตอนนั้น ต่อให้เห็นซ่านจินจื๋อกับซ่านเซิ่งหาน ก็มีเพียงแววตาที่เยือกเย็นที่บ่งบอกถึงการทักทาย
ในวันที่หิมะหยุดตก ยู่จุนที่สวมด้วยชุดสวยงดงามก้าวเข้ามาภายในห้องของกู้อ้าวเวย
“คนที่ลองยา ตลอดจนคนนำยา ล้วนเตรียมไว้พร้อมแล้ว เจ้าจะไปดูไหม?”
ยู่จุนมาอย่างตื่นเต้นดีใจ คงรอวันนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว
“ใคร?”กู้อ้าวเวยเพียงแค่รู้สึกแปลก ข้อมือถูกยู่จุนจับไว้ อยากที่จะดึงนางขึ้นมา นางกลับจำไม่ได้ว่าสูตรยาที่ตนเองเขียนนั้น ส่วนมากล้วนเป็นยาพิษที่หาได้ยาก แล้วจะมีคนนำยาได้อย่างไร?
“ซ่านต้วนเฟิงลองยา กู้เฉิงเป็นคนนำยา”
พูดจาอย่างรวดเร็ว แววตาที่ตื่นเต้นของยู่จุนยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ดึงพานางไปด้วยฝีเท้าค่อนข้างเร่งรีบ กู้อ้าวเวยเดินโซซัดโซเซไปสองสามก้าวแล้ววิ่งออกไปพร้อมกับนาง แสงพราวทิ่มแทงดวงตา เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ฝีเท้าหนักมากขึ้น กระทบพื้นอย่างแรง และมือข้างนั้นก็ถูกสะบัดออกอย่างแรง ยกมือขึ้นมาปิดตาทั้งคู่ไว้
ยู่จุนหันมามอง ดอกไม้ที่บอบบางเบ่งบานอยู่ใต้กระโปรงของนาง
“ข้าเป็นคนบอกกู้เฉิง หากเขาอยากที่จะให้ซ่านต้วนเฟิงมีชีวิตฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ ก็ให้มอบกระดูกของเขาไป แต่ข้าจะไม่เอาชีวิตของเขา จะเก็บเขาไว้เพื่อขอขมาหยุนหว่าน”
ยู่จุนหัวเราะขึ้นมาอย่างกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
แผนการชั่วประสบความสำเร็จ ประโยคนี้ฟังดูแล้ว เหมือนเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับกู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยเพียงแค่เช็ดประกายระยิบระยับออกไปจากมุมดวงตาเนื่องจากแสงแดดที่สาดส่อง หรี่ตามองดูนางพร้อมพูดว่า “กู้เฉิงกับซ่านต้วนเฟิงจะเชื่อเจ้าหรือ?”
“ซ่านต้วนเฟิงเชื่อมั่นในตัวซ่านต้วนโฉงอย่างมาก”
ยู่จุนหัวเราะเยาะ เดินเข้ามาดึงมือกู้อ้าวเวยไว้ จับนางไว้ด้วยแรงที่ไม่สามารถสะบัดออกได้ พวกองครักษ์ด้านข้างต่างก็ตามมา กู้อ้าวเวยทำได้เพียงมองไปที่ผู้ชายที่ตามมาอยู่ไม่ไกลผ่านท่ามกลางผู้คนมากมาย ได้กลับมาคือสายตาที่ไม่แยแส
ท่าทีเฉยเมยของซ่านจินจื๋อ เหมือนเขารู้ผลก่อนที่จะเกิดเรื่องพวกนี้แต่แรกแล้ว
แต่นางกลับยังมองสถานการณ์ไม่ออก
ทั้งๆที่เมื่อก่อนซ่านต้วนโฉงไม่ได้ชอบซ่านต้วนเฟิงลูกชายคนนี้เลย บวกกับซ่านต้วนเฟิงถึงขึ้นร่วมมือกับกู้เฉิงคนทรยศชาติเพื่อยึดบัลลังก์ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจวนองค์ชายเก้าเป็นเพียงสถานที่เปลี่ยนตัว ซ่านต้วนเฟิงตัวจริงตายเพราะพิษถุงน้ำดีหงส์แต่แรกแล้ว
ตอนนี้กลับรู้ว่าเขาไม่เพียงยังมีชีวิตอยู่ ยังกลับมาเชื่อมั่นในตัวซ่านต้วนโฉงพ่อของตนเอง
“เจ้าอยากรู้ว่าเพราะอะไรไหม?”ยู่จุนหยุดฝีเท้าลง แล้วยิ้มถามเขา
“ไม่จำเป็นต้องบอกให้รู้” กู้อ้าวเวยตอบอย่างเด็ดขาด ยกมือแกะนิ้วมือของยู่จุนออกข้อมือของตนทีละนิ้ว พร้อมพูดต่อว่า “ข้าสู้พวกเจ้าไม่ได้ ขอเป็นหมากที่เชื่อฟังอย่างเดียวก็พอ”
“จากที่ได้ฟังเรื่องราวของเจ้ามา เจ้าไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ”ยู่จุนปล่อยมือ แล้วก็บีบนวดปลายนิ้วเบาๆ
หลังจากนั้นสักพัก ก็ยังไม่ได้คำตอบใดใดจากกู้อ้าวเวย จึงต้องปล่อยไปเลยตามเลย
ช่วงที่หิมะละลายเป็นช่วงที่หนาวกว่าปกติ กู้อ้าวเวยรวบเสื้อคลุมขนมิงค์แล้วก็เข้าไปในรถม้า ถนนในเมืองเทียนเหยียนเงียบสงัด นางเพียงแค่เปิดม่านรถออก มองดูทางด้านจวนอ๋องจงผิงอย่างไกลๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกลูกๆยังอยู่ในจวนอ๋องจงผิงจริงหรือเปล่า
ยู่จุนที่อยู่ด้านข้างกลับดึงม่านลง พร้อมพูดว่า “ข้าแปลกใจ ตอนนั้นซูพ่านเอ๋อทำกับเจ้าถึงขนาดนั้น ตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมาแล้วได้ยินเรื่องพวกนี้บางส่วนก็รู้สึกเกลียดชังอย่างมาก ทำไมเจ้าถึงกลับไม่ฆ่านาง?”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”กู้อ้าวเวยเอามือลง วางไว้บนเข่าเบาๆ แล้วหลับตาเงียบ
“ไม่เกี่ยวได้อย่างไร จุ้ยเวี่ยนหนึ่งในสูตรยาของเจ้านั้น มีเพียงในมือของเมี่ยวหารที่ยังมีหนึ่งชุด” ยู่จุนขึ้นอย่างเรียบเฉย มองดูปลายนิ้วที่สั่นเทาของกู้อ้าวเวยอย่างไม่แปลกใจ พร้อมกับพูดตอบไปว่า “ตอนนั้นเมี่ยวหารไหว้เป็นลูกศิษย์ตระกูลหยุน ผู้อาวุโสในตอนนั้นดูเหมือนจะรู้อะไรบ้าง ใช้เวลาสองปีในการค้นหาจนได้จุ้ยเวี่ยนมาหนึ่งชุด สุดท้ายกลับยกให้เมี่ยวหารเฉยๆ ตอนนี้ข้าฟื้นแล้ว อย่างแรกก็คือต้องการจุ้ยเวี่ยนในมุมของเขา อย่างที่สองก็คืออยากถามเจ้า ว่าต้องการให้ข้าแก้แค้นแทนเจ้าไหม?”
เรื่องพวกนี้ นางก็ไม่เคยได้ยิน
กู้อ้าวเวยกลับเพียงแค่อ้าปากหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงดีกับข้าเช่นนี้?”
“แผ่นดินกว้างใหญ่ คนมีมากมาย แต่คนระหว่างสองตระกูลของพวกเรา รวมกันแล้วก็มีเพียงหลักร้อยพัน” ยู่จุนหัวเราะ นิ้วมือลูบสัมผัสใบหน้าของกู้อ้าวเวย ปัดไรผมให้กับนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้าเกลียดแผ่นดินที่สงบสุขไม่รู้จักการแก้แค้น แต่มีความสุขกับความสุขและความโกรธของคนตระกูลเดียวกัน เดิมเราควรที่จะได้เป็นคนที่อยู่เหนือคน ทำไมตอนนี้ถึงต้องมายอมอยู่ภายใต้อำนาจคนอื่น ภายใต้การคุมขัง คนอื่นจะเอาไปทำอะไรก็ได้?”
“ข้าเพียงแค่รู้สึกว่า ผู้หญิงตระกูลยู่ตระกูลหยุนต่างล้วนมากความ”กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วยกมือจับข้อมือยู่จุน
ทำไมยู่จุนถึงชอบใช้มือไม้แตะต้องคนอื่น อารมณ์ภายในสายตายิ่งทำให้นางมองไม่ออก
ไม่รู้ว่านางมองเห็นตนเองเป็นใคร
ยู่จุนวางมือลงอย่างได้สติขึ้นมา อมยิ้มแล้วก็กลับไปนั่งที่เดิม
รถม้าสั่นสะเทือนไปมา เสียงกีบม้านอกรถดังอย่างเป็นจังหวะ ข้างหูกู้อ้าวเวยได้ยินเสียงขันทีเคาะก้อนน้ำแข็งอีกครั้ง ท้องไส้ปั่นป่วน ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะกระชับเสื้อที่หน้าอกของนางไว้
“หยุดรถ”เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
สีหน้ายู่จุนที่เพิ่งสั่งให้หยุดรถเปลี่ยนไป เปิดม่านมองออกไปด้านนอก
บนถนนที่ว่างเปล่า คนหนึ่งคนและม้าหนึ่งตัวยืนอยู่ตรงกลาง ขวางอยู่ตรงหน้ารถม้า
หลังจากซ่านเชียนหยวนพูดสองคำนี้ออกมา ก็เพียงแค่ดึงบังเหียนและวนอยู่ไปมาบนถนน พวกซ่านจินจื๋อที่ตามรถม้ามาติดๆก็ขี่ม้ายืนอยู่ด้านหน้า อาหลานทั้งสองคนต่างก็สวมชุดดำ ปาดหน้าอยู่กลางถนน
ม้าที่เขาขี่เดินด้วยกีบไปสองก้าว ซ่านเชียนหยวนกระชับบังเหียนไว้แน่น มองดูกลุ่มทหารชุดดำที่อยู่ตรงหน้าฉัน แล้วก็มองดูดวงตาคู่นั้นที่ยื่นออกมาจากภายในรถม้า จึงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ายังสบายดีไหม?”
“ยังสบายดี”กู้อ้าวเวยมองดูเขา แล้วก็ยิ้มขึ้นมา
ตอนนั้นตอนที่อยู่ในจวนอ๋องจิ้ง ซ่านเชียนหยวนก็คอยปกป้องนางเช่นนี้
ตอนนี้เวลาผ่านไปแล้ว เขาก็ยังคงคอยปกป้องนาง