บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1128
บทที่ 1128 ทางเลือกที่สิ้นหวัง
พายุหิมะกลับมาอีกครั้ง ในใจผู้คนต่างก็หวาดหวั่น
สิ่งผิดปกติมากมายที่เกิดขึ้นในหลายปีมานี้ ล้วนเป็นความไม่มงคลของแคว้นชางหลาน ตอนที่ซ่านเชียนหยวนควบม้ากลับมา พวกประชาชนต่างก็หลีกทางให้เขา ยังมีคนแอบพูดคุยกันว่า “สิ่งผิดปกติในแคว้นชางหลาน ล้วนเป็นเพราะองค์จักรพรรดิไร้คุณธรรม”
หากเป็นเวลาปกติ ซ่านเชียนหยวนจะต้องสั่งคนลงโทษคนที่พูดจาเช่นนี้แน่ แต่เวลานี้ได้รู้ถึงการกระทำมากมายของเสด็จพ่อเสด็จอา ตลอดจนพวกเสด็จพี่ เขาจึงลงโทษพวกประชาชนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวพวกนี้ไม่ลง ทำได้เพียงปล่อยไปอย่างโกรธเคือง เส้นทางที่กว้างขวางแล้วก็ควบม้าวิ่งผ่านไป มาหยุดตรงหน้าประตูจวนองค์ชายสาม
หน้าประตูจวนองค์ชายสามมีรถม้าจอดอยู่กว่าสิบคัน พวกคนใช้ภายในจวนช่วยกันขนกล่องไม้ลงมาจากรถมา ถนนตรงหน้าทุกคนของซ่านเซิ่งหานเก็บกวาดจนสะอาด เห็นซ่านเชียนหยวนมาก็หลีกทางให้ พร้อมพูดว่า “ท่านอ๋องมีคำสั่ง หากเสด็จอ๋องจงผิงมา ให้ผ่านไปได้”
“บนรถม้านี้มีสิ่งของอะไร แล้วจะขนไปที่ไหน?”
ซ่านเชียนหยวนผ่อนฝีเท้าเดินไปข้างหน้า เมื่อผ่านตรงรถมาก็โดดลงมาจากหลังม้า กำลังจะเปิดม่านบนรถม้านั้นดู…..
“พวกนี้เป็นลูกเอ่อตันแดง ที่เสด็จพ่อต้องการ ยังไม่เน่าเสียไปทั้งหมด หากน้องสี่กล้าแตะต้อง ก็ไม่เป็นไร”ซ่านเซิ่งหานดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ลูกเอ่อตันแดง”ซ่านเชียนหยวนร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อหันกลับมากลับพบว่าด้านข้างซ่านเซิ่งหานมีคนอีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย
หลายปีมานี้ซ่านเชียนหยวนสนิทสนมกับฉีหรัว แค่เห็นก็รู้แล้วว่าคนคนนี้คือลูกชายร้านชาตระกูลฉาง ที่ค้าขายอยู่ข้างนอกมานานหลายปี เป็นหนึ่งในน้องชายฉางอีฉิน ได้ยินมาว่าเดินทางไปทั่วทุกทิศ กลับมาน้อยครั้งมาก
ยังไงก็เห็นว่าเป็นคนนอก ซ่านเชียนหยวนครุ่นคิดอยู่ในใจ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “เสด็จพี่สาม ในเมื่อมีคนนอกอยู่ หรือ…”
“เขาเป็นคนของเสด็จพ่อที่ทำงานให้กับตระกูลยู่ มีเพียงเขาคนเดียว ที่รู้เบื้องหลังของลูกเอ่อตันแดง ตลอดจนตำแหน่งสุสานของลูกศิษย์ตระกูลหยุนอย่างดีที่สุด”ซ่านเซิ่งหานยกมือบ่งบอกให้คุณชายตระกูลฉางออกไปก่อน พร้อมกับส่งสายตาให้กับบ่าวด้านข้าง
ในใจซ่านเชียนหยวนโกรธอย่างมาก แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางที่จะใช้ไฟเผาทุกอย่างบนรถม้าให้เกลี้ยงได้ ทำได้เพียงกำหมัดแน่นแล้วก็เดินเข้าไปคุยกับซ่านเซิ่งหานในจวน แต่ที่ตรงนี้ เขาก็ได้เห็นฉางอีฉินพิงอยู่ด้านข้างเก้าอี้ยาวอย่างสติฟั่นเฟือน เยว่โน้มตัวดึงนางไว้ เมื่อเห็นซ่านเชียนหยวนก็เพียงแค่พยักหัวทำความเคารพ
เดิมซ่านเชียนหยวนยังอยากถามเรื่องฮองเฮา เวลานี้กลับยืนนิ่งอยู่กับที่ และพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้สามเป็น….”
“นางรู้เรื่องการค้าขายของตระกูลฉางมานานหลายปี และรู้ว่าหัวใจของข้าเป็นของคนอื่น จึงคิดจะฆ่าข้าเพื่อระบายความแค้น ข้าเห็นแก่ความที่เป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี จึงให้นางกินลูกเอ่อตันแดงไปบ้างก็เท่านั้น” ซ่านเซิ่งหานนั่งลงอย่างเฉยเมย รินน้ำชาแล้วยื่นให้กับซ่านเชียนหยวน พร้อมพูดว่า “ตอนนั้นที่ข้าอภิเษกกับฉางอีฉิน เพราะเป็นคำสั่งเสด็จพ่อ”
พูดแบบนี้ ที่เสด็จพ่อทำเช่นนี้ เป็นการช่วยยู่จุนแย่งแคว้นชางหลานไปจากตระกูลซ่านหรือ?
“ผืนแผ่นดินที่ตระกูลซ่านสู้รบมานานหลายปีกว่าจะได้มา ด้วยเหตุที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแล้วจะยกให้กับคนอื่นอย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ข้ากับเจ้าจะสามารถตัดสินใจ ฮ่องเต้ตระกูลซ่านพากเพียรมานานหลายปี เส้นทางลับไม่ได้มีเพียงตำบลเหยสุ่ย ถึงข้ากับเสด็จอาจะมีอำนาจทหารอยู่ในมือ แต่จะให้เลือดนองเมืองเทียนเหยียน เกิดภัยพิบัติอย่างไม่สิ้นสุดไม่ได้” นิ้วมือซ่านเซิ่งหานเคาะอยู่บนโต๊ะ เสียงดังกระทบหัวใจของซ่านเชียนหยวน แล้วพูดขึ้นว่า “และเรื่องนี้ ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่ข้ากับเจ้าคิดเท่านั้น…..”
“พวกเจ้าก็รู้จักแต่พูดเป็นปริศนา” ซ่านเชียนหยวนตบโต๊ะพร้อมลุกขึ้นอย่างปวดหัว แล้วก็มองดูฉางอีฉินที่พูดอู้อี้อยู่บนพื้น ทำให้ยิ่งปวดหัว และพูดขึ้นว่า “เปลี่ยนแปลงราชวงศ์อะไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า แต่ลูกเอ่อตันแดงนี้เป็นยาพิษ หาก…..”
“หากเจ้าเป็นกังวลเรื่องนี้ ก็พานางไปหาหมอช่วยถอนพิษได้เลย”
……
“เจ้าพากลับมาจริงๆหรือ?”
ดวงตาคู่สวยของฉีหรัวเบิกโต ยกมือรับตัวฉางอีฉินมาจากซ่านเชียนหยวน รู้สึกได้ถึงร่างกายฉางอีฉินสั่นเทาไม่หยุด จึงลูบหลังให้กับนางด้วยสัญชาตญาณ แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมองดูซ่านเชียนหยวน พร้อมถามว่า “เจ้ารู้มั้ยว่าลูกเอ่อตันแดงพวกนั้นถูกส่งไปที่ไหน?”
“ก่อนจะกลับมาข้าตามไปดูแล้ว รถม้าพวกนั้นมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ อาศัยชื่อร้านชาตระกูลฉางขนไปจากเมืองเทียนเหยียน”พูดเสร็จ ซ่านเชียนหยวนกับฉีหรัวมองตากัน สีหน้าต่างก็แสดงท่าทีสงสัย
เดิมลูกเอ่อตันแดงชอบอากาศแคว้นเอ่อตัน แต่ในแคว้นชางหลานไม่เพียงพบเห็นน้อย ตอนนี้ยังเป็นช่วงฤดูหนาวหิมะตก คิดว่าลูกเอ่อตันแดงพวกนั้นน่าจะเก็บไว้ได้ไม่นาน
หากบอกว่าขนลูกเอ่อตันแดงมายังเมืองเทียนเหยียน จากที่ไหนก็ว่าไปอย่าง
ตอนนี้กลับสามารถปลูกในเมืองที่ที่เลี้ยงยาก แล้วก็ส่งไปยังเมืองที่ปลูกได้ง่าย และยังกระทำอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ กลางวันแสดๆแบบนี้ไม่กลัวพวกขุนนางรู้หรือ มันกลับกันกับความเป็นน่าจะเป็น
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยจริงๆ
“ไปตามจางเหยียงซานมาก่อนเถอะ หากองค์ชายสามต้องการที่จะบอกอะไรพวกเรา อาจจะสามารถรู้ได้จากปากของคุณหนูฉาง”
ฉีหรัวประคองฉางอีฉินเข้าไปข้างใน ซ่านเชียนหยวนค้นหายาถอนพิษที่กุ่ยเม่ยให้ไว้ก่อนไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เดินตามฉีหรัวไปอย่างระมัดระวัง กลัวว่าพิษนี้จะสามารถติดเชื้อกันได้
จางเหยียงซานมาอย่างเร่งรีบ เมื่อจับดูชีพจรแล้วก็รู้ถึงความผิดปกติ จึงพูดขึ้นว่า “พิษในกายฮูหยินคือพิษจากลูกเอ่อตันแดงจริง และทานอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ตามปริมาณของพิษแล้วนางน่าจะสิ้นใจนานแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมาก คิดว่าน่าจะมีคนให้ทานยาถอนพิษ…”
“ให้นางทานยาพิษ แล้วก็ช่วยนางถอนยาพิษ นี่เป็นหลักการอะไรกัน?”ซ่านเชียนหยวนคิดไม่ออก
ฉีหรัวลูบปลายคางอยู่อย่างเคร่งเครียด สักพักแล้วค่อยพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “คนหมู่ตึกเป็นคนค้นเจอยาอายุวัฒนะ องค์ชายสามทำเช่นนี้ เป็นการใช้ฮูหยินของตนลองยาถอนพิษ”
“ถอนพิษแล้วคนอื่นก็จะต้องรู้ หากมีคนวางยาพิษลูกเอ่อตันแดงให้กับฮูหยินจริง ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าหลายปีมานี้ฮูหยินถูกถอนพิษแล้ว แต่ไม่ถี่มาก ทำไห้ฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้”จางเหยียงซานส่ายหัว หมออย่างเขาแค่จับชีพจรก็ยังรู้แล้ว นับประสาอะไรกับคนที่อยู่เบื้องหลัง
พวกเขาต่างตกอยู่ในความเงียบ หาไม่เจอเบาะแสอะไรอีก
ส่วนภายในจวนองค์ชายสาม ซ่านเซิ่งหานมองดูผู้หญิงที่เดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น พร้อมทั้งพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ยู่จุนไม่ได้เชื่อใจเจ้าทั้งหมด มาถึงตอนนี้เจ้าแอบวางยาแล้วก็ถอนพิษ ก็ยังสืบไม่รู้คนของนางทั้งหมด”
“ไม่ขจัดยาพิษนี้ จะเป็นภัยอย่างไม่สิ้นสุด” นางเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นอย่างเชื่องช้า ข้อมือที่บิดเบี้ยวถูกบิดจนส่งเสียงดัง นางกลับยิ้มแย้มพูดขึ้นว่า “สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ ก็คือหลังจากมีคำสั่งของยู่จุน แอบถอนยาพิษให้แล้วก็ดึงมาเป็นพวก ยาพิษการสังหารหมู่ที่แท้จริง ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าซ่อนอยู่ที่ไหน ไม่เพียงองค์ชายสามที่หาไม่เจอไม่ใช่หรือ?”
ซ่านเซิ่งหานกำถ้วยชาในมือไว้แน่น ส่ายหัวอย่างจริงจัง พร้อมพูดว่า “ตั้งนานหลายปีก็ยังไม่พบร่อยรอยแม้เพียงนิด ไม่รู้ว่าตระกูลฉางจงรักภักดีต่อตระกูลยู่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพื่อซ่อนยาพิษนี้ไว้ ถูกคนฆ่าญาติพี่น้องไปแล้วเท่าไหร่ ก็ยังไม่ยอมเปิดเผยออกมาแม้เพียงนิด”
“คนตระกุลฉางไม่ได้โง่” หยูนซีหัวเราะเยาะ พร้อมพูดว่า “หากไม่ใช่เพราะตระกูลซ่านของพวกเจ้าต้องการฆ่าล้างตระกูล พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องยึดมั่นป้ายทองสุดท้ายนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความตาย”