บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 113
ตอนที่113 ชีวิตมีค่าที่สุด
กลิ่นเลือดในสนามรบที่เจือจาง รวมทั้งกลิ่นอายของทะเลทรายสีทอง
แต่ตอนนี้ กลิ่นเลือดอันไม่พึงประสงค์ทำให้ซ่านเซียนหยวนพะอืดพะอม แต่กระนั้นก็ต้องยืนอยู่ข้างซ่านจินจื๋อ ยืนเฝ้ามองเลือดหยดลงจากข้อมือขาวไม่ขาดสาย
เมี่ยวหารเกรงว่าเลือดนี้จะแข็งตัวก่อนไหลลงสู่ถ้วย จึงขยายบาดแผลให้ใหญ่ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้แต่ใช้เล็บมือบีบ เพื่อให้เลือดไหลทะลักเร็วขึ้น
……หนึ่งหยด สองหยด…..
“เสด็จอา!ท่านเสียสติไปแล้ว!” ซ่านเซียนหยวนระงับอาการพะอืดพะอมไว้แล้วตะโกนเสียงดัง เขาอยากจะผลักออกซ่านจินจื๋อที่ยืนขวางไว้ แต่ก็โดนเฉิงซานล็อกเข้าที่แขน
“องค์ชายหกโปรดระงับอารมณ์ด้วย”เฉิงซานพูดด้วยความนอบน้อม”
“นางคือพระชายาของท่าน อีกทั้งเวลาปกติแล้วนางต้องทานยาบำรุงเลือด ท่านเห็นชีวิตนางไม่สำคัญใช่หรือไม่?” ซ่านเซียนหยวนพยายามบิดตัวออก แต่กลับยิ่งทำให้มีคนเข้ามาจับตัวเขามากขึ้น เขาตะโกนขึ้นว่า: “เสด็จอาที่ข้ารู้จักถึงจะเป็นคนเด็ดขาด แต่ไม่มีทางที่จะใช้เลือดของคนข้างกายมาทำเป็นตัวยา”
“ข้ายังเคยใช้เลือดจากอกนาง”ซ่านจินจื๋อพูดอย่างไม่แยแส”
ซ่านเซียนหยวนไม่เข้าใจการกระทำของซ่านจินจื๋อ แต่เขารู้สึกเหมือนถูกแช่อยู่ในน้ำแข็ง หนาวเย็นถึงกระดูก
แต่เมี่ยวหารก็ควรมีจิตเมตตาของหมอใหญ่บ้าง หลังจากเลือดหนึ่งถ้วย เขายังหยิบขวดหยกมารองเพิ่ม แล้วถึงได้ปิดแผลด้วยสมุนไพร จากนั้นถึงให้กุ่ยเม่ยทำการพันผ้าพันแผลให้: “ท่านอ๋อง ข้าขออนุญาตไปปรุงยาให้แม่นางพ่านเอ๋อ”
ซ่านจินจื๋อเพียงพยักหน้า จากนั้นเฉิงซานก็ปล่อยซ่านเซียนหยวน
ซ่านเซียนหยวนรีบวิ่งเข้าไปดูกุ่ยเม่ยที่กำลังทำการพันแผลให้กับนาง เห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของนาง เขาก็ค่อยๆพยุงนางขึ้น
“เจ้าชอบนาง?”ซ่านจินจื๋อจ้องที่เขา
“ข้าชอบนาง ก็เหมือนที่ข้าชอบเสด็จพี่!” ซ่านเซียนหยวนกระชับนางไว้ในอ้อมแขน แล้วจับจ้องซ่านจินจื๋อด้วยสายตาโกรธเคือง: “เพียงเพื่อช่วยซูพ่านเอ๋อร์เหตุใดท่านถึงกล้ากระทำเรื่องราวแบบนี้! หรือว่าท่านลืมเสด็จพี่แล้ว หวงเสด็จพี่คนที่เคยอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือท่านแก้ไขปัญหามากมาย! สุดท้ายแล้วนางได้รับผลตอบแทนอะไรบ้าง?
มันคือความทรงจำที่เจ็บปวด หายากที่ซ่านจินจื๋อจะเปิดเผยอาการที่เจ็บปวดออกมา
“นางเสียสละชีวิตเพื่อซูพ่านเอ๋อ ข้าจดจำได้ดี ดังนั้นข้าถึงได้เคารพซูพ่านเอ๋อ เพราะชีวิตของนางแลกมาด้วยชีวิตของเสด็จพี่ ณ ตอนนี้ ท่านยังจะต้องการให้พระชายาซ้ำลอยอย่างเสด็จพี่อีกหรือ!” ซ่านเซียนหยวนดวงตาแดงก่ำ เหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง
เสด็จพี่ซ่านหลิงเอ๋อร์นางตาบอดตั้งแต่เกิด ตอนเด็กเคยตามซ่านจินจื๋อเพื่อไปพักรักษาตัวระยะหนึ่งกับท่านอาจารย์ ยิ่งไปกว่านั้นในคืนที่ซูพ่านเอ๋อโดนรอบฆ่านางได้เข้าไปรับมีดแทนขณะที่อาการตนเองกำเริบ ทำให้ต้องเสียชีวิตลงหลังจากนั้น
จากวันนั้นเป็นต้นมา ซ่านเซียนหยวนรู้ดีว่าชีวิตของซูพ่านเอ๋อร์แลกมาด้วยชีวิตของพี่สาวตนเอง ดังนั้นเขาถึงได้เคารพนับถือซูพ่านเอ๋อ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกเคารพซูพ่านเอ๋อน้อยลง
“ท่านยังจดจำคำพูดสุดท้ายก่อนเสด็จพี่จะเสียชีวิตได้หรือไม่….…”
ความเจ็บปวดบนใบหน้าของซ่านจินจื๋อจางหายไป แล้วมองไปยังซ่านเซียนหยวน: “ดูแลนางให้ดี”
พูดเสร็จ เขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงซ่านเซียนหยวนที่รีบอุ้มกู้อ้าวเวยไว้ในอ้อมแขน แล้วนำนางไปวางไว้บนเตียง ท้องฟ้าข้างนอกนั้นมืดลงเล็กน้อย เหมือนวันเดียวกับที่ซ่านหลิงเอ๋อร์เสียชีวิต
ซ่านเซียนหยวนจดจำได้เสมอ วันนั้นซ่านหลิงเอ๋อร์ทำได้เพียงกุมมือเขาไว้ และเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนสิ้นลมว่า: “ชีวิต มีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด”
ซ่านเซียนหยวนรู้ดีว่า ซ่านหลิงเอ๋อร์ไม่เคยเสียใจที่ได้ช่วยซูพ่านเอ๋อร์
แต่ตอนนี้ กู้อ้าวเวยกำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง ลมหายใจอ่อนแรง และเมี่ยวหารหมอหนึ่งเดียวในตำหนักก็ไปดูแลรักษาซูพ่านเอ๋อตั้งแต่ต้น ซ่านจินจื๋อกลับทิ้งนางให้อยู่ในวิหารเฟิ่งหมิงไว้เพียงลำพัง
“กุ่ยเม่ย ไปยังจี้ซื่อถาง(ร้านขายยา)เรียนเชิญนายท่านเห้อจิ้นหล่างมา แล้วให้ชิงต้ายรีบกลับมา” ซ่านเซียนหยวนรับสั่งด้วยใบหน้านิ่งเงียบ กุ่ยเม่ยมองไปยังคนเจ็บบนเตียงเล็กน้อย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีไรน่าเป็นห่วงก็รีบรุดออกไปทันที
เพียงมือของกู้อ้าวเวยเย็นจนน่าเป็นห่วง
ซ่านเซียนหยวนนึกถึงครั้งหนึ่งสองมือของนางประคองเต็มไปด้วยพุทราจีน เห็ดหูหนูขาว รากบัวพร้อมยิ้มหัวเราะแล้วบอกว่ามันสามารถบำรุงเลือดได้ และยังเป็นสิ่งที่ซ่านเซียนหยวนโปรดปราน ดังนั้นทุกๆวันพวกเขาจะไปซื้อที่ร้านอาหาร ต่อมาถึงได้ยินจากปากของหยินเชี่ยวบอกว่า ในแต่ละวันนางได้จัดเตรียมอาหารบำรุงสำหรับตัวเองอีกมากมาย
เพียงเพราะนางรู้ตัวว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก เวลาทุกนาทีทุกวินาทีที่เหลือสั้นลงนางอดไม่ได้ที่หยุดลงเพื่อดูแลฟื้นฟูตัวเอง
เห้อจิ้นหล่างที่เร่งรีบมาถึงตื่นตกใจ ชิงต้ายผู้ที่ปกตินิ่งเงียบก็ตื่นตระหนกชั่วครู่หนึ่ง และกระตือรือร้นคอยให้ความสะดวกแก่เห้อจิ้นหล่าง
ถึงกระนั้น กู้อ้าวเวยไข้ขึ้นสูง เห้อจิ้นหล่างอาศัยอยู่ในจวนเป็นเวลาสองวันเพื่อดูแลรักษานาง ในที่สุดก็สามารถดึงนางกลับคืนมา แต่จนบัดนี้ซ่านจินจื๋อก็ไม่เคยย่างก้าวเข้ามาวิหารเฟิ่งหมิงเลย
ซ่านเซียนหยวนได้รู้จากคนในจวนว่า: “ท่านอ๋องอยู่กับแม่นางซูเสมอไม่เคยห่าง”
ในเรื่องนี้ ซ่านเซียนหยวนก็ไม่สนใจที่จะถาม เมื่อกลับถึงวิหาร พบว่ากู้อ้าวเวยนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง ใบหน้ายังคงซีดเซียว ชิงต้ายกำลังป้อนยานางทีละคำๆ
“มันขมมาก” กู้อ้าวเวยขยับหัวหนีด้วยความรังเกียจ ชิงต้ายบังคับดึงนางกลับมา แล้วป้อนเข้าปากนาง: “ขมเป็นยา แม่นางท่านก็เป็นหมอมิใช่หรือ เหตุใดถึงกลัวเรื่องแค่นี้”
หลังจากกลอกกลิ้งตาโตหนึ่งครั้ง กู้อ้าวเวยก็ต้องยอมรับชะตากรรม เห็นซ่านเซียนหยวนยืนอยู่ข้างประตู พลันร่างกายแข็งทื่อ เขากับซ่านจินจื๋อค่อนข้างคล้ายกัน จากนั้นรีบดึงสติกลับมา แล้วยกยิ้มให้กับเขา: “ได้ยินมาว่าเจ้าให้คนไปเชิญนายท่านเห้อมาที่นี่”
“อืม” ซ่านเซียนหยวนเดินเข้ามาพร้อมกับดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้างเตียง: “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ ก่อนหน้านั้นนายท่านเห้อบอกว่าเจ้าไม่ได้ดูแลร่างกายตัวเองเลย และยังเสียเลือดเป็นจำนวนมาก เลยทำให้เจ้าสลบไป”
กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ ข้อมือที่โดนกรีดเลือดออกยังไร้เรี่ยวแรงและสั่นตลอด นางซ่อนแขนข้างนั้นไว้: “ไม่มีอะไรเลย ข้าชินเสียแล้ว รอเมื่อข้าจัดการปัญหาจบข้าจะดูแลร่างกายอย่างดี”
ซ่านเซียนหยวนกับชิงต้ายทั้งสองสอบถามเรื่องราวอีกนิดหน่อย กู้อ้าวเวยก็ตอบด้วยรอยยิ้ม โดยไม่คิดอะไรและรีบไล่ทั้งสองออกไป: “อย่าได้ว่าข้าอีกเลย ถ้าจะตำหนิก็ตำหนิท่านอ๋อง ข้าต้องการนอนแล้ว”
ทั้งสองไม่มีทางเลือกนอกจากต้องออกไป
รอจนกระทั่งคืนที่เงียบสงบ กู้อ้าวเวยลุกขึ้นท่ามกลางความมืด และจุดเทียนขึ้นริมหน้าต่างก่อนจะกลับไปยังเตียง มือซ้ายประคองมือขวาที่อ่อนแรงพร้อมสั่นสะท้านไปทั้งตัว เหงื่อไหลซึมเปียกทั่วเสื้อผ้า
ความรู้สึกมึนๆงงๆเหมือนกำลังจะตาย
แต่ไม่มีใครรู้ คนที่บอกว่าอยู่เฝ้าซูพ่านเอ๋ออย่างท่านอ๋อง กำลังยืนอยู่หน้าวิหารเฟิ่งหมิงในเวลานี้ กำลังยืนชิดติดกำแพง ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้แผ่วเบาที่ออกมาจากในห้อง
กู้อ้าวเวยกลัวตาย กลัวตายยิ่งกว่าคนอื่นๆ
“บ้าจริงๆ เหตุใดถึงหลั่งน้ำตาได้” นางเร่งรีบเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าใส โดยที่ไม่รู้ว่ามีเงาดำที่ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกจากไปอย่างเงียบๆ
แต่เธอรู้ดี ว่าน้ำตาเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด