บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 1131
หิมะโปรยบินไปทั่วท้องฟ้า ยู่จุนคาดเดาไม่ผิดจริงๆ
มองดูเมื่อซ่านต้วนเฟิงฟื้นขึ้นมาแล้วร้องไห้ให้กับกู้เฉิงจนน้ำตากลายเป็นสายเลือด ยู่จุนก็รู้แล้วว่าฝีมือทางการแพทย์ของกู้อ้าวเวยไม่ใช่แค่ข่าวลือ หากเด็กผู้หญิงที่ไม่อยากอ่านหนังสือทางการแพทย์ตอนเด็กๆ เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ฉลาด งั้นกู้อ้าวเวยในสายตายู่จุนตอนนี้ ได้กลายเป็นคนที่ตระกูลหยุนจะขาดไม่ได้
ซ่านต้วนเฟิงร้องไห้ให้กับกู้เฉิงอย่างไม่หยุด กลับไม่ได้เห็นแม้แต่ศพของเขา
ตอนที่ยู่จุนตรวจชีพจรให้กับซ่านต้วนเฟิง ถึงแม้จะรู้สึกเพียงว่าร่างกายของซ่านต้วนเฟิงไม่ปกติอย่างมาก แต่พิษในร่างกายถูกถอนจนหมดแล้ว ไม่มีอันตรายต่อชีวิต มีชีวิตอยู่อย่างเรื่อยเหมือนกู้อ้าวเวย
ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็นับว่ายังมีชีวิตอยู่
เมี่ยวหารซูพ่านเอ๋ออยากลองยาอายุวัฒนะนี้อีกครั้ง เมี่ยวหารได้แอบตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตของตนเองเป็นตัวนำยาให้กับซูพ่านเอ๋อ แต่ยังไม่ได้บอกซูพ่านเอ๋อ เมื่อตอนที่กู้อ้าวเวยมาตรวจดูอาการได้เรียกเขาออกมาคุยตามลำพัง ดื่มเหล้าสองจอกลงไปอบอุ่นร่างกาย มองดูวิวหิมะอยู่บนศาลา พร้อมถามเขาว่า “ซูพ่านเอ๋อคิดถึงแต่อำนาจ เจ้าก็ยังอยากที่จะยกชีวิตของตนเพื่อนางหรือ”
“หากไม่มีนาง ตลอดชีวิตของข้านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
แม้ว่าจะได้มองดูกันอยู่ห่างๆ แค่ได้เห็น ในใจก็มีความสุขแล้ว
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ใบหน้าของเมี่ยวหารก็ยิ้มแย้มขึ้น เหมือนกำลังคิดถึงเมื่อก่อนตอนที่ซูพ่านเอ๋อยังใสซื่อ หรือเป็นตอนนี้ที่มีนิสัยหยิ่งแล้วก็โมโหร้าย จากบนลงล่าง ไม่มีอะไรผิดเลย
“หากข้าสามารถทำได้อย่างเจ้า ในใจมีเพียงความรักจะดีแค่ไหน”กู้อ้าวเวยก็ถอนหายใจตาม
หากสามารถแค่ได้มองดูเขาก็มีความสุข หรือไม่ต้องคำนึงถึงเหตุผลไม่ต้องคำนึงถึงคนอื่น ในสายตามีเพียงอีกฝ่าย วันเวลานี้คงจะอบอุ่น แต่ส่วนใหญ่เมื่อถึงท้ายที่สุดแล้วต่างก็กลายเป็นความทรงจำที่หนักอึ้ง
ไม่มีอะไรอย่างอื่นจะพูดอีก กู้อ้าวเวยจดจ้องมองดูหิมะบนท้องฟ้า ไม่สนใจผู้ชายตรงมุมที่รออยู่พร้อมเสื้อคลุม ดื่มเหล้าสองจอกลงไปในท้อง แล้วก็มีคนวิ่งเหยาะๆพร้อมเกล็ดหิมะหนา ๆมาแต่ไกล พร้อมพูดว่า “บนหอคอยสูงได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว ท่านหมอเมี่ยวหารสามารถไปได้แล้ว”
เมี่ยวหารหยุดชะงัก หัวเราะพร้อมเทจอกเหล้าทิ้งตรงหน้า แล้วโยนแก้วออกไป
กู้อ้าวเวยหรี่ตามองดูเงาแผ่นหลังของเมี่ยวหาร ไม่มีอะไรนอกจากความเย็นชาภายในดวงตา
ความต้องการที่ไม่สมหวังของเมี่ยวหาร ความต้องการที่ไม่สมหวังของซูพ่านเอ๋อ ล้วนเป็นบาปกรรมที่เหยียบบนกระดูกมากมาย ไม่คู่ควรที่จะเห็นใจ และไม่คู่ควรที่จะอิจฉา ตอนนี้ในใจของนางมีความสุขเล็กน้อย คิดเพียงอยากที่จะแก้แค้นให้ลูกที่ยังไม่ทันได้เกิดมาคนนั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ อารมณ์ของนางก็แย่ลง ผลักซ่านจินจื๋อที่กำลังเดินมาหาออกห่าง
“ข้าจะไปดูซูพ่านเอ๋อ ดูว่านางชดใช้บาปกรรมที่ทำกับข้าไว้ยังไง”
กู้อ้าวเวยมองซ่านจินจื๋อด้วยสายตาเย็นชา แล้วก็เดินตามเมี่ยวหารไป
วันนี้รอบๆหอคอยสูงไม่มีคน มีเพียงซูพ่านเอ๋อที่ไม่เชื่อฟังที่ถูกคนใช้เชือกมัดผูกอยู่ในอ่างน้ำบนหอคอยสูง ร่างกายครึ่งตัวจมอยู่ในแม่น้ำเจิ้งสุ่ยที่หนาวเหน็บ หนาวเย็นจนริมฝีปากขาวซีด ร่างกายสั่นเทาเบาๆ ในขณะที่ยากที่จะขยับเคลื่อนไหวก็ได้เพ่งจ้องมองเมี่ยวหารที่กำลังถอดเสื้อตัวนอกออก
กู้อ้าวเวยยิ้มส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“หัวเราะอะไร?”ซ่านจินจื๋อเดินหน้ามา ดื้อดึงที่จะเอาเสื้อ คลุมไว้บนบ่าของนางอีกครั้ง
“ได้แก้แค้นติดต่อกันมาหลายวัน ทำให้รู้สึกเหมือนแสงสายัณห์ของตะวันรอน…ฮู้” ยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ กู้อ้าวเวยเบิกตาโตจ้องมองซ่านจินจื๋ออยู่นาน จนกระทั่งซ่านจินจื๋อพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “คำพูดไม่เป็นมงคล ห้ามพูด”
กู้อ้าวเวยใช้สายตาต้านทานไม่ได้ผล สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับการขมขู่พร้อมให้พานางจากไปของซ่านจินจื๋อ
กู้อ้าวเวยไม่ยอมทิ้งความสุขที่จะได้แก้แค้นเด็ดขาด
ยู่จุนรู้เรื่องความแค้นระหว่างพวกเขาทั้งสี่คนในตอนนั้น รอเมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว ทุกคนต่างก็พากันจากไป เหลือไว้เพียงพวกเขาทั้งสี่คน กับคนตำบลเหยสุ่ยที่หลบซ่อนอยู่
เมี่ยวหารเดินลงมาในน้ำที่หนาวเหน็บด้วยเสื้อผ้าเบาบาง ยื่นมือดึงผ้าออกมาจากปากซูพ่านเอ๋อ
“ต่อจากนี้ไป เจ้ากับข้าก็จะได้อยู่ด้วยกัน”เมี่ยวหารมองดูนางอย่างรักใคร่
ไม่ช้า เลือดของพวกเขาก็จะกลายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ซูพ่านเอ๋อไม่พอใจ หางตาแดงก่ำ แต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ ทำได้เพียงมองดูกู้อ้าวเวยอย่างติดอ่าง หวนคิดถึงเรื่องต่างๆระหว่างนางกับกู้อ้าวเวยในตอนนั้น ส่วนมากแล้วจะเป็นการทำร้ายซึ่งกันและกัน แต่กู้อ้าวเวยกลับยื่นมือเข้ามาช่วยนางไว้ในป่ารกร้าง สุดท้ายแล้วก็ปล่อยนางไป
นางจะไม่เชื่อได้อย่างไร
เมี่ยวหารดีกับนางขนาดนี้ ขอเพียงเพื่อให้ได้ใช้เลือดรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่ตนรัก
แต่กู้อ้าวเวยกลับไม่เหมือนพวกเขา
ได้รับสายตาเหมือนอ้อนวอนจากซูพ่านเอ๋อ กู้อ้าวเวยกระทำเพียงส่ายหัว จากนั้นใบหน้าของนางก็กระทำท่าทางปิดปากด้วยความรำคาญ แล้วก็ตั้งใจมองดูเมี่ยวหาร…. เขาได้ช่วยแกะเชือกออกจากร่างกายของซูพ่านเอ๋อแล้ว
ซ่านจินจื๋อฉวยโอกาสโอบเอวของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางเชื่อมั่นในตัวเจ้า”
กู้อ้าวเวยขยับหนี มองดูซ่านจินจื๋ออย่างได้ใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เหมือนอย่างที่พูดไว้ตั้งแต่แรก นางจะได้เฝ้าสุสานให้กับอาจารย์กับอาจารย์หญิงของเจ้า อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้อยากให้นางตายง่ายแบบนี้”
“การแก้แค้นที่ดีที่สุด”ในที่สุดซ่านจินจื๋อก็เข้าใจ มองดูหอคอยสูงนั่นอย่างเพลิดเพลิน
เมี่ยวหารยื่นมือจับมีดด้านข้างเล่มนั้นหันไปหาซูพ่านเอ๋อ กลับไม่ทันได้พูดอะไร ผู้หญิงอ่อนแอตรงหน้าก็กระโจนเข้ามาแล้ว เมี่ยวหารหรี่ตาลง รีบถอยใบมีดในมือกลับมา
“คนที่ตาย ควรเป็นเจ้า”
พร้อมกับเสียงกรี๊ดร้องของซูพ่านเอ๋อ เมี่ยวหารมองเห็นปิ่นปักผมสีเงินในแขนเสื้อของซูพ่านเอ๋ออย่างชัดเจน แทบไม่อยากเชื่อว่าความรู้สึกที่ผิวบริเวณคอจะฉีกขาด
แม้แต่กู้อ้าวเวยก็ยังหันหลังไปด้วยความตกตลึงในทันที
ปิ่นเงินแทงทะลุลงไปบนคอเมี่ยวหาร เลือดกระเซ็น ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า และเห็นความตื่นเต้นกับความหวาดกลัวปะปนกันภายในสายตาของซูพ่านเอ๋อ นางก้าวถอยหลังอย่างหวาดผวา มองดูเมี่ยวหารล้มลงกับพื้นพร้อมกับเลือดที่ล้นออกมาจากปากของเขา
เลือดสีแดงกระจายไปทั่วแม่น้ำเจิ้งสุ่ย กู้อ้าวเวยกำลังจะหันหน้ากลับมา ก็เจอกับฝ่ามือของซ่านจินจื๋อที่ยกขึ้นมาบดบังสายตาของนางไว้
“เอาออกไป”
“ไม่อยากดูก็ไม่ต้องดู”
ซ่านจินจื๋อยังคงปิดตากู้อ้าวเวยไว้แน่น แล้วนางก็ไม่ดิ้นรนอีก
“ข้าไม่อยากได้ยาอายุวัฒนะอะไรนั่น และข้าก็ไม่อยากเป็นตัวนำยาให้กับเจ้า” ซูพ่านเอ๋อมองดูเมี่ยวหารคุกเข่าอยู่ในน้ำจนหมดลมหายใจ เสื้อผ้าบางๆเปื้อนไปด้วยเลือด นางปืนออกมาจากอ่างน้ำบนหอคอยสูงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด ไม่กล้าหันกลับไปมองเขา เพียงกัดฟันพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้ามีใจให้ข้า ชีวิตจึงควรมอบให้ข้า….”
พูดเองเออเองอย่างหลอกตัวเอง
กู้อ้าวเวยยังถูกซ่านจินจื๋อปิดตาไว้ กลับยังตะโกนพูดกับซูพ่านเอ๋อด้วยเสียงสูงว่า
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากได้ยาอายุวัฒนะ ก็กลับไปในห้อง ไปอ่านจดหมายที่เมี่ยวหารเขียนไว้ให้กับเจ้าดูสิ”
ซูพ่านเอ๋อพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจความหมายของกู้อ้าวเวยว่า “เขาจะเขียนจดหมายไว้ให้กับคนที่กำลังจะตายอย่างข้าทำไม….”
“รอเมื่อเจ้ากลับไป ก็จะรู้เอง” กู้อ้าวเวยดึงแขนซ่านจินจื๋อไว้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว”
ซ่านจินจื๋ออุ้มนางขึ้นมาอย่างรู้ใจ เฉิงยีที่อยู่ห่างไกลกำลังรีบวิ่งมา พาตัวซูพ่านเอ๋อจากไป
กู้อ้าวเวยซบอยู่ในอ้อมอกผู้ชาย พร้อมพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ที่จริงการแก้แค้นก็ไม่ได้สะใจอะไรขนาดนั้น”
“เดิมข้าอยากลงโทษนาง โดยการใช้เลือดของนางเลี้ยงเจ้า”น้ำเสียงซ่านจินจื๋อแผ่วเบา แล้วก็หลบสายตาที่ฉายแววสงสัยของกู้อ้าวเวย พร้อมฟังเสียงองครักษ์ลับที่กำลังตามมา
กู้อ้าวเวยถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าอยากไปดูท่าทีตอบสนองของซูพ่านเอ๋อ”
“ได้”