บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 152
บทที่152 เดิมพันสักครั้ง
ตำบลเหยสุ่ยเสียงผู้คนจอแจ ด้านนอกบ้านไม้สามารถได้ยินเสียงการต่อสู้และเสียงตะโกนเชียร์
กลางดึก ณ หอนางโลม แสงไฟส่องสว่างทั่ว เป็นสถานที่ที่ดีเหมาะกับการระบายอารมณ์ที่สะสมมาทั้งวัน และหญิงสาวทั้งสามคนนั้นก็ถูกเฆี่ยนตีอีกครั้งในวันนี้ ตลอดทั้งวันแม้แต่คำพูดเดียวก็ไม่เอื้อนเอ่ยออกมา และไม่กล้าที่จะรับผ้าห่มจากนาง
กู้อ้าวเวยไม่ชอบนักที่จะฝืนบังคับใคร เพียงแค่ให้คนจัดหาเทียนไขมาให้ และจัดหาสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ(เหวินฝางซื่อเป่า)มา โอ้อวดชื่อเสียงของตนโดยจะเขียนสูตรยาถอนพิษที่ตนรู้ทั้งหมดออกมา จูเซถึงได้ยินยอมให้
นางออกจากเทียนเหยียนมาก็หลายวัน แต่กลับไม่มีคนตามมา ในเวลานี้จะให้เชื่อว่ามีคนสามารถให้โอกาสของการอยู่รอดเส้นทางหนึ่งกับนาง แต่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้
แต่ครู่หนึ่ง แม่เล้าของหอนางโลมก็ยกอาหารที่ยังร้อนเข้ามา วางลงที่ข้างมือของกู้อ้าวเวย สังเกตดูใบสั่งยาในมือของกู้อ้าวเวยอย่างระมัดระวัง พลันดวงตาก็เป็นประกาย: “เจ้าเป็นหมอ?”
“มีอะไร?” กู้อ้าวเวยแค่เพียงจุ่มหมึก ไม่ได้เงยหน้าขึ้น
“แค่ไม่ค่อยได้เห็น ที่ตำบลเหยสุ่ยแห่งนี้ ไม่มีท่านหมอคนไหนกล้าเดินทางมา จะอยู่หรือจะตายขึ้นอยู่กับฟ้ากำหนด หากว่าต้องการที่จะหาหมอ จะต้องเดินขึ้นเขาเป็นเวลาหนึ่งวันและไปที่เมืองเพื่อตรวจอาการ” แม่เล้าถูมือไปมาพร้อมหัวเราะเหอะๆ แล้วสั่งคนภายนอกให้จัดเตรียมอาหารเข้ามาอีก จากนั้นก็พูดต่อ: “เจ้าช่วยข้าตรวจหญิงสาวในหอดูได้หรือไม่? ช่วงนี้ทางการตรวจเข้ม ไม่สามารถเปลี่ยนหญิงสาวคนใหม่ได้ จำเป็นต้องใช้คนเก่าๆไปก่อน และช่วงนี้คนเยอะขึ้น ทำให้ต้องรับแขกมากขึ้น พอไม่ได้พักผ่อนกันแต่ละคนก็เริ่มเจ็บป่วย”
เปลี่ยนใหม่ทั้งสองคำนี้เพียงแค่ได้ยินก็ทำให้กู้อ้าวเวยต้องขมวดคิ้ว ผู้คนที่นี่ไม่เห็นค่าของชีวิตคนจริงๆ
แต่ตอนนี้นางก็ถือว่าถูกกักขัง ทำได้เพียงพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย: “ได้แน่นอน เพียงแต่ว่าหากพวกเขารู้เข้า ข้าอาจไม่สามารถจัดการได้”
“ตรงนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ขอเพียงแค่สามารถช่วยหญิงสาวของข้าตรวจอาการ เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้เวลามากขึ้นก็พอ” ดวงตาแม่เล้าเป็นประกายทันที ก็แค่การบีบบังคับรังแกฝ่ายตรงข้าม ที่สำคัญผู้หญิงตรงหน้าก็ดูดีไม่น้อย
กู้อ้าวเวยวางพู่กันในมือลง: “ในเมื่อมามามีความกล้าเช่นนี้ ข้าก็สามารถให้สูตรและเคล็ดลับในการฟื้นฟูบำรุงร่างกายกับท่าน แต่ก็ต้องการความกล้าหาญของมามาให้ช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”
ว่าแล้ว กู้อ้าวเวยก็พูดบอกวิธีฝึกโยคะและเคล็ดลับของสูตรการบำรุงเลือดเพื่อให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ สายตาแม่เล้าเปล่งประกาย ถ้าหากว่าสามารถทำให้ร่างกายผู้หญิงเหล่านี้อ่อนช้อยนุ่มนวลกว่าเดิม เกรงจะสามารถขายได้ราคาที่ดีกว่า!
“และถ้าหากว่าท่านอบรมฝึกสอนให้ดี และไม่ต้องกลัวว่าผู้คนข้างนอกจะไม่ยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อให้ท่านช่วยฝึกสอน?” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างได้ใจ
“อั๊ยโหย! สาวน้อยเจ้าช่างรอบรู้เหลือเกิน รีบบอกรายละเอียดให้ข้าฟังดูสิ!” เมื่อแม่เล้าได้ยินคำว่าเงินสายตาทั้งสองข้างก็เปล่งประกาย แล้วก็นั่งลงบนหญ้าฟางเพื่อรอฟัง
“เพียงแค่ท่านช่วยให้ข้าหนีไปได้ ของทั้งหมดนี้จะเป็นของท่าน ข้าจะรับความเสี่ยงทั้งหมด พี่น้องคู่นั้นไม่มีทางหาเรื่องท่านได้แน่นอน เป็นอย่างไร?” กู้อ้าวเวยหรี่สายตามองไปยังเปลวเทียน
ดวงตาของแม่เล้าก็เย็นชาทันที: “แม่นางช่างเรียกร้องจริงๆ”
“ข้ามีความสามารถนี้ ช่วยหรือไม่ช่วย ข้าให้เวลาท่านเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น” กู้อ้าวเวยก็เพียงแค่ยิ้มเย็นชา
ทั้งสองคุมเชิงกัน ในที่สุดก็เป็นแม่เล้าที่ไม่สามารถทนต่อความจูงใจของเงินได้ จึงตอบตกลงไป
แต่กู้อ้าวเวยก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจนางได้จริงๆ จึงได้ขอสิ่งของจำเป็นจากนางแม่เล้าอีกไม่น้อย นางแม่เล้าก็รับปากอย่างดี
ในตอนเช้าของวันถัดไป จูเซก็มาถึงประตูบ้านไม้อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ พร้อมกระชากนางให้ลุกขึ้นมาจากที่นั่ง ทำให้กู้อ้าวเวยเจ็บข้อมือ จึงต้องถามอย่างไม่มีทางเลือก: “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ตามมาก็พอ” จูเซจ้องนางด้วยความเย็นชา แต่ในใจยังคงมีความกลัวเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่นางกระทำการเพียงคนเดียวลับหลังพี่ชาย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่สามารถให้จูเย่นฆ่ากู้อ้าวเวยเพียงเพื่อให้ซูพ่านเอ๋อได้รับตำแหน่งใดๆในตำหนัก จึงได้พาตัวคนมายังคอกม้า แต่กู้อ้าวเวยก็ถอยห่างไปอีกข้าง อาศัยเวลาที่จูเซกำลังแอบจูงม้าออกมานั้น ก็ได้สำรวจไปรอบสี่ทิศ
หากต้องการออกไปทางกำแพงข้างสวนของหอนางโลม จำต้องผ่านถนนหนึ่งเส้น นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้หญิงสาวทั้งหลายหลบหนีดังนั้นจึงได้เลือกอยู่ที่นี่
แต่เช้าตรู่เวลานี้ แม่เล้านั่นกลับยืนอยู่บนหอเหลือบมองมาที่นาง แล้วพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเปิดปากพูดขึ้น: “แม่นางจู นี่คือจะออกเดินทางแล้วใช่หรือไม่?”
“หุบปากของเจ้าซะ” จูเซพูดเสียงต่ำข่มขู่ นางแม่เล้าก็รีบหุบปากลง แล้วเดินลงมา แล้วสั่งให้คนรับใช้ที่กำลังทำงานอยู่หลังสวน: “ยังไม่รีบนำน้ำสกปรกนั่นไปเททิ้งอีก แล้วออกไปซื้อผักอีกเล็กน้อยกลับมา!”
“ใช่” คนรับใช้ทั้งหมดก็รีบไปจัดการ และเพื่อที่จะให้รถขนส่งของ จึงได้ผลักประตูหลังเปิดออก
แม่เล้าไอเบาๆแล้วเดินจากไป กู้อ้าวเวยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม พอดีกับที่เห็นผู้ช่วยคนหนึ่งกำลังถางหญ้าแห้งแถวกำแพงแล้วนำขึ้นรถขนออกไปด้านนอก
กู้อ้าวเวยเพียงแค่หยิบไฟชุด(คล้ายตะบันไฟ)ออกมาจากในแขนเสื้อ นางถอยห่างจากคอกม้า พอนึกถึงม้าพวกนี้ที่เป็นของตระกูลจูเกือบทั้งหมด ก็ยิ้มเย็นยะเยือก แล้วนำน้ำตาเทียนที่แงะมาจากเทียนของเมื่อวานโยนเข้าไปในหญ้าแห้งที่เป็นอาหารม้า แอบจุดชนวนไฟชุด
ม้าข้างหน้าร้องเสียงดัง แม่เล้าคนนั้นก็ตาโตเบิกกว้างพร้อมอุทานขึ้นมา: “อั๊ยหยา! ทำไมคอกม้าถึงมีไฟไหม้! ช่วยด้วย! ไฟไหม้!”
จูเซที่กำลังนำสัมภาระขึ้นหลังม้า ก็เห็นม้าสองตัวด้านข้างทะยานออกไปแล้ว ทำให้นางและกู้อ้าวเวยออกห่างกันมากขึ้น
“บดซบ!” จูเซสบถเสียงต่ำ ยังอยากวิ่งฝ่าไป แต่หญ้าที่ถูกเผาไหม้ฉับพลันก็โหมแรงขึ้น ทำให้จูเซสำลักควันไฟเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยจ้องมองจากที่ไกลๆแล้วยกมุมปากขึ้น แล้วก็หันหลังออกทางประตูหลังจากไป
จูเย่นที่อยู่ชั้นบนเมื่อได้ยินว่าไฟไหม้ก็ตื่นขึ้นมาทันใด แล้วรีบรุดวิ่งมาถึงสวนด้านหลังก็เห็นไฟไหม้โหมแรง
กู้อ้าวเวยไม่คิดชีวิตลาดน้ำตาเทียนตลอดทั้งเส้นทาง ตะเกียงน้ำมันที่เก็บไว้จากเมื่อวานก็ขอให้แม่เล้าหาขวดมาตวงไว้แล้ว สาดกระจายตลอดทางเดิน
แม้แต่แม่เล้ายังเบิกตาโต โดยคิดไม่ถึงว่าตลอดทางเดินที่กู้อ้าวเวยผ่านไป ขอเพียงแค่สิ่งของเหล่านั้นติดไฟได้เกือบทั้งหมดจะถูกจุด เมื่อเผชิญหน้ากับสถานที่นี้ที่ไม่มีกฎหมายไม่มีศีลธรรม กู้อ้าวเวยไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ตลอดเส้นทางที่วิ่งจนถึงท่าเรือ แม้แต่คนที่จูเย่นพามาด้วยก็วิ่งตามไม่ทัน
“หญิงสาวพวกนี้ทำไมถึงได้กล้าหาญเช่นนี้!”ชายหัวโล้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเหยียบไปบนแผงสินค้าของผู้อื่น รีบวิ่งไปจนถึงหน้าท่าเรือ จูเย่นหน้าดำคร่ำเคร่ง ตะโกนขู่กู้อ้าวเวยเสียงดัง: “เจ้าตายแน่! คราวนี้แม้แต่จูเซก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้!”
กู้อ้าวเวยวิ่งไปในระยะทางสั้นๆเพียงเท่านี้เหงื่อก็ไหลท่วมตัวเหมือนดังฝนตก ในเวลานี้มีเพียงถ้วยที่แตกแล้วของก่อนหน้านี้จี้ไปที่ลำคอของคนแจวเรือคนหนึ่ง แล้วก็นำน้ำมันตะเกียงสาดกระจายอยู่บนเรือ: “ออกเรือ!”
คนแจวเรือผงะด้วยความตกใจ คิดถึงเรือที่ต้องใช้หาเลี้ยงชีพแล้ว ก็รีบแจวเรือไป ถ้าหากว่าเรือทั้งลำถูกจุดไฟขึ้น เขาต้องขาดทุนย่อยยับแน่นอน!
“แม่นาง……ข้าเป็นเพียงคนที่เดินทางผ่านมา เจ้าต้องระวังให้มากๆอย่าได้จุดไฟเรือของข้าเชียว”
กู้อ้าวเวยมองไปที่จูเย่นและชายหัวโล้นที่กำลังขึ้นเรืออีกลำหนึ่ง สายตาก็ว่างเปล่าลง มองดูเรือลำนี้ที่ดูเหมือนจะห่างมาไกลพอประมาณ เพียงแต่ตรงนี้น้ำไหลค่อนข้างเชี่ยว
“เดิมพันสักครั้ง” กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วกระโดดลงไปในแม่น้ำที่กำลังไหลเชี่ยวทันที