บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 197
บทที่ 197 หยั่งเชิง
“ท่านอ๋อง! พระชายา!”
เหล่าคนรับใช้กรูเข้ามาในทันที
กู้อ้าวเวยยังคงมองเห็นไม่ชัด เพียงแต่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ ทว่าซ่านจินจื๋อที่อยู่ใต้ร่างของนางโอบเอวนางไว้จนแน่น “อย่าซี้ซั้วขยับ”
พวกเขาจับพลัดจับผลูไปโดยมิรู้ตัว กู้อ้าวเวยไม่ได้ขยับเลยจริงๆ
เพียงแค่ปล่อยให้ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นแล้วดึงตัวนางเข้าหา ชั่วอึดใจนั้นนางรู้สึกได้ว่าสองขาของตนห้อยอยู่กลางอากาศและตกอยู่ในอ้อมกอดของซ่านจินจื๋ออย่างมั่นคง เมื่อเผลอส่งเสียงร้องเบาๆนางจึงนึกขึ้นได้และกุมหน้าท้องของตนพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่สบายหรือ?” ซ่านจินจื๋ออุ้มประคองนางอย่างระมัดระวัง
“เปล่า เพียงแต่ถ้ากลับจวนไป เกรงว่าจะมีคนไม่น้อยที่อยากให้ลูกในท้องของข้าต้องตาย” กู้อ้าวเวยดูเหมือนจะหวาดกลัวจากอาการตกใจเมื่อสักครู่ กลับดูน่ารักขึ้นมาอย่างหาได้ยาก
คาดไม่ถึงว่านางจะใส่ใจลูกถึงเพียงนี้
ซ่านจินจื๋อสีหน้าหม่นหมอง เขาไม่เคยคิดตัดสินใจที่จะคร่าเลือดเนื้อเชื้อไข้ในท้องของกู้อ้าวเวยได้จริงๆเลยสักครั้ง
กระทั่งเขายังคิดไปถึงว่า ยามที่ลูกน้อยคนนี้เกิดมาก็จะเรียกเขาว่าพ่อไหม
ส่วนซูพ่านเอ๋อร่างกายอ่อนแอ ซ่านจินจื๋อไม่เคยคาดหวังจะที่จะมีทายาท ยามนี้เมื่อมองดูกู้อ้าวเวยในอ้อมกอด เขากลับอดแสดงความประทับใจเอาไว้ไม่ได้ สองแขนกระชับแรงขึ้นเล็กน้อย “ข้าจะไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
“อย่าได้มารับรองอะไรกับหม่อมฉันอีกเลย ให้หม่อมฉันเป็นอิสระก็คือการปกป้องดีที่สุดของท่าน หม่อมฉันเชื่อในวิธีของตนเอง” ยามนี้กู้อ้าวเวยตอบกลับด้วยวาจาแหลมคมอยู่พอตัว แต่ท้ายที่สุดนางยังไม่กล้ายั่วโทสะซ่านจินจื๋อ จึงเอ่ยต่อ “นี่ก็เพื่ออาการป่วยของซูพ่านเอ๋อ”
ซ่านจินจื๋อปรายตามองไปเฉิงซานที่อยู่ข้างๆ เฉิงซานเพียงแค่ผงกศีรษะให้คนนำรถม้ามาที่นี่
ขณะอุ้มคนในอ้อมกอด คล้ายกับเบากว่าแต่ก่อนไม่น้อย ซ่านจินจื๋อที่กำลังนึกอยากจะเอ่ยถามนางสักประโยคก็บังเอิญไปเห้นถุงหอมที่นางเหน็บไว้ตรงช่วงเอว
“หม่อมฉันอยากกลับโรงยา”
“ไม่ได้” ซ่านจินจื๋อปฏิเสธเด็ดขาดทันที เพียงแลกมาด้วยเสียงถอนหายใจของกู้อ้าวเวย
เมื่อรถม้ามาถึงตรงหน้า ซ่านจินจื๋ออุ้มคนเข้าไปในรถม้าและวางในที่มุมด้านใน กู้อ้าวเวยก้มตัวนำถุงหอมมาไว้ในมือ ไม่รู้ว่านึกอย่างไรจึงได้เปลี่ยนนำถุงหอมมาไว้ข้างๆ “ให้คนนำถุงหอมใบนี้ส่งให้ฉีหรัวด้วย”
ซ่านจินจื๋อโบกมือเรียกให้คนนำถุงหอมใบนี้ไปส่งให้กับฉีหรัว ช่างตามอกตามใจนางเสียจริง
กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นมาโบกตรงหน้าสักพัก แต่ยังคงสามารถเห็นเงาได้แค่ลางๆ เกรงว่ากลับถึงจวนแม้แต่ทางเดินก็คงมองไม่เห็น เช่นนี้แล้วจึงได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ
นางไม่สามารถขัดขืนซ่านจินจื๋อได้เลย
ตลอดทางที่กลับเทียนเหยียน ความเงียบสงบในหูค่อยถูกเสียงคึกคักปกคลุม ขณะได้ยินเถ้าแก่แผงขายเกี๊ยวหุ่นทุนตะโกนแข่งกับเถ้าแก่แผงขายผลไม้ที่อยู่ติดกัน กู้อ้าวเวยก็รู้ได้ทันทีว่าใกล้จะถึงจวนอ๋องแล้ว
ซ่านจินจื๋ออุ้มนางกลับวิหารเฟิ่งหมิงภายใต้การจ้องมองจากแทบทุกสายตาในที่นั้น
เมื่อถูกวางลงบนฟูกเตียงอันอ่อนนุ่มอีกครั้ง ในหูก็แว่วเสียงฝีเท้าของคนจำนวนไม่น้อย ทำให้นางรีบคว้าเสื้อของซ่านจินจื๋อเอาไว้แน่น “อย่าให้พวกเขามาจับตาดูหม่อมฉัน นี่คือลูกของหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายเขา”
เหล่าคนรับใช้และสาวใช้ทั้งหลายที่เบียดเสียดกันอยู่ด้านหลัง ค่อยๆทยอยออกไปหลังจากซ่านจินจื๋อโบกมือ
มีเพียงชิงต้ายคนเดียวที่เดินมายังข้างกายซ่านจินจื๋อ หลังจากคำนับเรียบร้อยจึงได้เอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องทรงวางพระทัย ชิงต้ายจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของพระชายาเพคะ”
“อืม” เดิมทียังอยากจะกล่าวทิ้งท้ายอะไรสักหน่อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนไม่จำเป็นแล้ว
เมื่อซ่านจินจื๋อออกมาจากวิหารเฟิ่งหมิง กุ่ยเม่ยโปรยตัวลงมาจากชายคาเงียบๆพลันส่ายศีรษะ “ท่านอ๋อง ยังไม่พบว่าพิษนี้มาจากที่ใดกันแน่ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นของโหวเซ่อพ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งคนไปตามสืบ หากสามารถพบวิธีแก้พิษได้จะเป็นการดีที่สุด” ซ่านจินจื๋อแววตาเย็นเยียบลง ร่างภายใต้ชุมคลุมเกร็งขมึง
กล้าลงมือซูพ่านเอ๋อใต้เปลือกตาเขา ความกล้าหาญบ้าบิ่นคนผู้นี้นับว่าไม่น้อยเลย
กล่าวรายงานจบไปแล้ว ทว่ากุ่ยเม่ยกลับยังไม่จากไป เพียงแต่เงยหน้าขึ้นเหลือบมองซ่านจินจื๋อด้วยความจนเกล้า “แต่….ตัวพระชายาเองก็เชี่ยวชาญการแพทย์ เหตุใด…..”
“”นางเองก็ไม่ได้สมบูรณ์พร้อมอย่างไม่ต้องสงสัย” ซ่านจินจื๋อเอ่ยด้วยความเย็นชา เพียงแต่รีบสาวเท้าไปยังเบื้องหน้าแต่เหมือนกับว่านึกอะไรบางอย่างได้จึงหันกลับมา มองกุ่ยเม่ยด้วยสายตาแหลมคม “ต่อไปเจ้าไม่ต้องคอยติดตามคุ้มครองพระชายาจิ้งแล้ว ไปทำธุระให้เฉิงซานเสีย”
ในดวงตาคู่เรียวเกิดประกายความผิดหวังวาบหนึ่งไหลผ่าน แต่ยังคงผงกศีรษะตอบรับ เพียงชั่วอึดใจเงาร่างก็หายลับไป
“กุ่ยเม่ยอายุยังน้อย ปกติก็ไม่เคยได้สัมผัสกับคนโลกภายนอก คาดว่าเป็นเพราะได้ลิ้มรสชาติความผูกพันที่ก่อนหน้านี้รับใช้อยู่ข้างกายพระชายา จึงได้มีความอาวรณ์ต่อพระชายา” เฉิงซานที่อยู่ด้านข้างเองก็มองออกถึงความผิดปกติของกุ่ยเม่ย จึงรีบเอ่ยวาจา
ซ่านจินจื๋อกำหมัดแน่น “ดูเหมือนผู้คนจำนวนมากปรารถนาตัวพระชายาของข้าสินะ”
“จะเป็นไปได้อย่างไร องค์ชายสี่เห็นพระชายาเป็นเพียงแค่พระพี่นาง ท่านชายฉีหลินก็มองนางเป็นเพียงสหาย กุ่ยเม่ยเกรงว่าก็คงไม่ต่างจากองค์ชายสี่ จะมีเพียงก็…..” เมื่อพูดถึงตรงนี้เฉิงซานก็รีบหยุดทันที
ก่อนหน้านี้องค์ชายหกซ่านจวนฮ่าวได้ทูลขอพระบัญชาจากฮ่องเต้ไปตรึงกำลังทหารที่นอกด่าน
ส่วนมีดเหลียนจื่อเกิง(ชื่อมีดสั้น)ที่เป็นสมบัติของรักของหวงพระชายาจิ้ง แม้กระทั่งตอนพักภายในเรือนหลังนั้นที่ถึงแม้นางจะมองไม่เห็นแต่กลับชอบนำมีดสั้นเหลียนจื่อเกิงมาเล่นพลิกกลับไปกลับมาในมืออยู่บ่อยๆ
เฉิงซานคิดว่าตนพูดผิดไป เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าซ่านจินจื๋อกลับเดินออกไปไกลโดยที่ไม่เอ่ยอะไร เขาได้แต่รีบตามไปให้ทัน
ไม่นานหลังจากที่ซ่านจินจื๋อจากไป กู้จี้เหยาก็นำหลานเอ๋อร์พากันออกมาจากวิหารชิงเฟิงมาที่วิหารเฟิ่งหมิง
กู้จี้เหยามองสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังหลานเอ๋อร์อย่างเหลืออดในมือพวกนางล้วนมีของกำนัลมูลค่าสูงไม่น้อย เพียงแต่เมื่อนางนึกถึงว่าต้องนำของเหล่านี้มอบให้กู้อ้าวเวย ก็หงุดหงิดในใจยิ่งนัก “ข้าจำเป็นต้องส่งมอบของเหล่านี้ให้กับนางงั้นหรือ?”
“คุณหนู อย่างไรพระชายาก็เป็นพี่สาวแท้ๆของท่าน เรื่องของหน้าตาก็ยังคงต้องทำให้พอเหมาะ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าท่านอยากจะไปดูลาดเลาหยั่งเชิงหรือ? ทางนายท่านยังรอข่าวอยู่นะเจ้าคะ” หลานเอ๋อร์รีบผงกหัวถี่รัว พลางสั่งคนด้านหลังเดินให้เร็วขึ้น
กู้จี้เหยาไม่พอใจอย่างมาก
ไม่ง่ายเลยที่กับการที่นางมาอยู่ในจวนอ๋อง โดยทั่วไปนอกจากไปมาหาสู่พูดคุยกับซูพ่านเอ๋อ ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง วิหารชิงเฟิงมักจะไร้คนเหลียวแลแต่เป็นเพราะนางไม่ได้ถูกท่านอ๋องรังเกียจ เงื่อนไขจึงไม่เลวเท่าไรนัก
เพียงแต่นางมักจะอยากได้รับความโปรดปรานจากซ่านจินจื๋อมาตลอด
เมื่อมาถึงในวิหารเฟิ่งหมิง หยินเชี่ยวสาวใช้ผู้นั้นได้ถูกส่งไปจวนตระกูลฉี ยามนี้จึงเหลือเพียงหยินเชี่ยวผู้ฉลาดเฉลียว เมื่อพบเจอนางกลับคำนับอย่างนอบน้อมทั้งเอ่ยต่อ “พระชายากำลังรับประทาน….”
“ช่างบังเอิญ ข้าก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน” กู้จี้เหยาเพียงเดินเข้าไปด้านในด้วยรอยยิ้มสดใส หลานเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังยิ้มบางๆกับหยินเชี่ยว “คุณหนูยังได้นำของมาให้พระชายาไม่น้อย แม่นางหยินเชี่ยวไม่มาดูสักหน่อยหรือ?”
หยินเชี่ยวเลิกคิ้ว ดูเหมือนกู้จี้เหยามาด้วยเจตนาที่ไม่ดีนัก