บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 20
ตอนที่ 20 ทรราชแห่งแคว้นเทียนถาน
ในจวนแห่งนี้ มีผู้คนมากมาย และพวกเขายังต้องต่อสู้กับซูพ่านเอ๋อ
กุ้อ้าวเวยชั่งน้ำหนักในหัวใจของนาง แต่นางก็รู้ว่าการเผชิญหน้ากับพ่านเอ๋อจะเป็นความพ่ายแพ้ของนางในกรณีนี้ การอยู่ที่นี่เพื่อให้พ่านเอ๋อระบายออกไป คงมิสู้อยู่ห่างจากที่ที่ถูกแต่ผิด
แต่ทว่านางก็นับไม่ถ้วน นางไม่ได้คาดหวังว่าจวนของนางจะอยู่ในตัวเมือง แต่ในลานกว้างมันกลับกลายเป็นที่ที่หญ้าขึ้นรกร้าง
หยินเชี่ยวรีบร้อนเป็นอย่างมาก “นายหญิงเป็นถึงพระชายา พวกเขาก็กล้าที่จะเลือกลานบ้านเช่นนี้ให้ท่านหรือ!”
“ข้าเกรงว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้เห็นนาน ข้าจะคุยกับพวกเขา” แม้แต่ความสงบของชิงต้ายก็ไม่สามารถช่วยได้ “ท่านสามารถไปที่ห้องบัญชีโดยตรงเพื่อรับเงินและจ้างคนดูแลที่นี่” เงินในวังไม่ได้ใช้เพื่ออะไร กุ้อ้าวเวยเช็ดโต๊ะหินและม้านั่งในตู้เล็ก ๆ ที่ประตู และนั่งลง: “หยินเชี่ยวกลับไปที่ร้านอาหารและซื้ออาหารที่ดีขึ้น แล้วนำเงินออกจากบัญชีทั้งหมดมาจ่าย”
ชิงต้ายและหยินเชี่ยวมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรีบลงมือทำ นางหยิบเงินสองหรือสามชิ้นออกมาจากห้องบัญชีและผู้จัดการก็รีบไปที่ซูพ่านเอ๋อเอ่อแล้วร้องไห้ต่อหน้านาง หลังจากได้ยินเรื่องนี้ซ่านจินจื๋อก็เลิกคิ้ว “นางต้องการเงินมากเลยหรือ!”
“หม่อมฉันไม่รู้จักลูกน้องของนาง” นายผู้ที่จัดการบัญชีส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
ซูพ่านเอ๋อถือถ้วยและขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่ากุ้อ้าวเวยต้องการจะทำอันใดอีก แต่แล้วก็มีคนอื่นรีบเข้ามาจากข้างนอก และส่งเสียงดัง “ท่านอ๋อง พระชายาเพิ่งถอนเงินนับพันออกไปจากบัญชีอีกแล้วพะยะค่ะ! ”
“ท่านพี่กุ้คิดจะทำอันใด พวกเจ้ายังมิรีบไปถามอีก?” ซูพ่านเอ๋อลุกขึ้นและเอนกายบนแขนของซ่านจินเจ๋ออย่างรวดเร็ว ดูเหมือนนางเหมาะจะเป็นหัวหน้าครอบครัวมากกว่าเสียอีก
ชายหนุ่มรีบพยักหน้า: “พระชายาเอ่ยว่านางจะซ่อมแซมสนามหญ้าและซื้ออันใดซักอย่างพะยะค่ะ”
ซ่านจินจื๋อรู้สึกแค่ปวดหัว ผู้หญิงคนนั้นไร้ระเบียบจริงๆ เขาโบกมือแล้วเงาหนึ่งก็เข้ามาในห้องคุกเข่าต่อหน้าเขา “เกิดอันใดขึ้น?”
“ท่านผู้ควบคุมแบ่งถนนทางทิศใต้ให้แก่พระชายา เพลานี้พระชายากำลังจัดสวนและซื้อสมุนไพรจำนวนมาก ดูเหมือนว่านางกำลังจะสร้างโรงอาบแดดไว้ตากยาพะยะค่ะ” เงาดำเอ่ยอย่างยินดี ทันใดนั้น ท่านผู้ควบคุมก็เหงื่อไหลราวกับเม็ดฝน ใบหน้าดำค่ำเครียด
“ข้าทาสกลุ่มนี้ช่างกล้าหาญเสียจริง แต่ทว่าในเมื่อไม่ได้กลายเป็นเรือแล้ว ข้าก็จะทำเป็นลืมตาหนึ่งข้างและหลับอีกหนึ่ง” เขาโบกมือไปมา “ช่างเถิด แล้วแต่นาง ถ้าหากว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นอีก ก็นำเงินให้แก่นางโดยตรง!”
“ท่านพี่จื๋อเพคะ ท่านพี่กุ้นำเงินออกไปมิใช่จำนวนเล็กน้อย” พ่านเอ๋อล้วนเอ่ยโน้มน้าวใจขึ้นมา “มิเป็นอันใด ขอเพียงแค่นางสามารถล้างพิษในร่างกายของนางเอง เพื่อหาสูตรลับและสมุนไพรสองอย่างมาก็พอ เจ้าเพียงแค่ปรับสภาพร่างกายของตนเอง มิต้องคิดอันใดมากมาย” ซ่านจินจื๋อลูบผมของนาง พลางดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด
พ่านเอ๋อพิงอยู่ในอ้อมกอดของฝ่ายตรงข้าม แต่นางกลับสับสนอลหม่าน เดิมทีนางคิดอยากจะให้กุ้อ้าวเวนมิมีที่ยืน แต่กลับมิคิดว่าในเพลานี้ราวกับว่ากุ้อ้าวเวยเปลี่ยนคนแล้ว แต่ทว่าเพียงแค่อ้าวเวยอยู่ในตำแหน่งพระชายาเช่นนี้ทุกวันนี้ ตนเองก็จะมิปล่อยนางไป!
“ มิรู้ว่าผู้ใดเป็นคนดุด่าหม่อมฉัน” พึมพำกับตนเอง ได้พบกับคนมิน้อยและกำลังจะจัดการกับสวน โดยธรรมชาติแล้วนางก็คงจะมิว่าง จึงให้ชิงต้ายและหยุนเชี่ยวดูคนงานให้ ส่วนตนเองก็นำเงินหนึ่งถุงเดินออกไปจากประตู
แคว้นชางหลานคือเมืองหลวง และเรียกอีกอย่างว่าเมืองเทียนถาน บนถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บริเวณนี้มิใช่มีเพียงแค่ร้านค้าและแผงลอยหลายแห่งเท่านั้น แต่ยังมีผู้คนที่กำลังขายเกี่ยวกับการศิลปะและมีกลุ่มนักศึกษาที่กำลังขับร้องบทกวี และเด็กน้อยที่กำลังร้องเล่นเต้นรำ เด็กสาวปิดปากหัวเราะอย่างน่ารัก ช่างครึกครื้นเสียจริง
“แม่หญิงช่างเกิดมางดงามถึงเพียงนี้ ถ้าหากว่าสามารถเพิ่มเสน่ห์ด้วยชาดสักหน่อย คงจะดีมิใช่น้อย”
กุ้อ้าวเวยมองตามเสียงนั้นไป ก็เจอหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังเดินมาจากทางร้านค้า สายตาของนางสามารถพบกุ้อ้าวจากกลุ่มคน นางจึงก้าวออกมาต้อนรับ
“พวกข้ามาจากโรงงานที่เป็นที่นิยมสำหรับเด็กผู้หญิง แม่หญิงเข้ามาลองซักหน่อยเถิด ดูว่ามีที่ชื่นชอบหรือไม่” กระดูกสันหลังของหญิงผู้นี้นั้นตรงมาก เพลาที่เดินบนถนนช่างมีรูปลักษณ์ที่สง่างามกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ในดวงตาใสแจ๋วคู่หนึ่ง นับว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามมากทีเดียว ห้าคนที่ด้านหลังก็คือหญิงสาวพราวเสน่ห์อีกหลายคนยืนเลือกเฟ้นสิ่งของอยู่ที่นั่น
“มิต้องดอก ข้าเพียงแค่อยากจะถามเท่านั้น ว่าร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแห่งนี้อยู่ที่ใด” กุ้อ้าวเวยยิ้มบางๆ “เดินตรงไปด้านหน้า เลี้ยวซ้ายก็ถึงร้านยาจี้ซื่อถาง” หญิงสาวผู้นั้นมิได้เอ่ยอันใดอีก หลังจากที่เอ่ยบอกลานางก็กลับไปยังร้านอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะมีคนออกมาต้อนรับน้อยมาก คงจะเพราะเห็นอาภรณ์ในจวนหวังที่นางสวมใส่อยู่
เมื่อจำชื่อของเยียนหยู่เก๋อแล้วก็แปลกใจว่าเหตุใดร้านขายเครื่องสำอางจึงมีผู้ที่งดงามถึงเพียงนั้นได้ นอกจากนี้ค้นพบว่าเพลานี้ยาเวชสำอางนางก็เคยลองมาด้วยตนเอง จนกระทั่งเพลานี้คืนวันราวกับว่าสามารถร่วมมือกันได้ ล้วนเป็นวิธีทำเงินทั้งหมด
นางเดินจ้ำอ้าวมายังร้านยาจี้ซื่อถาง พบว่าผู้คนที่ร้านยานี้มีมิน้อย นางเดินเข้าไปด้านใน เพียงแค่ต้องการปากกาและกระดาษที่นั่น โชคดีที่นางเคยเขียนตัวอักษรในสมัยก่อน ถึงแม้ว่าจะเขียนมิดีแต่ทว่าชื่อของสมุนไพรเหล่านี้ก็มิได้เขียนได้น่าอายเท่าใดนัก นางเขียนกระดาษถึงสี่แผ่น นางเพิ่งจะมาถึงที่ด้านหน้าตู้สินค้า และนำกระดาษทั้งสี่แผ่นยื่นออกไป “รบกวนท่านนำสมุนไพรเหล่านี้ห่อแล้วส่งไปที่จวนของข้า”
ชายชราในเสื้อคลุมสีเทาของร้านยาจี้ซื่อถาง มองนางอย่างระมัดระวัง ก่อนจะขมวดคิ้ว “แม่หญิง เหตุใดจึงต้องการสมุนไพรเหล่านี้เล่า นี่ล้วนเป็นสมุนไพรที่หายากและมิสามารถรักษาโรคในวันธรรมดาได้ เป็นการยากที่จะรักษาด้วยยาเหล่านี้….”
“ข้าเพียงแค่อยากจะรู้ว่าจะถอนพิษได้อย่างไร กุ้อ้าวเวยหัวเราะอย่างจนปัญญา นางยื่นข้อมือของตนเองไปด้านหน้า ชายชราในเสื้อคลุมสีเทาขมวดคิ้วหลังจากจับชีพจรให้นางดูแล้วเขาจึงเขียนชื่อรายการให้นางถึงแม้มีรู้ว่าแม่หญิงจะได้รับพิษอันใดแต่ทว่าสมุนไพรเหล่านี้ก็สามารถถอนพิษได้ แม่หญิงลองกลับไปลองดูเถิด”
ดวงตาของกุ้อ้าวเวยเป็นประกาย นางมองอย่างระมัดระวัง สมุนไพรบางชนิดนางมิเคยพบเจอนางจริงกุ้อ้าวเวยยิ้มออกมาในทันที “ขอบพระทัยท่านผู้ชายมากๆ”
“มิต้องขอบคุณ เพียงแค่เจ้าต้องการยาสมุนไพรจำนวนมากและมิพวกเขา ควรจะหาเวลาสักหน่อย มิสู้แม่หญิงพาบางคนมาหยิบไปในวันพรุ่งนี้ ชายชราในชุดคลุมสีเทาหัวเราะออกมาสองสามครั้ง แต่เขาค่อนข้างชอบพอหญิงที่เข้าใจด้านเภสัชวิทยาที่ด้านหน้า เขาจึงเอ่ยเพิ่มเติมอีกหนึ่งประโยค “ถ้าหากแม่หญิงมิถือสาคนชราที่คนมีความรู้น้อยเช่นข้า เจ้าสามารถมายังร้านยาแห่งนี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเภสัชวิทยาได้”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอบพระทัยท่านเป็นอย่างมาก เพียงแค่ในจวนของข้ายังมิทันเตรียมพร้อม หมอสามารถอยู่นานได้” กุ้อ้าวเวยทำมือขอคารวะ ในเวลาที่นางกำลังจะนำเงินจ่ายค่าสมุนไพรให้แก่ชายชรา แต่ก็มีมือคู่นึงพุ่งเข้ามาหานางและกดข้อมือของนางเบาๆ
“เงินของแม่หญิงท่านนี้ ข้าจัากออกเอง เจ้าชายผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างข้างนางและอ้าปากเอ่ยกับชายชราในชุดคลุมสีเทาอย่างภาคภูมิใจ เขานำถุงเงินวางลงบนตู้แล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
กุ้อ้าวเวยงุนงงเป็นอย่างมาก ชายชราในชุดคลุมสีเทาจ้องมองดูถุงเงิน จึงรีบคว้าข้อมือของกุ้อ้าวเวยไว้ “แม่หญิงรีบกลับไปเถิด ชายผู้นั้นคือทรราชองค์เล็กของเมืองเทียนถาน เขาโอบอ้อมอารีถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงมิใช่เพราะชอบพอแม่หญิงเข้าแล้วกระมัง”