บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 243
บทที่ 243 ยังรักอยู่
ไม่สบายจริงๆด้วย
“ไปหาหมอเถอะ”
“ฉันเองก็เป็นหมอ ไม่รบกวนอ๋องจิ้งมาใส่ใจฉันขนาดนี้หรอก” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นด้วยความปวดหัว ยื่นเสื้อคลุมยาวให้คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างเธอ แล้วให้ขันทีพาเธอออกไปนอกวัง
ถ้าตอนนี้ซ่านจินจื๋อกลับไปหาไทเฮาก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ จึงกลับไปตำหนักอ๋องพร้อมกับกู้อ้าวเวย
พอถึงตำหนักอ๋อง กู้อ้าวเวยอ้างว่าตัวเองไม่สบายก็เลยเข้าไปพักผ่อนอยู่ที่ห้องพักตัวเอง แต่ยังไม่ลืมสั่งให้ชิงต้ายไปถามซ่านจินจื๋อที่ห้องทำงาน ว่า “ท่านอ๋องเขียนใบหย่าเสร็จยังคะ”
“บอกเธอว่า เปิ่นหวาง(คำแทนตัวของอ๋องยิ่ง)ยังเป็นหนี้เธอ ลูกคนหนึ่ง” ซ่านจินจื๋อหักพู่กันในมือด้วยความโกรธ
ชิงต้ายเดินออกไปอย่างเสียใจ เฉิงซานกับกุ่ยเม่ยที่อยู่ข้างๆหันไปมองซ่านจินจื๋อ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ซ่านจินจื๋อมีความรู้สึกผิดนิดๆ การที่เขาทำไม่ดีต่อกู้อ้าวเวยนี้ก็เป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นเขาควรให้ความอดทนกับเธอมากกว่านี้ แต่เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยทำตัวดื้อแบบนี้ในแต่ละครั้ง เขายิ่งทนไม่ไหวและอยากจะโมโหเหลือเกิน
ได้เวลาทานข้าวเที่ยง ซูพ่านเอ๋อสั่งให้จัดอาหารไว้ที่ห้องข้างๆของห้องทำงาน
ซ่านจินจื๋อรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยสุขภาพร่างกายของซูพ่านเอ๋อดีขึ้นมากแล้ว ปกติยังสามารถเดินเล่นได้อยู่ในตำหนักอ๋อง แต่เรื่องตบหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ดูแล้วอึดอัดใจมาก
ท่านพี่จื๋อ กู้อ้าวเวยอยากหย่ากับท่านพี่จื๋อ ทำไมไม่หย่ากับเธอละ” ซูพ่านเอ๋อถือถ้วยในมือและพร้อมพูดออกมา
“เธอทำอะไรไม่ได้หรอก” ซ่านจินจื๋อรู้สึกแย่ลงทันที
“งั้นท่านพี่จื๋อจะมีลูกกับเธอจริงเหรอคะ” ซูพ่านเอ๋อวางถ้วยไว้บนโต๊ะอย่างรุนแรง มองซ่านจินจื๋อด้วยความไม่พอใจ พูดว่า “ถ้าท่านพี่จื๋ออยากได้ลูกจริงๆ หนูก็…”
“พ่านเอ๋อ” ซ่านจินจื๋อไม่ให้เธอพูดต่อไป มองเธอและไม่รู้จะทำยังไงดี “ทุกอย่างนี้ เป็นสิ้งที่เราสองคนต้องชดเชยเธอ”
“แต่ถ้าไม่ใช่เธอ…”
“เรื่องนี้ เธอไม่ใช่คนทำ เธอไม่เคยผลิตยาพิษแบบนี้หรอก เฉิงยี เฉิงเอ้อได้จดยาพิษที่เธอเคยผลิตออกมาทั้งหมดไว้อย่างรายละเอียด” ซ่านจินจื๋อถอนหายใจ หันไปมองซูพ่านเอ๋อ แล้วพูดว่า “พ่านเอ๋อ อาจารย์เคยสอนว่า บุญคุณแม้เพียงน้ำหยด ก็ควรตอบแทนให้ได้ดั่งสายธาร คุณเข้าใจผิดกับเธอไปหนึ่งครั้งแล้ว และได้เอาเลือดเธอมาด้วย ทำเกินไปกว่านี้อีกไม่ได้แล้วนะ”
คาดไม่ถึงเลย ท่านพี่จื๋อว่าตัวเองขนาดนี้เพราะกู้อ้าวเวย
ซูพ่านเอ๋อตาแดงขึ้นเหมือนจะร้องไห้ “ท่านพี่จื๋อยังรักเธออยู่ ใช่ไหม”
ซ่านจินจื๋อไม่ตอบ เขาอยากมีความสุขกับทุกๆคน แต่ตอนนี้ซูพ่านเอ๋อกับกู้อ้าวเวย สองคนนี้เสมือนน้ำกับไฟ เข้ากันไม่ได้เลย เขาไม่ได้ดีกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทำตัวยากเหลือเกิน
รู้จักคำตอบแล้ว ซูพ่านเอ๋อเห็นอาหารเต็มโต๊ะที่อยู่ต่อหน้า แต่ก็ไม่มีความหิวสักนิด
“งั้นพ่านเอ๋อกลับไปหาอาจารย์ดีกว่า…” ซูพ่านเอ๋อลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก
ซ่านจินจื๋อรีบจับเธอกลับมา “พ่านเอ๋อพูดอะไรครับนิ นอกจากเวลาที่อยู่ในวัง ปกติผมจะไม่สนใจกู้อ้าวเวยอีกแล้วได้ไหม เรื่องลูก รอคุณหายดีขึ้นค่อยมาคุยกันใหม่นะ”
ซ่านจินจื๋อเหมือนตั้งใจไม่แสดงความหมายอย่างชัดเจน ฟังแล้วเหมือนกับว่าอยากจะมีลูกกับซูพ่านเอ๋อ เธอรู้สึกเขินและหน้าแดงขึ้นมาทันที ผลักซ่านจินจื๋อเบาๆด้วยความเขิน เสียงพูดอย่างอ่อนโยน ว่า “ท่านพี่จื๋ออยากมีลูกกับใครกันแน่…”
“พ่านเอ๋อคิดว่าใครละ” ซ่านจินจื๋อทั้งกอดและพาเธอกลับไปที่หน้าโต๊ะ ยังไงเรื่องนี้ก็ผ่านไปได้ละ
วันต่อมา อ๋องจิ้งกับพระชายาจิ้งถูกรองเข้าพบไทเฮา
กู้อ้าวเวยเอาผ้าคลุมหน้าคลุมหน้าไว้เหมือนเดิม ทำตัวเหมือนไม่รู้จักซ่านจินจื๋อ ไทเฮาเห็นแล้ว ยิ่งอยากโทษซ่านจินจื๋อที่เป็นลูกชายตัวเอง ไม่รู้จักรักภรรยา กุ้ยมามาเข้าไปเตือนว่า “ท่านอ๋องคะ สิ่งที่ไทเฮาอยากเห็น คือ สองท่านเป็นคู่รักกันอย่างมีวามสุขนั่นเองค่ะ”
ซ่านจินจื๋อรู้สึกเสียหน้า แถมที่มีเรื่องงานยังค้างคาใจอยู่ ตอนนี้ยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่ยอมไปง้อใคร
เห็นแต่กู้อ้าวเวยไปจับชีพจรให้ไทเฮาตามปกติ เหมือนเรื่องพวกนั้นไม่เกี่ยวกับเธอสักนิด เธอหันไปปรึกษากับหมอหลวงเรื่องใช้ยารักษา และจดไปเขียนไปด้วย เหมือนกำลังเขียนใบรักษาให้ใครอยู่
ผ่านไปสักพัก ขันทีที่ยืนอยู่ข้างนอกเดินเข้ามา “หมอหลวงหวาง เสียนเฟยเหนียงเหนียง(พระสนม)รู้สึกอ่อนแอไม่มีแรงตั้งแต่ตื่นมาตอนเช้า เรียกคุณไปตรวจให้หน่อย”
หมอหลวงหวางมองไปดูพระชายาและไทเฮา ไทเฮาไม่พูดอะไร มีแต่กู้อ้าวเวยตอบว่า “ไม่เป็นไร คุณไปก่อนเถอะ ใบรักษาของโรคนี้ เดี๋ยวฉันเอาไปให้ที่โรงพยาบาลหลวงเอง ถ้าพบเจอโรคนี้อีกในอนาคต คิดว่ามีวิธีรักษาแล้วแน่นอน”
“ขอบพระคุณครับ ท่านพระชายา” หมอหลวงหวางออกไปอย่างวางใจ
แต่ขันทีที่มาเรียกยังไม่ออกไป เห็นแกกำลังคิดอะไรอยู่สักพัก จึงคุกเข่าลงไปที่ตรงหน้าไทเฮา พูดว่า “ไทเฮา เสียนเฟยเหนียงเหนียงยังเชิญชวนพระชายาไปด้วยค่ะ”
“เสียนเฟยเรียกพระชายาไปทำไมเหรอ” ไทเฮาดื่มยาและถามอย่างไม่เข้าใจ
“เสียนเฟยเหนียงเหนียงบอกว่า เมื่อก่อนพระชายาจิ้งได้ช่วยจัดการเรื่องราวในตำหนักขององค์ชายสี่ และปกติก็ยังดูแลเป็นอย่างดี บังเอิญ ชายาองค์ชายสี่ก็มาเยี่ยมวันนี้ด้วย เลยอยากชวนพระชายาไปนั่งคุยกันเพื่อถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณด้วยค่ะ”
“หรอ มีเรื่องแบบนี้ด้วย” ไทเฮารู้สึกดีใจขึ้น ดูแล้วพระชายาจิ้งน่าจะสนิทกับองค์ชายสี่ และองค์ชายสี่ก็สนิทกับซ่านจินจื๋อเหมือนกัน ถ้าอย่างนี้ แสดงว่าเวยเอ๋อชอบอ๋องจิ้งจริงนะ
คิดแบบนี้อยู่ในใจ ไทเฮาอนุญาตให้กู้อ้าวเวยไป
กู้อ้าวเวยเดินออกไป ก่อนออกไปเห็นเธอโล่งใจขึ้นทับที
มาถึงห้องพักของเสียนเฟย ลี่วานได้ทักทายกับเธอไปแล้ว แต่เสียนเฟยไม่ได้เชิญเธอนั่ง และยังไล่คนข้างๆออกไปหมด มองหน้ากู้อ้าวเวยด้วยหน้ามืดมน “พระชายาจิ้งคะ วันนี้ที่ชวนคุณมา คือ มีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“ไม่ทราบว่า เสียนเฟยเหนียงเหนียงหมายถึงเรื่องไหนเหรอคะ” กู้อ้าวเวยยืนอยู่ตรงกลาง ไม่มีความรู้สึกกลัว มองไปทางลี่วาน แต่เธอหันหน้าและหลบสายตา
พอเดาออกว่า ลี่วานต้องพูดอะไรกับเสียนเฟยแน่นอน
“แม้ว่าตัวข้าขอบคุณเธอมากที่เธอได้ช่วยหยวนเอ๋อวันนั้น ให้เขาได้แต่งงานกับลี่วาน” สีหน้าของเสียนเฟยเปลี่ยนอย่างกระทันหัน และพูดอีกว่า “แต่เธออวดดีกับตัวเองไปหรือเปล่า ยังกล้าไปกวนใจหยวนเอ๋อนั้นเหรอ”
“ฉันไม่เข้าใจที่เสียนเฟยเหนียงเหนียงพูดค่ะ”
“คุณให้หยวนเอ๋ออำพรางความสามารถไว้ แต่ให้อ๋องจิ้งแสดงความสามารถที่กลางห้องท้องพระโรง…” เสียนเฟยยังพูดเรื่องราวที่อ๋องจิ้งได้ทำมาตั้งเยอะแยะ และเรื่องพวกนี้ กู้อ้าวเวยไม่รู้จักสักเรื่อง
พอเสียนเฟยพูดจบ กู้อ้าวเวยยิ้มและตอบว่า “งั้นเสียนเฟยเหนียงเหนียงอยากให้องค์ชายสี่ทำยังไงคะ แสดงความสามารถให้ทุกคนเห็น แข่งขันกับคนอื่นนั้นหรอ แล้วผลที่ตามมาก็คือ อ๋องจิ้งจะถือเขาเป็นคู่แข่งเป็นศัตรู ตอนนี้ยังไม่มั่นคงแล้วคิดว่าจะไปสู้กับอ๋องจิ้งได้เหรอคะ ไม่ต่างกับการเอาไข่ไปกระทบหินหรอก”
เสียนเฟยโมโหมาก ลี่วานหน้าซีดและพูดว่า “ถ้างั้น แสดงว่า คุณก็ทำเพื่ออ๋องจิ้ง…”
“ถ้าฉันทำเพื่ออ๋องจิ้ง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ก็ต้องบอกให้อ๋องจิ้งรู้จัก” กู้อ้าวเวยยิ้มด้วยความเย็นชา และเดินออกไป แต่ยังพูดต่อว่า “ถ้าลี่วานยังจะยุให้รำตำให้รั่วแบบนี้อีก เปิ่นหวางเฟย(คำแทนตัวของพระชายา)ต้องบอกเรื่องนี้ให้กับองค์ชายสี่แน่”
เสียนเฟยตบมือจับเก้าอี้และทำหน้าเครียด ลี่วานไม่รู้จะทำยังไงดี ทำไมกู้อ้าวเวยไม่กลัวใครทั้งนั้น