บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 246
บทที่ 246 พี่น้องตระกูลจู
ซ่านเซิ่งหานตกตะลึงสักพักจึงนึกออก และยิ้มเบาๆ
เยว่ที่อยู่บนหลังคา ได้ยินทั้งหมดที่เขาสองคนคุยกันอย่างชัดเจน พอซ่านเซิ่งหานเดินออกมา เลยพูดว่า “ท่านองค์ชายสาม ทำไมท่านต้องทำตามที่กู้อ้าวเวยพูดละ ที่จริงแล้ว เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ”
“ไม่ใช่ผมยอมทำตามที่เธอพูดมา คือผมจำเป็นต้องตามที่เธอพูด” ซ่านเซิ่งหานสีหน้าเริ่มเย็นชาลง ขึ้นไปหลังคาพร้อมกับเยว่ และพูดต่อว่า “คนที่ซ่านจินจื๋อชอบ ต้องไม่ธรรมดาและมีความสามารถอยู่แล้ว”
“ท่านองค์ชาย ฉันไม่เข้าใจ เมื่อก่อน คนที่ซ่านจินจื๋อรักที่สุด ก็คือซูพ่านเอ๋อไม่ใช่เหรอ อย่างที่เห็น เธอก็แค่เป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง อย่างมากถือว่ามีความฉลาดนิดๆแค่นั้นเอง” เยว่ยิ่งแปลกใจมาก
ซ่านเซิ่งหานสีหน้ายิ่งมืดมนลง พูดว่า “ซูพ่านเอ๋อไม่ธรรมดาหรอก แต่ก่อน เธอเพื่อได้อยู่ข้างๆซ่านจินจื๋อ ทำให้พี่หลิงเอ๋อร์เสียชีวิต และยิ่งหลอกให้จูเย่นหลงรักเธอด้วย รวมถึงเรื่องที่อาจารย์ของเธอเสียชีวิต เธออาจจะเป็นคนทำก็ได้”
“แต่กู้อ้าวเวยน่าจะไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกมั้ง…”
“คุณคิดว่า เธอรอดจากฝีมือของซูพ่านเอ๋อมาถึงวันนี้ได้ไง ถ้าเธอสามารถได้รับความโปรดปรานสำเร็จได้ และเป็นผู้ช่วยที่ดีของพระเจ้าอา สำหรับพวกเรา ก็มีประโยชน์ไม่น้อย”ซ่านเซิ่งหานตั้งใจพูดด้วยเสียงต่ำและเบาลง เดินอ้อมผ่านไปจากยามคนนั้น
เยว่ไม่รู้จะเถียงยังไง เลยตามซ่านเซิ่งหานกลับไปตำหนักองค์ชายสาม
ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยกับชิงต้ายเดินเล่นกันอยู่ ชิงต้ายสงสัยและถามว่า “ท่านอ๋องจะอนุญาตให้ท่านไปเรียนกังฟูไหมคะ”
“ต้องอนุญาต” กู้อ้าวเวยยกมือและสัมผัสที่คอตัวเองที่มีจุดรอย เห็นเธอยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พูดว่า “ฉันจะทำให้เขาเชื่อใจฉันอย่างไม่มีการป้องกันไว้”
“งั้นทางคุณม่านกับเมิ่งซู่…”
“พรุ่งนี้ ฉันจะกลับไปจวนเฉิงเสี้ยงเพื่อไปถามเรื่องเมิ่งซู่ และต้องรู้จักจากคุณบิดาว่า รุ่นนี้มีคนเก่งๆกี่คน จึงจะได้วางแผนให้ถูก…” ตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของกู้อ้าวเวยแม้แต่นิดเดียว เธอหยุดเดินกระทันหัน และมองดูคนที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยความแปลกใจ
เฉิงซานช่วยซ่านจินจื๋อถือโคมไฟส่องสว่างไว้ และผู้ชายคนที่ควรนอนหลับอยู่ที่บ้าน ตอนนี้ กำลังจ้องมองเธออยู่ข้างหน้า
กู้อ้าวเวยเครียดและตกใจมาก เห็นเธอกำมือไว้แน่นๆ กำลังคิดอยู่ว่าเขารู้จักแผนของตัวเองหรือเปล่า แต่เห็นคนข้างหน้าเดินเข้ามาใกล้ๆ กอดเธอเข้าอ้อมแขนตัวเองและพูดว่า “คุณสนใจเรื่องของหยินเชี่ยวขนาดนี้เลยเหรอ”
“ก็แค่พึ่งนึกออกพอดี” กู้อ้าวเวยหันไปมองอีกด้าน เหมือนไม่อยากมองหน้าเขา คลายมือด้วยความโล่งใจ พูดว่า “ที่สำคัญ คือ ฉันนอนไม่หลับเอง…”
“ครับ” ซ่านจินจื๋อตอบเธอแค่คำเดียว จูงมือเธอและค่อยๆเดินกลับไปร้านยาเหย้า ช่วยเธอถอดเสื้อคลุมยาวออกด้วยการกระทำที่อ่อนโย หุ่มผ้าให้เธอที่มือขาเย็นเจี๊ยบ แล้วโอบกอดเธออย่างแน่น
กู้อ้าวเวยนอนหันหลังให้กับซ่านจินจื๋อ ที่หลังติดกับหน้าอกของเขา หมอนแขนที่แข็งแกร่งของเขา และถามว่า “ปกติ คุณก็ทำแบบนี้กับซูพ่านเอ๋อเหรอคะ”
คนที่นอนข้างหลังเงียบไม่พูดอะไร
กู้อ้าวเวยขยับตัวนิดๆ หลับตาและพูดว่า “ถือว่า เมื่อกี้ฉันไม่ได้ถามแล้วกันนะ”
วันต่อมาตอนเช้า เธอตื่นมาจากอ้อมอกของซ่านจินจื๋อ เหมือนช่วงนั้นที่เขาจะให้ตัวเองมีลูกของเขา เธอตกใจและมีสติขึ้นมาทันที ลุกขึ้นมาอย่างกระทันหัน
ซ่านจินจื๋อกอดเอวเธอเบาๆ ลืมตาและพูดว่า “เธอแค่หลับสองชั่วโมงเอง”
“คุณ…” กู้อ้าวเวยมองเขาด้วยความแปลกใจ อยากจะลงออกจากเตียง แต่ถูกเขาจับลากกลับมาภายใต้ผ้าห่ม ซ่านจินจื๋อหุ่มผ้าให้เธออย่างแน่น
“นอนต่อครับ”
กู้อ้าวเวยเหลือแต่ดวงตานั้น ยังอยู่ข้างนอกผ้าห่ม เห็นซ่านจินจื๋อลุกขึ้นแต่งตัว ใส่เสื้อทำงาน เตรียมตัวทรงว่าราชกิจ เธอคิดไปคิดมา ตัดสินใจและนอนพักต่อ
ซ่านจินจื๋อมองไปทางที่เธอนอนก่อนออกไป สั่งเฉิงซานว่า “หลังจากนี้ ให้กุ่ยเม่ยมาสอนกังฟูให้เธอ สามวันละครั้ง อย่าให้เธอเหนื่อยมากเกินไป”
“ครับผม” เฉิงซานพยักหน้า และไปสั่งให้คนในตำหนักอ๋องต้องดูแลพระชายาให้ดีๆ ห้ามประมาทและทำให้ท่านอ๋องไม่สบายใจเด็ดขาด กู้จี้เหยากับซูพ่านเอ๋อก็ได้ข่าวนี้เหมือนกัน
กู้จี้เหยาจับท้องตัวเองที่โหนกขึ้นนิดๆและหายใจอย่างแรง คาดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยยังสามารถได้รับความโปรดปรานอีกครั้งได้
แต่เห็นซูพ่านเอ๋อ ครั้งนี้เธอใจเย็นมาก หันไปมองจิ่นซิ่วด้วยสายตาเย็นชา ถามว่า “แกว่ามา กู้อ้าวเวยใช้วิธีอะไรกันแน่ในครั้งนี้”
“จิ่นซิ่ว…จิ่นซิ่วก็ไม่ทราบค่ะ” จิ่นซิ่วคุกเข่าลงอย่างสั่นสะเทือนด้วยความกลัว เห็นที่ข้อมือมีแผลที่ยังไม่หาย อันนั้นก็เพราะซูพ่านเอ๋อโกรธและโยนของใส่เธอ จึงเกิดแผลขึ้น ปัจจุบันนี้ ยิ่งกลัวซูพ่านเอ๋อมาก
“ฉันคิดว่าเธอจะพักอยู่ตำหนักอ๋องอย่างเงียบๆทั้งชีวิต” ซูพ่านเอ๋อลุกขึ้นมาเกือบล้มทั้งยืน มองไปนอกหน้าต่างด้วยความไม่เข้าใจ แววตางุนงง พูดว่า “ทำไมใครๆก็อยากมาชิงท่านพี่จื๋อของฉันไป อาจารย์ก็ใช่ หลิงเอ๋อร์ก็เหมือนกัน ทำไมตอนนี้ยังมีกู้อ้าวเวยอีกคนละ”
จิ่นซิ่วมองเธออย่างตาโตและตกใจ เหมือนรู้จักเรื่องอะไรที่สำคัญๆ
แต่ผ่านไปสักพัก ก็ยังไม่เห็นซูพ่านเอ๋อโกรธขึ้น แค่กลับนั่งลงไปที่ริมเตียง พูดว่า “แต่กู้อ้าวเวยยังไงก็คาดไม่ถึงหรอก ว่าท่านพี่จื๋อใจร้ายกับเธอขนาดไหน”
“ทำไมคุณหนูไม่โกรธคะ” จิ่นซิ่วมองเธอด้วยความกลัวและถามว่า
“เพราะว่า ฉันจ้างคนไปตามหาลูกชายเลี้ยงของกู้อ้าวเวยแล้ว” ซูพ่านเอ๋อหัวเราะ และพูดต่อ “ถ้าเธอรู้ว่า ท่านพี่เจอไปหาเรื่องกับตระกูลหยุนเพราะฉัน และยังฆ่าลูกชายเลี้ยงที่เธอทุ่มเทความหวังทั้งหมดอย่างไม่ตั้งใจ น่าคิดจังเลยว่าจะเป็นแบบไหน”
ซูพ่านเอ๋อหัวเราะแบบสะใจ ดีใจมากเหมือนเห็นกู้อ้าวเวยล่มสลายจริงๆ
จิ่นซิ่วกลืนน้ำลาย ถามว่า “แค่เป็นลูกชายที่เอามาเลี้ยงเฉยๆ ไม่ใช่ลูกชายแท้ของพระชายา พระชายาจะโกรธทำไมคะ”
“จิ่นซิ่ว แกยังไงก็ไม่เข้าใจหรอก” ซูพ่านเอ๋อมองดูแกด้วยความเบื่อ
สิ่งที่ผูกพันยิ่งเยอะ ก็จะมีจุดอ่อนยิ่งเยอะเหมือนกัน แม้ว่าเธอกับลูกชายคนนี้ไม่ใช่สองแม่ลูกแท้ๆ แต่เหมือนเป็นแสงสว่างสุดท้ายที่หยุนชิงหยางเอาให้เธอ เธอเองกับกู้อ้าวเวยเป็นคนที่เคยหมดหวังมา ถ้าแบบนี้ แสงสว่างนี้ยิ่งดูสำคัญขึ้นมาก”
ชิงจือ จะเป็นจุดอ่อนของเธอ
ฤดูใบไม้ผลิ ลมพัดมาเบาๆ ดอกไม้บานสะพรั่งเต็มเมือง สวยงามมาก
ชาวต่างประเทศทั้งหลายเข้ามาในเมือง เมืองเจริญรุ่งเรือง จูเย่นกับจูเซสองคนตั้งใจปลอมตัวปิดบังไว้และแอบเข้ามาเมืองเทียนเหยียนอย่างเงียบๆ สองคนระมัดระวังมาก กลัวเจอราชทูตที่มาเข้าเฝ้า สุดท้ายไปพักอยู่โรงเตี้ยมที่หากจากร้านยาเหย้าใกล้ที่สุด
จูเซถอดเสื้อคลุมออก ถามว่า “กู้อ้าวเวยยังไม่ได้ตอบจดหมายเราเลย ทำไมพี่มั่นใจว่าเธอสามารถช่วยเราได้คะ”
“เธอบอกวิธีรักษาให้เราแล้ว ผมยอมเชื่อเธอหนึ่งครั้ง ถ้าเรื่องนี้ได้รับความสำเร็จ ผมยอมพาคนของเราไปจำนนกับตระกูลหยุน” จูเย่นถอดหมวกออก เห็นหลังหูมีแผลใหญ่มากอย่างชัดเจน