บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 27
บทที่27 ตัวร้ายพากลับบ้าน
เห้อจิ้นตบหัวคนนั้นและพูดเสียงเบาว่า: “เขาเป็นตัวร้ายในเมืองเทียนเหยียนเชียวนะ รีบไปเอายาเร็วเข้า”
“ครับ!”ชายคนนั้นอึ้งและรีบไปเอายา
ฉีหลินหน้าตาก็พอใช้ได้ ขนาดเปียกจนเหมือนไก่ต้มก็ยังวางมาดท่านชายได้ และตอนนี้เขาก็มองมาทางกุ้อ้าวเวย นางกำลังหยิบเงินในถุงกระเป๋าออกมา โยนไปให้เขาพูดว่า: “นี่เป็นเงินครั้งก่อนที่เจ้าช่วยข้าจ่าย ตอนนี้ข้าก็คืนเจ้าแล้วกัน”
ฉีหลินมองนางและยิ้ม ใช้แขนเสื้อนางเช็ดหน้า แตะโดนแผลก็รู้สึกแสบจนร้องซีด แต่กลับยังยิ้มได้ดึงนางไปพูดว่า: “เงินเยอะขนาดนี้เจ้าไม่อยากได้หรือไง?”
“อยากได้ แต่ไม่ใช่ของข้า”กุ้อ้าวเวยปล่อยเขาดึงแขนเสื้อ มือหน้าหลังของเขาช้ำม่วงไปหมด นางยกมือขึ้นมา บีบหน้าตรงที่ฟกช้ำของเขาแรงๆ
“ซีด!จ้ำอะไรเนี้ย!”ฉีหลินจับหน้าและกระโดดไปมา
กุ้อ้าวเวยก็กอดอกมองเขาพูดว่า: “ใครใช้ให้เจ้าดึงข้าไว้ล่ะ แต่ข้าก็แปลกใจนะ ทำไมตอนนั้นเจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้าด้วย?”
ฉีหลินจับหน้าไว้และถอยหลังไป จากนั้นก็พูดความจริงไป
ที่จริงตอนนั้นเป็นเพราะพวกนั้นที่ชนผู้หญิงและเด็กเป็นเพื่อนของฉีหลิน ตอนนั้นเขาก็เลยรีบไปก็เห็นแต่กุ้อ้าวเวยกำลังทำแผลให้เด็ก ก็เลยจำนางเอาไว้ ต่อมาก็เลยเอาพวกท่านชายออกมาจากในทหาร และคิดว่าพวกเขาไม่ควรทำเช่นนี้
ก็เลยมีเรื่องทะเลาะกัน พวกเขาคิดว่าฉีหลินหลงเสน่ห์กุ้อ้าวเวยก็เลยพูดเช่นนี้ ฉีหลินโกรธและเดินออกมาเลย หลับถึงบ้านก็ถูกท่านพ่อบังคับแต่งงาน ทะเลาะกับท่านพ่ออีก ยังโดนทำโทษให้คุกเข่าในศาลเจ้าในบ้าน ก็เลยหนีออกมา ยังอยากไปพักบ้านเพื่อน ใครจะรู้ว่าพวกนั้นไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ ยังให้ข้ารับใช้ชายของพวกเขากระทืบเขาอีก
“ข้าไม่เป็นเพื่อนพวกนั้นก็ได้”ฉีหลินพูดจบ รอบตาก็แดงก่ำทันที
เห้อจิ้นกับกุ้อ้าวเวยก็มองตากัน ไม่คิดว่าแม้ฉีหลินจะเป็นตัวร้าย แต่ภายใต้จิตใจลึกๆก็มีความดีอยู่บ้าง ต่อมา กุ้อ้าวเวยก็หัวเราะออกมา ตบไหล่เขาเบาๆพร้อมพูดว่า: “ไม่คิดว่าเจ้าเป็นตัวร้ายที่ไม่เลวเหมือนกัน”
พูดอยู่ นางก็เอาขวดแก้วในกระเป๋าออกมา เอายาด้านในใส่ในมือ ขยี้และใส่ไปบนหน้าของเขา เย็นๆ สบายมาก
นางนวดบริเวณที่ฟกช้ำให้เขา ถึงจะเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้เขา และพูดว่า: “ยังไงพวกนั้นก็แค่เพื่อนกิน ไม่มีก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก ยังไงชีวิตยังอีกยาวไกล เจ้าอาจจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ก็ได้”
“เชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว เมืองเทียนเหยียนตระกูลที่ร่ำรวยหน่อยและชอบเล่นก็มีแต่พวกนั้นแหละ”ฉีหลินพูดและจับหน้าตัวเอง ขอบตายิ่งแดงขึ้นไปอีก
กุ้อ้าวเวยก็คิดเสียว่าเขาเป็นแค่เด็ก ลูบหัวเขาเบาๆและพูดว่า: “เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปหาพวกนั้นสิ ถึงเวลาเกรงว่าเจ้าจะโดนต่อยจนฟันร่วงมาอีก”
“เจ้า!”ฉีหลินโกรธจนชี้หน้านาง: “ถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยเจ้าพูด ไม่ให้พวกเขาไปหาเจ้าแก้แค้น ยังจ่ายเงินค่ายาให้อีก ตอนนี้คนที่โดนซ้อมคงจะเป็นเจ้าแล้ว”
“ขอบคุณนะ”กุ้อ้าวเวยโยนขวดแก้วนั้นให้เขาไปอย่างไม่เสียดาย: “เอายากับเงินไป พอสำหรับเจ้าไปหลบซ่อนสักพักแล้วล่ะ ข้ายังมีธุระต้องไปก่อนนะ”
เห้อจิ้นพยักหน้า ให้คนเอายาให้นางติดตัวไป
ใครจะรู้ว่ากุ้อ้าวเวยพึ่งเอาของไว้ในอ้อมกอด กำลังจะไป ก็มีคนมาดึงแขนเสื้อไว้อีก ฉีหลินยืนขึ้นมาสูงกว่านาง ตอนนี้กลับทำหน้าน่าสงสารและพูดว่า: “ข้าไม่มีที่ไป ถ้าไปร้านที่พักพ่อข้าอาจจะตามข้าไปแต่งงานก็ได้ เจ้าช่วยข้าไว้เยอะแล้ว ถ้าเจ้าช่วยข้า”
“เราไม่สนิทกันเสียหน่อย”กุ้อ้าวเวยดึงเสื้อตัวเองกลับมาก็ยังดึงไม่หลุดอีก
“ข้าไม่สน!”ฉีหลินทำนิสัยเหมือนเด็ก
ฝนตกหนักมาก เห้อจิ้นไม่กล้าทำให้ผู้มีอำนาจทั้งสองโกรธก็เลยพาคนงานไปจัดการยา ให้ทั้งสองอยู่ในห้องโถงมองกันไปมา
“โครกคราก——”
เสียงท้องร้องทำลายบรรยากาศที่เงียบเฉียบของทั้งสอง ฉีหลินก้มหัวลงไปอย่างเขินอาย
กุ้อ้าวเวยถอนหายใจพูดว่า: “ก็ได้ ในจวนก็ขาดคนงานพอดีเหมือนกัน”
“ข้าช่วยเจ้าถือร่มนะ”ฉีหลินยิ้มกว้าง ช่วยนางกางร่มเดินเข้าไปในจวนช้าๆ
ตลอดทั้งทาง กุ้อ้าวเวยก็ถือแค่กระดาษที่เขียนสูตรยาและสมุนไพรไว้ คิดเรื่องปริมาณยา ฉีหลินอยากช่วยนางถือของแต่กลับเห็นท่าทางนางที่ตั้งใจ ก็เลยปล่อยไป
พอกลับถึงจวน หยินเชี่ยวกับชิงต้ายเห็นฉีหลินก็ทำหน้าไม่พอใจและรังเกียจมาก
พวกเขาจะได้ออกไปซื้อของบ่อยๆ รู้ว่าตัวร้ายในเมืองเทียนเหยียนเป็นใคร รีบไปข้างกุ้อ้าวเวยและพูดซุบซิบ ฉีหลินก็ไม่สนใจ
กุ้อ้าวเวยเห็นเขาตัวเปียกก็พูดว่า: “เขาไม่ใช่ตัวร้าย จัดห้องออกมาให้เขานอนและเตรียมชาขิง ให้เฉิงยีเฉิงเอ้อไปร้านอาหารซื้ออาหารกลับมาหน่อย”
“เจ้าค่ะ”หยินเชี่ยวไม่พอใจมากแต่ก็ต้องทำตามคำสั่งพาฉีหลินไปห้องนอนแขก
พอเวลากินข้าว เฉิงยีเฉิงเอ้อนั่งกินข้าวไม่พูดอะไร หยินเชี่ยวกับชิงต้ายกลับยิ้มร่า มาที่นี้นอกจากจัดของแล้ว ขนาดอาหารยังไม่ต้องทำเลย มีความสุขมาก ฉีหลินกินอย่างรวดเร็ว และพูดว่า: “ทำไมลานของบ้านเจ้าเล็กเช่นนี้ล่ะ”
“อยู่ได้ก็ดีแล้ว พรุ่งนี้เจ้าก็ทำงานกับหยินเชี่ยวและชิงต้ายด้วยล่ะ”กุ้อ้าวเวยจับหนังสือแพทย์ มืออีกข้างก็จับตะเกียบกินข้าว แต่มือทั้งสองข้างเวลาใช้แรงก็สั่นหน่อย
“ข้าเป็นท่านชายของวิหารเยียนหยู่เก๋อเชียวนะ……”
“เช่นนั้นเจ้ากลับบ้านไปแต่งงานสิ”กุ้อ้าวเวยพูดโดยที่ไม่เงยหน้าด้วยซ้ำ
ฉีหลินพูดไม่ทันจบนางก็พูดแทรกขึ้น ปกติเขารู้แค่ว่าเล่นอยู่กับฝูงเพื่อน แม้บางเรื่องเขาอาจจะไม่ได้ร่วมกระบวนการทำด้วย แต่ชื่อเสียงก็เสียไปตามๆกัน วันนี้หนีออกมากลับไม่มีเพื่อนคนไหนที่ให้เขาอยู่บ้านได้เลย
คิดแล้วเขาก็เลยต้องตอบตกลง
“คุณหนูเก่งจังเลย ท่านชายฉีเป็นถึงตัวร้ายของเมืองเทียนเหยียนเชียวนะเจ้าคะ”หยินเชี่ยวยิ้มออกมา ชิงต้ายก็พยักหน้า
ฉีหลินยกหมัดขึ้นมาทำท่าข่มขู่ หยินเชี่ยวเห็นเขาไม่กล้าลงมือจริงก็ยิ่งหัวเราะชอบใจใหญ่
แต่ต่อมา บนโต๊ะข้าวก็มีเสียงทะเลาะกัน มีแต่เฉิงยีเฉิงเอ้อที่กินหมดแล้วก็เก็บถ้วยไปวางไว้ในหองครัว ฉีหลินยิ้มร่าและตามนางไปห้องยา
เห็นของในนี้เยอะมาก ฉีหลินเดินดูทั่ว แตะยาเม็ดที่กุ้อ้าวเวยทำเสร็จโดยไม่ตั้งใจและถามว่า: “นี่คืออะไรเหรอ?”
“ยาพิษ”กุ้อ้าวเวยมองและพูด