บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 291
บทที่ 291 เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถือเอาโจรเป็นพ่อของตัว
เดินทางน่าหน่ายเหน็ดเหนื่อย ออกมาจากเมืองเทียนเหยียนมายาวไกล
กุ่ยเม่ยพึ่งขึ้นไปรถม้า พูดว่า “องค์ชายสองเหมือนจะไปจวนของหู้ปู้เซ่อหลางวันนี้ น่าจะยกเรื่องวางยาพิษนี้โทษให้กับท่านอ๋องหมดเลย”
“ดีค่ะ” กู้อ้าวเวยยิ้มและพยักหน้า
ชิงต้ายวางกระเป๋าและถามกู้อ้าวเวย “คุณหนูคะ สถานที่ที่เคยผ่านมาตลอดทาง ฉันสรุปเป็นเล่มให้เรียบร้อยแล้วค่ะ สามารถติดต่อกับผู้เรียนพวกนี้ได้ค่ะ”
“ท่านไม่ใช่ไปบูชาภูเขาเฉยๆเหรอครับ” กุ่ยเม่ยมองดูรายการเล่มนั้นที่จดเต็มไปด้วยรายชื่อบุคคลและสถานที่ต่างๆ ในใจยิ่งสงสัยขึ้นอีก
“ฉันอยากไปบูชาภูเขาเทียนก็จริง แต่ครั้งนี้ ฉันตั้งใจจากไปเมื่อซ่านจินจื๋อกำลังโปรดปรานฉันอยู่ เขาต้องเป็นห่วงแน่นอน แล้วอีกอย่าง ฉันอยากรู้ว่า พวกผู้เรียนรุ่นนี้มีความสามารถมากน้อยแค่ไหน เพื่อเลือกคนเก่งๆให้แก่องค์ชายสามในการสอบคัดเลือกขุนนาง” กู้อ้าวเวยพูดเบาๆ และอ่านรายชื่อเล่มนั้นอย่างรายละเอียด
กุ่ยเม่ยกับชิงต้ายจ้องมองตากัน ไม่ได้พูดอะไรต่อ
สักพัก กู้อ้าวเวยเก็บเล่มรายชื่อเล่มนั้นไว้ และถามกุ่ยเม่ยว่า “โลงของแม่ของคุณ หาเจอยังคะ”
“ยังครับ แต่ถ้าท่านเดาไม่ผิด คนใส่ชุดจาวนั้นไม่ต่อต้านกับท่าน งั้นน่าจะไม่มีปัญหา แต่ว่า มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ครับ” กุ่ยเม่ยเกาหัวและหยิบเอากระดาษที่ดูเก่าแก่มากในกระเป๋าเสื้อออกมา พูดว่า “ตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์)ที่อยู่ใต้เขาหยินซาน กำแพงถล่มและในกำแพงมีแต่ฮู้(แผ่นยันต์)ที่อยู่ในกล่องไม้เต็มไปหมด และยังเขียนตัวอักษรด้วยเลือดไว้”
“เขียนว่าไง” กู้อ้าวเวยเอาคาถานั้นมาดู สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“เลือดต้องล้างด้วยเลือด” กุ่ยเม่ยตอบเบาๆ
สีหน้าของกู้อ้าวเวยมืดมนลง คนที่ใส่ชุดขาวนั้น มีสไตล์การทำคล้ายกับพี่น้องตระกูลจูในเรื่องโหวเซ่อ
ฮู้นี้ วาดภาพที่เหมือนภาพมุมของระฆังเหล็ก ว่าแต่ ตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์)หลังนี้ ฮ่องเต้น่าจะเป็นคนสั่งให้สร้างขึ้นมานะ แต่ที่ในกำแพงมีฮู้ของตระกูลหยุนนี้ รู้สึกแปลกจริงๆ มีใครสามารถอ่านเข้าใจฮู้นี้ได้ไหม”
“เฉิงเสี้ยงให้หลายๆคนมาดูแล้ว ใครก็ดูไม่ออกว่า หมายความว่ายังไง แต่ฮ่องเต้โกรธมาก ก่อนทานจะออกมา กำลังเรียกท่านอ๋องเข้าไปในวังด้วย” กุ่ยเมยตอบเธอ กู้อ้าวเวยกำลังคิ้วขมวดอยู่ พูดว่า “เรื่องนี้ ท่านอ๋องไม่มีส่วนร่วม และก็ไม่ใช่ฝีมือของเฉิงเสี้ยงด้วย”
แสดงว่า เรื่องนี้ คนที่ใส่ชุดขาวนั้นเป็นคนทำเอง
ก่อนหน้านี้ เธอให้กุ่ยเม่ยไปตรวจดูว่า คนที่เจอในหมู่บ้านช่าวประมงมีลักษณะยังไง กุ่ยเม่ยเคยบอกว่า ก็เป็นคนใส่ชุดขาวที่มาลอบสังหารในเมื่องเยว่ซานนั้นแหละ
แต่เธอไม่รู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาคืออะไร รู้แต่ องค์ชายสองกำลังจะชักชวนหู้ปู้เซ่อหลางมาเป็นพวก การต่อสู้ระหว่างองค์ชายยิ่งรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ เธอไปจากเมืองเทียนเหยียนที่อันตรายอย่างรวดเร็ว แต่สามารถเลือกผู้ที่มีความสามารถให้แก่องค์ชายสามได้อย่างตังใจ
ระหว่างทาง กู้อ้าวเวยกลัวว่าซ่านจินจื๋อจะให้คนแอบตามมาปกป้องตัวเอง ก็เลยหาทุกวิธีที่ไม่ให้พวกนั้นดูผิดปกติ เพื่อไปพบเจอผู้เรียนที่จะข้าวร่วมการสอบคัดเลือกขุนนาง จนถึงภูเขาเทียน รายชื่อที่จดไว้นั้น ได้พบไปแล้วเป็นส่วนมาก
ภูเขาเทียนมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี สุสานของหยุนชิงหยางอยู่เชิงใต้ภูเขาเทียน
เมื่อเดินทางผ่านอำเภอฉุ่ยหยาง มีชาวบ้านเตือนพวกเขาให้เตรียมเสื้อกันหนาวไว้ด้วย จึงปล่อยเข้ามาในภูเขา
ไม่ได้พากุ่ยเม่ยกับชิงต้ายมาด้วยในครั้งนี้ อยากรู้ว่าคนที่ใส่ชุดขาวนั้นจะตามตัวเองมาอยู่หรือเปล่า
เธอใส่ชุดสีขาวเหมือนกัน ถือกล่องอาหารไว้ในมือ เดินเข้าไปในป่าซีดาร์ บริเวณข้างๆเงียบมาก หิมะบนพื้นยิ่งอยู่ยิ่งหนาขึ้น
ออกจากบ้านตั้งแต่ตอนเช้า จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น เธอจึงหาเจอกำแพงพังทลายที่ใต้ภูเขาเทียน
ได้ยินว่า ตรงนี้เป็นที่ฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลหยุน แต่ก่อนเป็นวังอันสวยงามและหรูหรา เธอถอนหายใจลึกๆ ใบหน้าโดนลมพัดมา หนาวเย็นจนกลายเป็นสีชมพู เดินอ้อมกำแพงพังทลายนี้ไปอย่างทีละก้าว สุดท้าย หาเจอสุสานได้สักที
“เจอสักที” เธอก้มลงและค้ำหัวเข่า ถอนหายใจลึกๆ และเดินไปหน้าสุสาน
แต่เธอมองแผ่นหินจารึกหน้าหลุมฝังศพที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด แล้วคิ้วขมวด คุกเข่าบนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ มองดูทีละอัน แต่ก็ไม่เจอชื่อของหยุนชิงหยางเลย เธอขุดหิมะข้างๆออก ยังไม่เจออีกเหมือนกัน
เมื่อเธอกำลังรู้สึกแปลกใจอยู่ ได้ยินเสียงพูดของผู้ชาย “เขาไม่ได้ตาย ต้องไม่มีสุสานของเขาอยู่แล้ว”
กู้อ้าวเวยหันไปข้างหลังด้วยความตกใจ ผู้ชายคนนั้นใส่ชุดขาวเหมือนเดิม ยืนหันหลังกับเธออยู่บนพื้นหิมะ
“คุณติดตามฉันมาตั้งแต่เมื่องเยว่ซาน”
คุณฉลาดมาก” ผู้ชายใส่ชุดขาวนั้นยิ้ม เห็นระฆังเหล็กแขวนอยู่ที่เอวของเขาอย่างชัดเจนในท้องฟ้าสีขาว
กู้อ้าวเวยลุกขึ้นและมองหน้าเขา “การกระทำของคุณดูไม่ปกติมากเอง ฉันไม่เคยเจอคุณที่ตระกูลหยุน คุณตาก็ไม่เคยพูดถึงคุณด้วย”
“คุณไม่ถามเหรอว่า โลงศพของแม่คุณอยู่ไหน” ผู้ใส่ชุดขาวหยุดหัวเราะและถาม
“ฉันอยากรู้ว่า คุณคือใครมากกว่า” กู้อ้าวเวยพบจบ แอบเตรียมมีดเล็กและซ่อนไว้ในมือ เดินเข้าไปข้างหน้าอีก
“ผมแค่ช่วยคนอื่นทำเฉยๆ” ผู้ใส่ชุดขาวหันกลับมา ให้กู้อ้าวเวยเห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยเห็นแฟนกระดูกในมือของเขา จึงเก็บมีดใบเล็กในมือของตัวเองไว้
“ที่คุณปรากฎออกมาตอนนี้ คือมีอะไรจะบอกฉันหรือจะเอาของอะไรให้ฉันคะ” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นนิดๆ
“ที่ผมมา มีเรื่องจะมาบอกให้คุณครับ” ผู้ใส่ชุดขาวยิ้มและจับมือเธอ พูดว่า “หยุนชิงหยางปลอดภัยมาก เขายังแอบติดต่อกับตระกูลหยุนอยู่ ตอนนั้นที่บอกว่าเขาตายแล้ว จริงๆคือ จะให้เขาไปทำเรื่องที่สำคัญมาก”
“งั้นโลงศพของแม่ฉันละ” กู้อ้าวเวยปล่อยให้เขาจับมือตัวเองไว้
ผู้ใส่ชุดขาวยิ้มและปล่อยมือของเธอ พูดว่า “เก็บรักษาไว้อย่างดี ทั้งหมดนี้เป็นการวางแผนขอวพวกเขา เพื่อแก้แค้นให้กับคุณแม่ของคุณ”
“คือ กู้เฉิงเหรอ” กู้อ้าวเวยถาม เอามีดในมือไปขู่เขาที่คอ เมื่อเขาไม่ได้ระวังตัว พูดว่า “แม้ว่าหยุนหว่านเป็นแม่ของฉัน แต่กู้เฉิงก็เป็นพ่อแท้ของฉันเองด้วยนะ”
ตกใจสักพัก ผู้ใส่ชุดขาวชี้ไปที่มีดเล็กของเธอ เลือดไหลลงมา พูดว่า “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถือเอาโจรเป็นพ่อของตัว หยุนหว่านฮูหยินจะชอบคนใจร้ายอย่างกู้เฉิงได้ไง”
กู้อ้าวเวยตาโต มองหน้าเขาอย่างไม่กล้าเชื่อเลย และถาม “คุณได้ข่าวมาจากไหน”
“เป้าหมายของกู้เฉิง คือ จะใช้ความรู้สึกผิดที่คนในราชวงศ์มีต่อตระกูลหยุนและฝีมือเทคนิคการรักษาทางแพทย์ของคุณที่ในฐานะเป็นรุ่นหลังของตระกูลหยุน เป็นประโยชน์ต่อเขาเอง ถ้าเขาเป็นพ่อของคุณจริงๆ ทำไมจะให้คุณแต่งงานกับซ่านจินจื๋อที่มีคนรักอยู่แล้ว”
“คาชา—”
มีดในมือแตกเป็นสองด้านเมื่อผู้ใส่ชุดขาวคิ้วขมวด
เธอกำลังจะถามอะไรต่อ แต่ผู้ชายคนนี้ใช้ผ้าที่วางยาไว้ก่อนอุดปากของเธอ
ก่อนหมดสติ เธอเหมือนได้ยินผู้ชายคนนี้พูดว่า “ถึงวันที่คุณไปจากตำหนักอ๋อง ผมค่อยมาพบคุณ”