บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 293
บทที่ 293 เกิดความสงสัยในใจ
สีหน้าของกู้จี้เหยาเปลี่ยนทันที หลานเอ๋อร์จับมือเธอและพร้อมเตือนเธอด้วยส่ายหัวเบาๆ
กู้อ้าวเวยหัวเราะขึ้น ดึงมือตัวเองออกจากมือของซูพ่านเอ๋อที่จับเธอไว้ พูดว่า “แต่ก่อน คนที่ทำให้จี้เหยาเข้ามาในตำหนักอ๋อง ไม่ใช่ฉันนะ และปัจจุบันนี้ ในฐานะเป็นพี่สาว ให้เธอกลับบ้านแม่ไปพักเพื่อดูแลลูกในครรภ์ได้อย่างดี ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย หรือคุณคิดว่าไง จวนเฉิงเสี้ยงของเราเป็นยังไง ยังปกป้องรักษาความปลอดภัยของน้องสาวจี้เหยาไม่ได้เหรอ”
ซูพ่านเอ๋อสะอึก แต่ก็ไม่กลัว ตอบว่า “ฉันคิดว่าตำหนักอ๋องปลอดภัยกว่าจวนเฉิงเสี้ยงร้อยเท่า หรือพระชายาคิดว่าจะมีคนมาทำร้ายลูกของท่านพี่จื๋อเหรอคะ”
“ใช่” กู้อ้าวเวยยอมรับ “ถ้าลูกของกู้จี้เหยาเกิดอะไรขึ้นมา คุณกับฉันต้องรับผิดชอบ ท่านอ๋องให้อภัยคุณได้หลายครั้งแล้ว คุณคิดว่าคนเราจะเบื่อเป็นบ้างไหม”
พูดถึงคำว่า เบื่อ สีหน้าของซูพ่านเอ๋อดูไม่ดีขึ้นทันที
ตอนกู้อ้าวเวยไปภูเขาเทียน ซ่านจินจื๋อดูเป็นห่วงและไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ ซูพ่านเอ๋อเองก็รู้ว่าเพราะอะไร
ซ่านจินจื๋อกำลังสนใจเธออยู่ หันไปทางกู้อ้าวเวย
“คุณเหมือนปีศาจจิ้งจอกจริงๆ” ซูพ่านเอ๋อยิ้มแบะถอยหลัง พูดว่า “ใหเธอกลับไปก็ได้ แต่ถึงวันจริง พระชายากับพระชายารองต้องไปร่วมงานเลี้ยงในวัง แม้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ก็ทำลายกฎธรรมเนียมไม่ได้หรอก”
“ถึงวันนั้น เธอค่อยกลับมาพักที่ตำหนักอ๋อง” แววตากู้อ้าวเวยดูอันตรายขึ้น
อย่าทำให้ซูพ่านเอ๋อรีบร้อนเกินไปแล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวลูกในครรภ์ของกู้จี้เหยาอันตรายแน่
พอได้ยินคำตอบ กู้จี้เหยาจึงโล่งใจได้
กู้อ้าวเวยไปส่งกู้จี้เหยากับหลานเอ๋อร์ขึ้นรถม้า และเอายารักษาลูกในภรรภ์ให้หลานเอ๋อร์ด้วย เตือนว่า “อย่าไปหาเรื่องกับซูพ่านเอ๋อ ไม่งั้นฉันก็ปกป้องเธอไม่ได้”
“ข้าทาสจะดูแลเธอดีๆค่ะ” หลานเอ๋อร์พยักหน้าอย่างตั้งใจ
แม้ว่ากู้จี้เหยาไม่พอใจกับกู้อ้าวเวยมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ขึ้นไปนั่งอยู่ในรถม้า หวังว่าตัวเองจะคลอดลูกได้ปลอดภัย
มองที่หลังของรถม้าที่กำลังจากไป
ถ้าซ่านจินจื๋อรู้ว่า ลูกในครรภ์ของกู้จี้เหยาไม่ใช่ลูกตัวเอง และซูพ่านเอ๋อจะหาเรื่องกู้จี้เหยาในงานเลี้ยงที่ใกล้จะมาถึงนี้ คนที่จะได้รับความเสียหายมากที่สุด ก็คือ ซ่านจินจื๋อคนเดียวนี่เอง
ถอนหายใจเบาๆ ชิงต้ายกลับไปวิหารเฟิ่งหมิงพร้อมเธอ และถามว่า “คุณหนู คุณจะบอกท่านอ๋อง ว่า ลูกคนนี้ไม่ใช่…”
“ไม่ค่ะ เมื่อก่อน ฉันทำให้กู้จี้เหยาตั้งครรภ์เพราะความโมโหของตัวเอง แต่ตอนนี้ ฉันมีเรื่องสำคัญกว่านี้อีกที่ต้องทำ เรื่องของพวกเธอ ให้พวกเธอจัดการเองแล้วกัน”
เธอเองช่วยกู้จี้เหยาได้แค่นี้
คืนนี้ กุ่ยเม่ยเอาเล่มรายชื่อที่พวกเธอจัดไว้เรียบร้อยไปยังตำหนักองค์ชายสาม
กุ่ยเม่ยเข้าไปในห้องพักของซ่านเซิ่งหานอย่างคุยเคย ซ่านเซิ่งหานไม่ตกใจเลย รับเอารายชื่อเล่มนั้นอย่างไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ พออ่านแล้วเขาดีใจขึ้นมาทันที “ดีมาก พวกคุณค้นหาเจอคนที่มีความสามารถไม่น้อยนะในระหว่างทาง”
“เธอฝากผมบอกว่า อยากให้ท่านช่วยตรวจเรื่องราวเก่าของหยุนหว่านฮูหยินกับกู้เฉิงเสี้ยง”
“ได้ ผมจะสั่งคนไปตรวจให้” ซ่านเซิ่งหานพยักหน้า
กุ่ยเม่ยทำการคารวะแบบจีนและออกไปจากหน้าต่าง
เยว่ที่รออยู่ข้างนอก ตอนนี้ถือถ้วยซุปดอกบัวเดินเข้ามา และพูดว่า “ใครๆก็รู้กันหมด สำหรับเรื่องที่โลงศพของหยุนหว่านฮูหยินถูกขโมยไป พระชายาทำไมไม่สั่งให้คนไปตรวจเองละ กลับมารบกวนท่านอีก”
“เธอน่าจะคิดว่าเรื่องเก่านั้นมีปัญหาอะไรมั้ง แล้วอีกอย่าง เธอช่วยผมขนาดนี้ แค่ช่วยเธอตรวจสอบเรื่องแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก” ซ่านเซิ่งหานอ่านรายชื่อต่อ
เยว่เบะปาก แอบคิดอยู่ในใจว่า แม้ตัวเองอยู่ข้างๆซ่านเซิ่งหานมาตลอด แต่ยังไม่ก็ไม่ใช่ตัวอิสระ ไม่สามารถช่วยเขาไปตรวจสอบเรื่องทั่วที่ได้ ยิ่งอิจฉากู้อ้าวเวยที่สามารถทำหลายๆเรื่องได้
คิดถึงเรื่องนี้ เยว่คุกเข่าลงต่อหน้าซ่านเซิ่งหาน พูดว่า “ท่านองค์ชายคะ ช่วงนี้ฮูหยินได้กลับไปบ้านแม่ น่าจะเพราะเรื่องที่ตระกูลฉางให้รีบเอาลูกค่ะ ท่านไปพักกับฮูหยินบ้างไหมคะ”
ซ่านเซิ่งหานคิ้วขมวด ตอบว่า “เรื่องนี้ไม่รีบ”
“มีแต่คนสนใจเรื่องนี้นะ ถ้ามีลูกในเร็วๆนี้ ยังสามารถได้รับประโยชน์จากไทเฮาด้วย” เยว่ลำบากใจมาก จริงๆที่ตระกูลฉางพูดก็ถูกแล้ว เขาแต่งงานกับฉางอีฉินตั้งแต่แรก เพื่อหลอกตาคนอื่น ยังมีพระสนมด้วยซ้ำ แต่เวลานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีลูกสักคน จึงทำให้ฮ่องเต้เป็นห่วงเรื่องลูกมากเกินไป
“คุณไปก่อนเถอะ” ซ่านเซิ่งหานยกมือ เหมือนไม่เห็นถ้วยซุปดอกบัว
เยว่เดินออกไป และพร้อมถอนหายใจเบาๆ ฉางอีฉินที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกล กำลังจ้องมองห้องพักของซ่านเซิ่งหาน กำผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างแน่
แต่ซ่านเซิ่งหานแค่มองไปที่เตียงของตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ
การที่เยว่อยู่ข้างๆเขามาตลอดเวลา หรือความน่ารักของฉางอีฉินนั้น สู้กับช่วงเวลาที่ทำงานกับกู้อ้าวเวยในห้องเล็กๆนี้ไม่ได้เลย
เขาส่ายหัว และบังคับตัวเองอ่านรายชื่อต่อ
ทั้งคืนก็นอนไม่หลับ
แต่ตอนนี้ จวนเฉิงเสี้ยงกำลังวุ่นวายมาก ตอนแรกเพราะกู้จี้เหยาลงพุงกลับบ้านพักผ่อน ต่อมาคือเรื่องที่โลงศพของหยุนหว่านฮูหยินถูกขโมยไป และเรื่องกำแพงตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์)พังถล่มที่ฮ่องเต้ให้ก็ตามมาด้วย
วันต่อมาตอนเช้า คนรับใช้ที่รับผิดชอบไปจัดซื้อของ เมื่อเขาลากรถเดินไปข้างนอก ตกใจจนขาอ่อน และเรียกร้องเสียงดังทั่วเมืองเทียนเหยียน
ที่ผนังจวนเฉิงเสี้ยง เขียนด้วยเลือดว่า เลือดต้องล้างด้วยเลือด
กู้เฉิงเห็นแล้ว หน้าซีดขึ้นมาทันที โมโหจนหายใจลำบาก สั่งว่า “รีบล้างออกเร็วๆ ล้างออก”
กู้ฮูหยินเป็นลมทันที ทั้งจวนเฉิงเสี้ยงวุ่นวายเหลือเกิน
รวมทั้งกู้อ้าวเวยก็ต้องตื่นและลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า รีบไปยังจวนเฉิงเสี้ยง สั่งคนไปห้ามผู้คนที่เดินผ่านทั้งหมด และบอกให้พวกคนรับใช้ในจวนเฉิงเสี้ยงว่า “ใช้น้ำสาดโดยตรงเลย พวกคุณจะล้างแปรงแบบนี้ถึงเมื่อไหร่จึงจะสะอาดละ”
“เวยเอ๋อ เรื่องนี้เดี๋ยวพ่อจัดการเอง” คาดไม่ถึงว่ากู้เฉิงจะจับเธอถอยกลับไป พูดว่า “พวกเขามาด้วยความโหดร้าย คุณต้องระวังตัวดีๆนะช่วงนี้ อย่าไปเจอคนที่ไม่รู้จัก”
กู้อ้าวเวยหนักใจขึ้น แค่พยักหน้าเฉยๆ กลับไปที่ห้องโถงในจวนเฉิงเสี้ยง คุณหมอกำลังตรวจชีพจรให้แก่กู้ฮูหยิน และเธอเองกำลังหายาอยู่ ในขณะเดียวกัน ได้ยินเสียงตะโกนจากกู้ฮูหยิน ใช่นิ้วมือชี้หน้าเธอและพูดว่า “ทำไมคุณยังมีชีวิตอยู่ ปีศาจอย่างคุณทำไม่ไม่หายไปสักที ฮะ”
“ท่านแม่เล็กพูดอะไรคะ” กู้อ้าวเวยถือแก้วยาและลุกขึ้นมา
กู้ฮูหยินหน้าซีดมาก ยังไม่ค่อยมีสติ ถอยหลังและจับมือกู้อ้าวเวย พูดว่า “เวยเอ๋อ แต่ก่อนท่านแม่เล็กเป็นคนผิดเอง วันหลังท่านแม่เล็กจะดูแลคุณอย่างดีนะ คุณอย่า…”
“พูดมั่วอะไร” กู้เฉิงตะโกนจากข้างนอก กู้ฮูหยินเหมือนฟื้นมีสติแล้ว ยืนอยู่ที่เดิมไม่พูดอะไรอีกสักคำ