บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 300
บทที่ 300 เล่าเรื่องเก่า
กล่องไม้ตกลงบนพื้นที่ข้างๆเท้าของกู้อ้าวเวย
กู้จี้เหยารีบร้อยมาก ไปช่วยกู้ฮูหยินและเรียกร้องหาหมอมาตรวจรักษา ทุกคนรีบร้อนไม่รู้จะทำยังไง วุ่นวายเหลือเกิน มีแต่กู้เฉิงจ้องมองเธอและดวงตาแดงมาก เหมือนอยากจะฆ่าเธอ
“ลูกจำผิดเอง ฮู้สีเหลืองนั้นไม่ได้อยู่ที่สุสานของคุณแม่ แต่อยู่ในตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์)”
กู้อ้าวเวยพูดเบาๆ เธอยกมือและจับข้อมือของกู้เชิงที่กำลังจะตบหน้าตัวเอง กังฟูที่ได้เรียน ตอนนี้มีประโยชน์มากนะ เธอจับแขนของเขาอย่างแรง
“ที่คุณแม่เสียชีวิต ก็เป็นฝีมือของคุณกับท่านแม่เล็กนี่แหละ และเอาฮู้สีเหลืองมา เพื่อคุมวิญญาณคุณแม่ของฉันนั้นเหรอ อดีตจักรพรรดิมีราชโองการให้สร้างตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์) อันที่จริง คือ อยากให้แม่ของฉันตายอยู่ในนั้น และค่อยเอาไปฝังที่เขาหยินซาน เพื่อไม่ให้เธอมาแก้แค้นเอาชีวิตของคุณกับอดีตจักรพรรดิไป”
กู้อ้าวเวยเดินไปข้างหน้า พร้อมจับแขนของกู้เฉิงไว้อย่างแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา พูดว่า “บังเอิญจริงๆนะ หลังจากคุณส่งแม่จองฉันไปลานอื่น อดีตจักรพรรดิสวรรค์คตตามมาพอดี ตอนนี้ ตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์)พังถล่มไปแล้ว โลงศพถูกขโมย คุณบิดาคิดว่า คนต่อไปจะเป็นคิวของใครคะ”
“คุณรู้ได้ไง..”
กู้เฉิงยังพูดไม่จบ เห็นสีหน้าของกู้อ้าวเวยมืดมนลง ตกใจและพูดว่า “คุณแกล้งผม!”
ความท้อแท้สิ้นหวังกัดกินหัวใจของเธอจนแทบจะสลาย
กู้อ้าวเวยแค่เดาๆเอา จึงตั้งใจพูดอย่างคลุมเครือ เพื่อหลอกให้เขาพูดความจริง
คาดไม่ถึง ว่า ตัวเองเดาถูกจริงๆ แต่ถ้าอยากจะรู้จักความจริงในเรื่องอดีตนั้น เธอต้องแสดงต่อไปอีก จึงพูดว่า “ฉันแกล้งคุณเหรอ เรื่องนี้ คุณแม่ของฉันเป็นคนบอกเอง แต่ก่อน ฉันไปที่สุสานของคุณตา คุณแม่ใส่ชุดขาวและปรากฎตัวต่อหน้าฉัน บอกว่า พวกคุณเป็นคนที่ทำร้ายเธอ”
สีหน้าของกู้เฉิงเปลี่ยนไป และวางมือลง
กู้จี้เหยาช่วยค้ำกู้ฮูหยินและจ้องมองพวกเขาอย่าตกใจ
ติดเบ็ดแล้ว
“มีดที่เกิดสนิมนี้ เป็นของขวัญที่คุณแม่มอบให้คุณก่อนเธอเสียชีวิต ตอนนี้ คุณแม่เอามาให้ฉัน คุณบิดาคิดว่า มันหมายความว่ายังไงคะ” กู้อ้าวเวยยิ้ม
สีหน้าของกู้เฉิงมืดลง และไล่พวกคนรับใช้ออกไปหมด
“จี้เหยา คุณพาแม่ของคุณกลับไปพักก่อน” กู้เฉิงสั่ง
“คุณพ่อคะ นี่…”
“ออกไป!” กู้เฉิงมองเธออย่างโหดร้าย กู้จี้เหยาไม่เคยเห็นคุณพ่อมีสภาพโหดร้ายขนาดนี้ กลืนน้ำลายไม่รู้จะทำยังไง หลานเอ๋อร์รีบให้คนช่วยพาเขาสองคนกลับไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ เหลือแต่กู้อ้าวเวยพ่อลูกสองคนอยู่ในห้องรับแขกอย่างกว้างขวางนี้
จนกระทั่ง ทุกคนออกไปหมด กู้เฉิงจึงนั่งลงและพูดว่า “หยุนหว่าน เธอยังมีชีวิตอยู่เหรอครับ”
“ปีโน้น เธอไม่ตายด้วยซ้ำ” กู้อ้าวเวยยืนอยู่ที่เดิม กำกำปั้นอย่างแน่น และซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แต่สีหน้าดูปกติและมีรอยยิ้ม พูดว่า “ ตอนนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ก็ยังเกลียดคุณอยู่ ไม่เคยเปลี่ยน”
“ไม่น่า เธอจะมาเอาโลงศพของตัวเองไป…” กู้เฉิงหัวเราะอย่างไร้หัวใจ ดวงตาแดงมากและมองหน้ากู้อ้าวเวย พูดว่า “คุณเป็นลูกสาวที่ผมเลี้ยงโตขึ้นมา คุณเชื่อว่า บิดาเป็นคนฆ่าเธอเหรอครับ”
กู้อ้าวเวยเงียบ
“คุณแม่ของคุณ ได้ชื่อว่าเป็นหญิงสาวสวยที่สุดในแคว้นชางหลาน เชี่ยวชาญด้านศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกู่ฉิน การเล่นหมากล้อม หรือการเขียนตัวอักษร และการวาดภาพก็ตาม ความสวยงามของเธอนั้น ยิ่งดึงดูดผู้คนไม่รู้กี่พันคน แต่เธอไม่เข้าวัง กลับมาอยู่กับผม คุณรู้ไหมว่าทำไม” กู้เฉิงถาม
“ฉันไม่เคยเจอคุณแม่” กู้อ้าวเวยส่ายหัว
“คุรุเทพเจ้าดูดวงให้เธอ บอกว่า ถ้าเธอเข้าวัง จะกลายเป็นตัวนำความโชคร้ายให้แก่เมือง อดีตจักรพรรดิไม่เชื่อ เลยให้เธอเข้าวังไปเล่นกู่ฉิน ใครก็คาดไม่ถึง ท่องฟ้าเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ เกิดการเผาไหม้ในราชวัง และมีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อดีตจักรพรรดิจึงส่งเธอออกจากวัง” เล่าถึงที่นี่ เขาส่ายหัวและพูดต่อ “องค์ชายสองเคยเห็นหน้าเธอหนึ่งครั้ง เลยไปหาเธอทุกวันหลังเลิกเรียน กลับไปแล้วถูกเสด็จแม่ของเขาด่าทุกครั้ง พระสนมคนนั้นจึงไปฟ้องฮ่องเต้ ห้ามแม่ของคุณเข้าวังเด็ดขาด และยังได้ชื่อว่าเป็นนางยักษ์ด้วย”
นางยักษ์อะไร ทำร้ายประเทศยังไงละ ล้วนเป็นการใส่ร้ายระหว่างมนุษย์นี่เอง
“แล้วทำไมเธอได้แต่งงานกับคุณคะ” กู้อ้าวเวยถาม
“เพราะความงามของเธอ ผมได้เจอเธอที่ตลาดครั้งหนึ่ง เลยหลงรักเธอ และเข้าไปจีบ สุดท้ายจึงได้แต่งงานกับเธอ อดีตตักรพรรดิริดว่าเธอไม่สิริมงคล ให้คนไปสร้างตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์)ไว้ บอกว่า ถ้าจิ้งจอกปีศาจจากไปเมื่อไหร่ ต้องไปตายอยู่ในตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์) และไปฝังที่เขาหยินซาน จึงอนุญาตให้ผมแต่งงานกับเธอ”
“หลังจากนั้นละ”
“หลังจากนั้น เพราะผมเป็นคนหลายใจ เริ่มมีเมียสนมหลายคน แต่ก็เป็นหญิงสาวที่จากครอบครัวดี สามารถช่วยผมในด้านการเลื่อนตำแหน่ง คุณแม่ของคุณเป็นคนเย่อหยิ่ง เธอไปหาผู้ชายเมื่อผมไปทำงานที่เมืองอื่น ผมจึงโกรธโมโหมาก และเมียสนมพวกนั้น ก็ไม่เป็นเรื่อง ตั้งใจเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปด้วย” กู้เฉิงพูดจบ และเอามือบังตาตัวเอง
“เพราะฉะนั้น เมื่ออดีตจักรพรรดิทราบเรื่องนี้แล้ว ยิ่งคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นจิ้งจอกปีศาจจริงๆ ตอนแรกทำร้ายประเทศ ทีหลังทำตัวเป็นผู้หญิงที่ไม่ดีด้วย…” กู้อ้าวเวยช่วยเขาพูดต่อ
“ตอนนั้น อดีตจักรพรรดิจะประหารชีวิตของเธอ แต่ผมไม่ยอม จึงส่งเธอไปที่ตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์) เพื่อให้อดีตจักรพรรดิวางใจ”
“มีดที่เกิดสนิมเล่มนี้…”
“เมื่อแต่งงานกันตอนแรก ผมสัญญากับเธอ และใช้มีดเล่มนี้บาดมือ เพื่อแสดงความจริงใจ แล้วเอามีดให้เธอเก็บไว้ เธอฝังมีดเล่มนี้ไว้ที่บ่อน้ำ ขุดออกมาและเอามาให้ผมก่อนเธอจะจากไป” กู้เฉิงพูดไปด้วยและเหมือนจะร้องไห้ไปด้วย “ผมผิดสัญญากับเธอเอง”
“ทำไมคุณจะร่วมมือกับท่านแม่เล็ก ไปฆ่าเธอตายคะ” กู้อ้าวเวยพูดด้วยเสียงสูง
กู้เฉิงลุกขึ้นมา พูดอย่างโมโห “ก็เพราะแม่ของคุณทำร้ายลูกในครรภ์ของท่านแม่เล็ก และทางบ้านแม่ของท่านแม่เล็กคุณไปฟ้องกับฮ่องเต้ไง ฮ่องเต้จึงให้เธอผูกคอตายและให้เหล้าพิษแก่เธอกินด้วย ผมสามารถช่วยได้หนึ่งครั้ง แต่ช่วยไม่ได้ครั้งที่สองนะ”
กู้อ้าวเวยเงียบ ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
เธอแยกไม่ออกแล้ว ว่า ความจริงคือยังไงกันแน่ ใช้เล็บเจาะฝ่ามือตัวเอง จึงรู้สึกมีสติหน่อย และถามต่อว่า “คุณแม่ของฉัน ชอบทำอะไรที่สุดคะเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่…”
“ทำยาสิคะ เธอกับคุณก็เหมือนกัน ชอบตรวจรักษาคนไข้และช่วยประชาชน” เสียงพูดของกู้เฉิงเบาลง ดูเหมือนระลึกถึงอดีตมาก
กู้อ้าวเวยนั่งลง และถามเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคุณแม่ของเธอในอดีต
จนกระทั่ง สองคนใจเย็นลง กู้เฉิงจึงถามว่า “แม่ของคุณ ตอนนี้อยู่ไหนครับ”
“เธอไม่ได้บอกฉัน แค่บอกว่า ตอนนี้ เธอใช้ชีวิตอย่างสบายใจ เหมือนอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆมั้ง” กู้อ้าวเวยพูดเบาๆ ตั้งใจเน้นคำว่า หมู่บ้านเล็ก
กู้เฉิงพูดว่า “ถ้าเธออยู่ดีมีสุขก็พอแล้ว แต่ก่อน ผมทำไม่ดีกับเธอเอง”
“ถ้าเรื่องพวกนี้ แม่ไม่ใช่คนทำ งั้นคนที่ทำ จะเป็นใครคะ” กู้อ้าวเวยถาม
กู้เฉิงตกใจเล็กน้อย พูดว่า “เดี๋ยวพ่อไปตรวจสอบก่อน คุณอย่าพึ่งเผยแพร่ข่าวที่ว่า แม่ของเธอยังไม่ตายนั้นออกไปนะ กลัวจะเกิดอันตรายขึ้น”
“เข้าใจค่ะ” กู้อ้าวเวยพยักหน้า ในใจรู้สึกแปลกๆ