บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 304
บทที่ 304 งานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง
ในวันงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง ทุกอย่างในวังอ๋องจิ้งราบรื่นเป็นไปด้วยดี
ชิงต้ายกุ่ยเม่ยยังคงดูแลเรื่องอาภรณ์ที่พักหุงหาอาหารให้กู้จี้เหยา กู้อ้าวเวยทำได้เพียงเรียกฉีหรัวเข้ามาตั้งแต่ฟ้ายังมิทันสาง ให้นางช่วยแต่งองค์ทรงเครื่องสักหน่อย และก็ถูกเอ่ยตำหนิสองสามประโยคอย่างเลี่ยงไม่ได้ “พอสาวใช้ห่างกายแล้วเหตุใดแม้แต่จะสวมเสื้อผ้ายังทำไม่เป็น วันนี้จะสวมกิ๊บนี้หรือไม่ เอาข้างนี้”
“มันไม่ใช่แค่กิ๊บอันหนึ่งหรือไง…” กู้อ้าวเวยยกมุมปาก นางมองเห็นข้าวของกล่องเครื่องประดับดาษดื่นไปหมดก็พลันปวดเศียรขึ้นมา
ฉีหรัวดึงเส้นผมของนางเล็กน้อย เจ็บจนกู้อ้าวเวยเม้มปากกัดฟัน
“อ๋องจิ้งต้องตาบอดแล้วแน่ถึงได้ชอบท่านที่เป็นแบบนี้ได้” ฉีหรัวช่วยนางจัดการอย่างประณีต โดยเฉพาะอาภรณ์ชุดนี้ที่อ๋องจิ้งสั่งตัดให้นาง เข้าใจเลยว่าเพราะไม่อยากให้นางถูกคนดูแคลน ของที่ใช้นั้นเป็นถึงวัสดุผ้าชั้นดีที่สุด เฉพาะผ้าแพรปักตัวนอก กลัวว่าจะมีสาวปักสิบกว่าคนใช้เวลาปักกว่าสามเดือนแน่แล้ว
มีแต่กู้อ้าวเวยคนตาบอดผู้นี้ที่ดูไม่ออก ฉีหรัวทำได้เพียงบอกนางทีละข้อ
“ไหนจะเครื่องประดับชุดนี้อีก เฉพาะงานแกะสลักนี้ก็มีค่าหลายร้อยตำลึงแล้ว อำพันเลือดบนสายรัดเอวนี้คงจะประเมินมูลค่าไม่ได้เลยทีเดียวนะ…”
รับฟังอย่างเงียบๆ กู้อ้าวเวยจิตใจเหม่อลอยอยู่
เห็นกู้อ้าวเวยไม่ได้เอ่ยวาจา ฉีหรัวเพียงแค่ตบหัวไหล่ของนางเบาๆ สักหน่อย “ท่านเคยถูกความรักทำร้ายมาก่อน ก็อย่าเอาความรักไปทำร้ายผู้อื่น เขาทำร้ายชีวิตนี้ของท่าน ท่านจะเอาชีวิตนี้ของเขา ถ้าอย่างนั้นหัวใจดวงนี้ก็อย่าเอามันมาเลย”
กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมาดังๆ “เจ้ากับชิงต้ายนี่มันน่าสนใจจริงๆ เมื่อก่อนทั้งคู่ก็เตือนข้าให้หนีไป ตอนนี้กลับมาเตือนข้าให้ดีกับเขาหน่อย สรุปจะเอาอย่างไร”
“เอาคืนทีละอย่าง เขาติดอะไรท่าน ท่านก็ร้องขอสิ่งนั้น” ฉีหรัวทอดถอนใจ “หากใช้ความรักทำร้ายคน มันจะอึดอัดบางอย่างช่วยไม่ได้เลย”
“ข้ารู้น่า เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของเขา ที่จะไปงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงนั่นสักเที่ยว” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง
ทั้งสองกำลังสนทนากัน นอกเรือนมีสาวใช้นางหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “พระชายาจิ้งเจ้าคะ นอกวังอ๋องมีแม่นางจื่อเหมิงคนหนึ่งต้องการพบท่าน ซ้ำยังบอกว่านำของมาด้วยแล้ว”
“จื่อเหมิงคือใครกัน” กู้อ้าวเวยประหลาดใจ
“ใช่แม่นางจื่อเหมิงแห่งทิงเฟิงโหลหรือไม่” ฉีหรัวเอ่ย
สาวใช้พยักหน้า สีหน้าปั้นยาก
ทิงเฟิงโหลแห่งนี้ว่าไปแล้วก็เป็นสถานที่จิบชาและเสวนาเรื่องราวต่างๆ แห่งหนึ่ง แต่ด้านในโดยมากจะมีหญิงสาวร่วมร่ำสุราบรรเลงพิณด้วย เจ้าหน้าที่ใหญ่ๆ จำนวนไม่น้อยแม้จะไปกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยบอกให้แม่นางทั้งหลายเหล่านั้นแต่งเข้าเรือนเลยสักนิด ดังนั้นจึงจัดประเภทพวกนางให้อยู่ระนาบเดียวกับหญิงคณิกาประโลมสุขพวกนั้น
ได้ยินฉีหรัวเอ่ยเช่นนี้ กู้อ้าวเวยพลันนึกขึ้นมาได้ เมื่อก่อนตอนที่อยู่กับหลิ่วเอ๋อร์เคยเห็นนางมาก่อน ไม่ได้พบกันตั้งนาน ถึงขั้นจำไม่ได้เสียแล้ว
“ไปเชิญนางเข้ามาเถิด” กู้อ้าวเวยโบกมือหนึ่งที
สาวใช้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า และรีบไปทันที
หันหน้ากลับมา ก็เห็นฉีหรัวจ้องนางเขม็ง “แม้แต่สาวใช้ตัวเล็กๆ ยังรู้ว่าไม่อาจให้คนเข้าเรือนมาได้ง่ายๆ เป็นท่านนี่ดีจริงๆ โบกมือหนึ่งทีก็เชิญแขกเข้ามาได้แล้ว”
“เชิญเข้ามาแล้วมันจะอย่างไร ซ่านจินจื๋อก็ไม่อยู่เสียหน่อย” กู้อ้าวเวยกลอกตาขาว
ฉีหรัวเอียงศีรษะ พูดมาแล้วก็ดูเหมือนจะถูก นายท่านผู้นี้ไม่อยู่ เข้ามาในเรือนสักเที่ยวก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร
ผ่านไปสักพัก จื่อเหมิงในอาภรณ์สีม่วงอ่อนเดินกรุยกรายเข้ามาเป็นที่เรียบร้อย ในยามฤดูใบไม้ร่วงนางสวมเพียงแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นตัวบางๆ เท่านั้น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงดวงตาสีสันสดใสคู่นั้น มันช่างดูเหมือนหญิงคณิกาสุดๆ ไปเลยจริงๆ
เดินเข้าไปภายในห้อง จื่อเหมิงมองสำรวจรอบห้องก่อนเป็นอันดับแรก และหัวเราะเบาๆ ขึ้นมา “เจ้านายพูดไว้ไม่ผิด ท่านช่างเหมือนหยุนหว่านฮูหยินเอาเสียมากๆ เลย”
“เจ้าก็รู้จักท่านแม่ของข้าหรือ” กู้อ้าวเวยมุ่นคิ้ว มองนางอย่างระวังตัว
“ข้าไม่รู้จักอยู่แล้ว แต่เจ้านายของข้ารู้จัก และตั้งใจให้ข้านำของสิ่งนี้เข้ามามอบให้ท่านโดยเฉพาะ บอกว่าจะต้องให้ท่านสวมไปงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงคืนนี้ให้ได้” จื่อเหมิงยิ้มตาหยีพลางส่งกล่องไม้หนึ่งอันเข้ามาให้ เป็นลูกปัดสีดำเส้นหนึ่ง ด้านบนสลักลายเส้นซับซ้อนไว้ไม่น้อย
กู้อ้าวเวยรับมาสวมไว้บนข้อมือ นวดถูอย่างถี่ถ้วนหนึ่งเที่ยว และค้นพบว่าลายเส้นด้านบนเป็นประตูซุ้มนั่นเอง นึกถึงตรงนี้ นางหยิบหยกพกประตูซุ้มอันนั้นออกมา ยืนให้ด้านหน้าของจื่อเหมิง “นี่ก็เป็นของเจ้านายของเจ้าเหมือนกันหรือ”
จื่อเหมิงประหลาดใจ “ท่านเคยพบเจ้านายมาก่อนแล้ว?”
“นี่คือของที่เจ้านายของเจ้าไหว้วานคนให้มามอบกับข้า มันเป็นอะไรกันแน่” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว และยังคิดอยากเอาหยกพกประตูซุ้มอันนี้คืนให้จื่อเหมิงด้วย
“นี่ไม่ใช่ของเจ้านายหรอก เป็นของแม่ท่านต่างหาก ท่านเก็บเอาไว้เองถูกแล้ว” จื่อเหมิงมองหยกพกอันนั้นอย่างแปลกใจเหมือนกัน และยิ่งแปลกใจเพิ่มเข้าไปอีก
ดูเหมือนว่าจื่อเหมิงคนนี้จะไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับของสิ่งนี้
รู้ว่าเป็นของของท่านแม่ กู้อ้าวเวยก็เก็บกลับมาทันที ก่อนถามนาง “เจ้านายของเจ้าคือใคร”
“เจ้านายของข้าเป็นคนในยุทธภพ มีสัมพันธไมตรีกับแม่ท่าน หากท่านออกจากวังอ๋องในสักวัน ไม่แน่ว่านางอาจจะมาพบท่านด้วยตัวเอง แต่ท่านอยู่ในเทียนเหยียนแห่งนี้ สายตามากมายจับจ้อง นางเองก็ไม่สะดวกมา” จื่อเหมิงยิ้มบาง และในตอนท้ายยังไม่ลืมกระชิบข้างใบหูของกู้อ้าวเวย “ตอนเจ้านายของข้ายังสาวก่อเรื่องวุ่นวายเอาไว้ไม่น้อยเลย ตอนนี้ปลีกวิเวกอยู่น่ะ”
ดูเหมือนว่าจะสืบข่าวอะไรไม่ได้เสียแล้ว
กู้อ้าวเวยโบกมือ แล้วส่งจื่อเหมิงออกไป ยังคงสวมลูกปัดเส้นนั้นไว้บนข้อมือ แต่เอาหยกพกประตูซุ้มอันนั้นเก็บไว้อย่างดีแล้ว และซ่อนไว้อย่างระมัดระวัง
ฉีหรัวใคร่รู้ “ท่านสนิทกับคนของทิงเฟิงโหลมากเลยหรือ”
“ไม่สนิท เพียงแต่ดูเหมือนพวกนางติดตามข้าตลอดเวลา” กู้อ้าวเวยหยัดตัวลุกขึ้น รู้สึกเพียงว่าบนศีรษะเหมือนหนักเพิ่มหนึ่งกิโลกรัม อาภรณ์ชุดนี้ก็หนึกอึ้งกดทับบนไหล่ของนางอยู่ได้
“ผู้หญิงในทิงเฟิงโหล แต่ละคนล้วนดูคล้ายจะเจนโลก นอกจากธุรกิจแล้ว ก็เลี่ยงปฏิสันถารไว้หน่อยเป็นดี” ฉีหรัวเอ่ยเตือนนาง เห็นแขนเสื้อที่ดูเหมือนจะยาว จึงค่อยๆ ม้วนให้นางเล็กน้อยอย่างเบามือ “ในงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง ไม่มีซ่านจินจื๋ออยู่ข้างกาย ต้องตกเป็นหัวข้อซุบซิบนินทาแน่ๆ”
“กลัวข่าวลือไปไย กลัวใจมนุษย์เป็นดี” กู้อ้าวเวยขยิบตาให้นางเบาๆ
เมื่อก้าวออกจากประตูห้อง นางพับเก็บรอยยิ้มซุกซนบนใบหน้า เหลือไว้เพียงแต่ยิ้มอันบางเบา มุ่งไปเบื้องนอกอย่างไม่รีบไม่ร้อน ทุกๆ ฝีก้าวล้วนย่างกรายแน่นหนัก สาวใช้นอกประตูเดินตามหลังของนาง ต่างพากันก้มหน้างุด
ฉีหรัวมองดูเงาหลังของนาง แล้วถอนใจเบาๆ “ตำแหน่งพระชายาจิ้งนี่ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะนั่งอย่างมั่นคงจริงๆ สินะ”
ระหว่างทางไปขึ้นรถม้า ชิงต้ายและหลานเอ๋อร์เดินขนาบซ้ายขวาข้างกายกู้จี้เหยา
กู้อ้าวเวยนั่งลำพังอยู่ข้างๆ หลับตาเพื่อพักเอาแรง
อีกไม่นานกู้จี้เหยาก็จะคลอดแล้ว ตอนนี้กลับต้องฝืนไปเพราะเห็นแก่หน้าของวังอ๋องจิ้งและจวนเฉิงเสี้ยง สีหน้าซีดเหลือง ไม่ว่าแป้งฝุ่นแต้มชาดสักเท่าไรก็กลบเกลื่อนความซีดเซียวเอาไว้ไม่มิด
มายังพระราชทาน คล้ายกับว่ามีคนรู้เรื่องของกู้จี้เหยาตั้งแต่แรกแล้ว ถึงได้ตระเตรียมเกี้ยวเล็กๆ มาแบกโดยเฉพาะ
ท่ามกลางสวนพฤกษศาสตร์ราชวัง มีการร้องรำทำเพลงอยู่ก่อนแล้ว บรรดาสมาชิกสตรีบุคคลสำคัญและขุนนางราชสำนักนั่งประจำที่แต่เนิ่นๆ องค์ชายหลายพระองค์ต่างก็นำสมาชิกสตรีทุกตระกูลเข้ามาด้วย บัดนี้ลี่วานนั่งอยู่ข้างซ่านเชียนหยวนอย่างรู้งาน กลับดูหวานเยิ้มประหนึ่งปานน้ำผึ้ง
ทั้งสองหย่อนกายนั่ง กู้จี้เหยามักรู้สึกว่าไม่ค่อยสบายเท่าไร กู้อ้าวเวยกำลังยกมือขึ้นมาตรวจชีพจรให้นาง แต่ข้างหูกลับได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น
“ต่างก็พูดกันว่าพระชายาจิ้งมีทักษะการแพทย์สุดล้ำ ตอนนี้ดูท่า กลัวว่าวังอ๋องจิ้งคงไม่ต้องเชิญแม้แต่หมอตำแยมาแล้วกระมัง”
กู้อ้าวเวยไม่ดูด้วยว่าเป็นใคร เม้มริมฝีปากเบาๆ เอ่ยเสียงแผ่ว “หากท่านก็ตั้งครรภ์เหมือนกัน แล้วได้รับคำอวยพรเช่นนี้ ไม่สู้ให้ข้าเชิญหมอตำแยมาให้ท่านสักพันกว่าแปดร้อยคน?”