บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 306
บทที่ 306 ยืนยาวไม่แก่เฒ่า
“ไทเฮา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” กู้อ้าวเวยมองบุคคลเบื้องหน้ากลับไปกลับมา “จะว่าไปแล้วนี่มันก็แค่สายลูกปัดเส้นหนึ่งเท่านั้น มันจะสามารถซัดคลื่นโหมกระพืออะไรได้กันเชียว”
สายลูกปัดสีดำบนข้อมือเย็นวูบวาบ สิ่งที่เรียกว่าประตูยมบาลกลับทำให้นางยิ่งสงสัยใคร่รู้ไปกันใหญ่
ได้ยิน โจวซื่อ บอกว่า หยกประตูซุ้มอันนั้นเป็นของที่หญิงมีแผลเป็นบนหน้าคนหนึ่งมอบให้ ก็ควรจะไม่ใช่พรรคพวกเดียวกับคนชุดขาวผู้นั้นถึงจะถูก ไม่เช่นนั้นก็ควรจะส่งมาพร้อมกับสิ่งที่เรียกเชือกทวงชีวิตนั่นสิ
สีพักตร์ไทเฮาเคร่งขรึม “ไปบอกให้จื๋อเอ๋อร์กลับมา”
กู้อ้าวเวยแปลกใจ เหตุใดเรื่องราวมันถึงร้ายแรงขนาดนี้?
“เรื่องนี้อย่าได้แพร่ออกไปให้คนนอกรู้เด็ดขาด ไปทูลฮ่องเต้ว่าจะต้องมีคนจงใจหลอกใช้ประโยชน์ ปลุกปั่นโดยไม่รู้ดีชั่วอย่างแน่นอน” เสียงของไทเฮาเคร่งขรึมลงบ้าง และกวักมือทางกู้อ้าวเวย ให้นางตามตนไปยังระเบียงยาวไร้ผู้คน
กุ้ยมามาทอดมองไกลออกไป ก่อนจะถอนใจหนึ่งเฮือก “สิ่งที่ควรจะมา มันต้องหวนกลับมาเสมอ”
“เดิมเรื่องนี้ข้าไม่ควรบอกเจ้า แต่ปัจจุบันมีคนอยากจะทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ข้าก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว” ไทเฮาหันหลังให้กู้อ้าวเวย นิ่งเงียบอยู่เป็นนาน ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “คนรักของหยุนหว่านฮูหยินในตอนแรก คือองค์ชายตัวประกันของประเทศเอ่อตานในตอนนั้น ซึ่งก็คือจักรพรรดิของประเทศเอ่อตานในปัจจุบัน”
นางค่อยๆ เบิกตากว้าง กู้อ้าวเวยก้าวไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว “เช่นนั้นข้า…”
“แม่เจ้าก่อนจะจากไปยังเคยบอกกับทาสสาวข้างกายว่าเจ้าเป็นลูกของกู้เฉิง นางและองค์ชายตัวประกันของประเทศเอ่อตานนั้นมีเพียงความรักต่อกันเท่านั้น” ไทเฮาปรนลมหายใจหนึ่งเฮือก “ตอนแรก หากไม่ใช่ว่าองค์ชายตัวประกันประเทศเอ่อตานผู้นั้นยืนกรานจะแต่งงานกับแม่เจ้าให้ได้ เรื่องดังกล่าวก็คงไม่อาจเปิดโปง ฮ่องเต้องค์ก่อนเดิมคิดว่าแม่เจ้าเป็นดาวปีศาจ จากนั้นจึงนำตัวนางไปจองจำไว้ใน ตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์)”
“หลังจากนั้น องค์ชายตัวประกันประเทศเอ่อตานพยายามจะไปพบแม่เจ้าอยู่ซ้ำๆ แต่กลับถูกปฏิเสธ ในที่สุดก็หวนคืนประเทศเอ่อตานไป ผ่านไปไม่นานแม่เจ้าก็เสียไป ในตอนนั้นเขายังจงใจให้คนส่งจดหมายเลือดหนึ่งฉบับมาให้กู้เฉิงโดยเฉพาะอีกด้วย เขียนว่ากู้เฉิงฆ่าแม่เจ้าแล้ว” ไทเฮาตรัสต่อไป น้ำเสียงค่อยๆ ทุ้มต่ำลงเรื่อยๆ
กู้อ้าวเวยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนรักของท่านแม่เป็นใครกันแน่
“เช่นนั้น มันเกี่ยวข้องกับเชือกทวงชีวิต และกับข้าอย่างไรกัน”
“ถ้าหากมีคนบอกว่าโลงศพหยุนหว่านฮูหยินว่างเปล่า นางยังไม่ตาย และบอกอีกว่าความจริงเจ้าเป็นลูกของเขา ควรจะทำอย่างไรดี” ไทเฮาค่อยๆ หมุนกายกลับมา แววสังหารผุดขึ้นในดวงเนตร
กู้อ้าวเวยคิดสักพัก หัวใจทั้งดวงจมอึ้งลงไป
“หากฮ่องเต้ประเทศเอ่อตานถวิลหาท่านแม่ข้าจริงๆ ก็คงจะคิดว่าข้าเห็นโจรเป็นพ่อและนำตัวข้ากลับไป ส่วนอีกด้าน เขาย่อมเสาะหาท่านแม่เป็นการใหญ่ และยิ่งอยากรู้ความจริงในปีนั้น ก็จะรู้ว่าฮ่องเต้องค์ก่อนฆ่าท่านแม่ของข้าทางอ้อม และยิ่งจะรู้ว่าเฉิงเสี้ยงแห่งแคว้นชางหลานสังหารนางในดวงใจของเขา”
กู้อ้าวเวยกล่าวโดยละเอียด แต่ย้อนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เพื่อสตรีนางหนึ่ง เขาไม่อาจจะ…”
“เขาทำได้แน่ ปีนั้นเขาก็ทำเพื่อแม่เจ้า ถึงได้ร้องขอโองการพิเศษจากทางฮ่องเต้ให้กลับสู่ประเทศเอ่อตาน ตลอดทางก็นำความโชติช่วงดังวันนี้มาสู่ประเทศเอ่อตาน นับประสาอะไร หลายปีมานี้อารยชนต่างแคว้นจ้องตาเป็นมัน ก็ขาดเหตุผลจะเคลื่อนทัพแล้ว” สีพักตร์ของไทเฮาเปลี่ยนไป ยิ่งไม่กล้าคิดเลย
องค์ชายประเทศเอ่อตานผู้นั้นปักใจรักหยุนหว่านจริงๆ อย่าเพิ่งอภิปราย แต่ขอเพียงคนต่างแคว้นเกิดการปลุกปั่นเล็กน้อย บอกที่อยู่ของโลงศพหยุนหว่านฮูหยินไม่ชัดเจน ย่อมต้องถูกคนมีเจตนาหลอกใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน
“ไทเฮา ยังมีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกข้าหรือไม่” กู้อ้าวเวยอ้อมมายังข้างกายของไทเฮา ทำเพียงมองสระบัวเบื้องหน้าเท่านั้น “เหตุผลเหล่านี้ มันน่าเหลือเชื่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ทีเดียว”
ไทเฮานิ่งไปเล็กน้อย ผ่านไปเนิ่นนาน จึงปริปากเอ่ยเสียงแผ่ว “แม่เจ้ายังคงเป็นยอดฝีมือการใช้พิษ เชือกทวงชีวิตนี้ แฝงความลับตำรารวมทั้งหมดของแม่เจ้าเอาไว้ อีกอย่าง ปัจจุบันก็มีเพียงแม่เจ้าที่รู้สมบัติลับตระกูลหยุน ได้ยินว่าในนั้นยังมีตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่าด้วย…”
“มิน่าพวกท่านแต่ละคนถึงอยากโกหกข้า” กู้อ้าวเวยหัวเราะเสียงเย็น ตรงไปนั่งลงข้างระเบียงยาวเสียดื้อๆ มองไทเฮาเงียบๆ “พวกท่านคิดว่าตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่านั้นวางอยู่ด้วยกันกับตำรารวมของแม่ข้า ดังนั้นเชือกทวงชีวิตนี้ก็ดี องค์ชายประเทศเอ่อตานก็ดี ล้วนเป็นข้ออ้างที่ฮ่องเต้ประสงค์ตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่าทั้งหมด”
“ฮ่องเต้องค์ก่อนร้องขอชีวิต แต่กลับไม่ได้รับ ข้าก็เชื่อตั้งแต่แรกแล้ว”
ไทเฮาเดินมาถึงข้างกายของนาง และลูบหัวไหล่ของนางเบาๆ “บนโลกนี้มีคนจิตใจใฝ่สูงมากมายนัก หากเจ้าพกเชือกทวงชีวิตนี้ ช้าเร็วจะชักภัยมาถึงตัวได้ แต่ถ้าหากเรื่องนี้ไม่คลี่คลาย วันหน้าก็จะยังมีคนอ้างเรื่องก่อความวุ่นวายในกาลต่อไปแน่”
“ดังนั้นไทเฮา ท่านคิดอยากจะอาศัยข้าสวมเชือกทวงชีวิตนี้เรียกโจรมา และตัดรากถอนโคนคนที่คิดทรยศ ให้ท่านอ๋องกลับมาปกป้องข้า รอจนเรื่องราวคลี่คลาย วันหน้าก็ไม่ต้องมีเรื่องกังวลใจอีกแล้ว”
กู้อ้าวเวยทอดถอนใจเบาๆ ก่อนหยัดตัวลุกขึ้น “ไทเฮาไม่คิดจะทอดทิ้งข้าตรงๆ เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก”
ไทเฮาตอบรับหนึ่งที เห็นเพียงแต่กู้อ้าวเวยคารวะมาทางนางอย่างเคารพยำเกรง จากนั้นจึงเดินไปด้านนอก ยังคงเดินอกผายไหล่ผึ่ง เจือแววทรนงอยู่หลายขนัด
“หยุนหว่านหนอ ลูกสาวของเจ้าช่างเหมือนกับเจ้าจริงๆ เลย”
กล่าวจบ กุ้ยมามาเดินมาถึงเบื้องหน้าของไทเฮาแล้ว พลางเอ่ยเสียงเบา “ฮ่องเต้มีบัญชาลงมาแล้ว พระชายาจิ้งอยู่ข้างนอกตลอด ไม่เพียรรักษาคุณธรรมของสตรี มีประสงค์กักบริเวณอยู่ในวังอ๋องไม่อนุญาตให้ออกมา”
“แม้ฮ่องเต้จะไม่ทรงกังวลเรื่องยืนยาวไม่แก่เฒ่า แต่สุดท้ายก็ยังเป็นฮ่องเต้ พวกเขาไม่ผิดหรอก” ไทเฮากุมมือของกุ้ยมามาเอาไว้แน่น ก้มหน้างุด “ข้าแก่แล้ว ทำเพียงเฝ้าดูรุ่นหลังได้เท่านี้แล้ว”
“ไทเฮา พระชายาจิ้งรู้เรื่องบ้างแล้ว กลัวว่าจะชังท่านแล้วกระมัง ท่านเห็นนางเป็นเหยื่อล่อแบบนี้” กุ้ยมามามองไทเฮาอย่างเป็นกังวล ย่อมรู้อยู่แล้วว่าไทเฮาเห็นกู้อ้าวเวยเป็นเหมือนกับซ่านหลิงเอ๋อร์เมื่อก่อน รักทะนุถนอมยิ่งนัก
ไทเฮากลับส่ายหน้าเบาๆ กุมมือของกุ้ยมามาแล้วหมุนกายไปเบาๆ “นางเฉลียวฉลาดกว่าหลิงเอ๋อร์นัก”
กุ้ยมามาไม่ค่อยเข้าใจนัก ทำเพียงเดินตามไทเฮาออกไปจากสถานที่ขับค้องใจแห่งนี้
ในตอนนี้ งานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงยังคงราบเรียบเป็นปกติ กู้อ้าวเวยกลับมองไม่เห็นจุดจบได้ เกี้ยวตัวหนึ่งส่งนางกลับมากักบริเวณในวังอ๋อง
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ข้างชั้นวางสมุนไพรตากแห้งเพียงลำพัง ในดวงตาสองข้างไร้แววความรู้สึก ตอนนี้กุ่ยเม่ยจึงโรยตัวลงตรงปลายเท้าของนางอย่างแผ่วเบา เดิมคิดจะบอกข่าวที่แผนการเตรียมพร้อมแล้วให้กู้อ้าวเวยฟัง แต่เห็นดวงตาสองข้างของนางไร้แวว จึงกังวลอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
กู้อ้าวเวยบอกเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้กุ่ยเม่ยฟังอย่างเนิบนาบ ก่อนกล่าวต่อ “ที่แท้ในสายตาของคนในราชวงศ์ตระกูลหยุนของข้าก็เป็นเพียงแค่ตำรับยามีชีวิตเท่านั้น เคราะห์ดีที่ไทเฮาทรงปกป้องข้า เต็มใจให้ข้าเป็นเหยื่อล่อ ไม่ใช่ดวงวิญญาณที่ตายใต้คมดาบ”
“เพราะอะไรถึงจะเป็นวิญญาณใต้คมดาบกันเล่า? ถ้าหากมีคนคิดจะทำอะไรท่านจริงๆ ก็แค่บอกว่าท่านเป็นองค์หญิง ประเทศเอ่อตานสิ”
“แต่พวกเขาไม่อาจส่งข้าไปประเทศเอ่อตานได้จริงๆ หรอก” กู้อ้าวเวยยืนขึ้นช้าๆ สายตาคมวับขึ้นมาเล็กน้อย “ข้ามีห่วงโซ่แห่งวิญญาณ ซ้ำยังเป็นลูกสาวของหยุนหว่าน เป็นคนที่อาจหาตำรับยายืนยาวไม่แก่เฒ่าได้มากที่สุด ถึงแม้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะไม่ทรงต้องการ แต่คงไม่อาจให้ข้าไปเสี่ยงอันตรายที่ประเทศเอ่อตานโดยเด็ดขาด คงกลัวว่าข้าจะหาตำรับยายืนยาวไม่แก่เฒ่าได้จริงๆ”
“ยิ่งไปกว่านั้น เดิมข้าก็เป็นบุตรีของกู้เฉิง ถ้าหากไปประเทศเอ่อตานแล้วพบว่าข้าไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเขาเลย อาจจะตายทั้งซ้ายขวาก็ได้ แต่ถ้าข้าเต็มใจสวมห่วงโซ่แห่งวิญญาณเป็นเหยื่อล่อ ไทเฮาจะยินดีปกป้องชีวิตของข้า” กู้อ้าวเวยหัวเราะเย็นชา
นอกกำแพงเรือน ในบริเวณไม่ไกลนัก มีเปลวไฟสูงระฟ้า คนรับใช้วิ่งร้องกันจ้าละหวั่น