บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 323
บทที่ 323 การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วง
แค่พริบตาเดียว ก็จะถึงช่วงเวลาแห่งการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
ซ่านจินจื๋อพาซูพ่านเอ๋อหวนกลับมาก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน ทุ้งโจวก็ตามภรรยากลับมาพร้อมกัน องค์ชายสี่ซ่านเชียนหยวนดูเหมือนจะมีปากเสียงกับลี่วานอีกแล้ว เขากลับมาก่อนกำหนดหนึ่งวันแต่มารอในตำหนักอ๋องของซ่านจินจื๋อ ลี่วานส่งคนมาเรียนเชิญเขากลับไปสองครั้งก็ล้วนถูกปฏิเสธ
พักนี้กู้อ้าวเวยก็หยุดลั่นกองรบ ทำเพียงไปๆ มาๆ ตรอกเล็กๆ เพื่อดูโรงกลั่นสุราที่พวกของเจิ้งฉิงคุนเปิดกิจการ ทั้งยังไปจี้ซื่อถางและสำนักเยียนหยู่เก๋อมาแล้วหนึ่งเที่ยว หยินเชี่ยวฉีหรัวกำลังเคร่งเครียดในการตระเตรียมงานวิวาห์กันอยู่
มันคงจะดีถ้าหากช่วงระยะเวลานี้คงอยู่ตลอดไป
กู้อ้าวเวยสนุกสนานไปกับมันมาหลายวันแล้ว จากนั้นก็ลอบบอกกุ่ยเม่ยและชิงต้ายอย่างเงียบๆ “รอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ข้าก็จะออกจากตำหนักอ๋อง ดังนั้นช่วงระยะเวลานี้ ข้าต้องจัดการดูแลเรื่องในเทียนเหยียนให้เรียบร้อย”
ชิงต้ายรู้งานทันที “จะรอหลังจากหยินเชี่ยวออกเรือนแล้วค่อยไปกระมัง”
“ใช่แล้ว รอจนถึงตอนนั้นพวกเราจะออกไปข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องหัวหมุนในช่วงหลายเดือนนี้ ประจวบกับไปเล่นสนุกด้วยเลย ใช้ชีวิตอยู่สักพักค่อยกลับมาช่วยองค์ชายสาม รอจนเรื่องทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว ข้าจะขอราชโองการจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ โปรดทรงอนุญาตให้ตลอดชีวิตของข้าไร้กังวล พวกเราก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว “กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนปรบมือพลางยิ้มๆ
ดูแล้วท่าทางเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
ชิงต้ายทอดมอง ในหัวใจทั้งขมปร่าทั้งมีความสุข
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ กู้อ้าวเวยยังคงรักษาความเย่อหยิ่งเอาไว้ ทว่าผ่านเรื่องราวมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนนางจะมองเรื่องต่างๆ ได้ทะลุปรุโปร่ง ยิ่งเหมือนเด็กคนหนึ่งมากทุกที
กุ่ยเม่ยเองก็ถวิลหาอย่างยิ่ง ซ่านจินจื๋อรักษาสัญญาของเขาเอาไว้จริงๆ และไม่ได้มีท่าทีจะให้เขากลับไปเลย นอกจากคำของกู้อ้าวเวย เขาแทบจะไม่ฟังคำของใครเลย แต่ว่ากลับยินดีให้ชิงต้ายเป็นลูกมือ
พูดมาแล้ว พวกเขาสามคนดูเหมือนพี่น้องกัน เพียงแต่กุ่ยเม่ยที่มีวิทยายุทธ์สูงที่สุดกลับดูคล้ายเป็นน้องชายมากกว่า
ชิงต้ายใส่ใจรายละเอียด ความคิดอ่านปราดเปรื่องมือเท้าว่องไวสามารถดูแลผู้คนได้ ส่วนกู้อ้าวเวยกลับดูคล้ายเด็กน้อยเจ้าอารมณ์ แต่ดูแลร่างกายของกุ่ยเม่ยเป็นอย่างดี บอกว่าเขาฝึกวิทยายุทธ์นานเกินไปจนป่วยไปถึงรากเหง้า จำต้องทำการรักษา ดันชุดเข็มนวดและถ้วยนวดรนไฟให้ครบชุด
สางผมจัดระเบียบให้กู้อ้าวเวยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ผลัดอาภรณ์ที่เบาสบายให้ นางจึงออกไปข้างนอก
ชิงต้ายกุ่ยเม่ยเดินตามขนาบซ้ายขวา ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู พ่อบ้านสั่งคนให้นำหยินเอ่อมาส่งเรียบร้อยแล้ว
ซ่านเชียนหยวนนั่งบนรถม้าเริกม่านรถขึ้นพลางกวักมือเรียกนาง “มานั่งคันนี้ มันจะทำให้ท่านผ่อนคลายหายเหนื่อยทีเดียว”
กู้อ้าวเวยเห็นซ่านจินจื๋อมาแต่ไกล กำลังพาซูพ่านเอ๋อและกู้จี้เหยาเข้ามา จึงพลิกกายขึ้นไปนั่งลงในรถม้าของซ่านเชียนหยวน ชิงต้ายและกุ่ยเม่ยเองก็ถูกนางลากถูเข้ามาด้วยเช่นกัน
ทุกครั้งที่ทั้งสี่คนมารวมตัวกันมักจะคึกครื้นยิ่งนัก ก็ไม่รู้ว่าซ่านเชียนหยวนไปหาลูกเต๋างาช้างมาจากที่ไหน ถึงแม้ทั้งสี่คนจะเล่นการพนันไม่เป็น แต่กลับดึงดันจะเล่นตลอดทาง จะว่าไปแล้วตอนที่ซ่านเชียนหยวนมานั้นก็ดูระแวดระวังอย่างมาก ตอนนี้อยู่ด้วยกันกับกู้อ้าวเวยนานแล้ว ก็ดูขี้เล่นไม่น้อย
“ท่านกับฉีหรัวกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เหตุใดจึงเห็นว่าฉีหรัวดีกับหยินเชี่ยวมากขึ้นทุกที แต่ท่านกลับทะเลาะกับลี่วานให้ได้” หลังจากแพ้เกมน้อยใหญ่ไปแล้ว กู้อ้าวเวยจึงเอ่ยถามเขาอย่างใคร่รู้
ซ่านเชียนหยวนกลอกตาขาวแรงๆ หนึ่งที จากนั้นจึงลูบกระหม่อมด้วยสายตาแปลกประหลาด “ลี่วานเป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง ข้าเองก็ชอบอยู่มาก”
“ชอบแล้วยังทะเลาะกันอีก?” ชิงต้ายกอดลูกเต๋าพลางมองไปที่เขา
ซ่านเชียนหยวนลูบกระหม่อมต่อไป “แต่ว่า เวลาส่วนใหญ่นางมักจะทำตามที่เสด็จแม่ของข้าพูดทุกอย่าง พวกเจ้าก็รู้กระมังว่าเสด็จแม่ของข้าวิวาทกับไทเฮาได้อย่างร้ายกาจ แทบอดรนทนไม่ไหวให้ข้าดึงอำนาจของเสด็จอาดันตัวเองขึ้นบัลลังก์อยู่แล้ว…ฮ่าๆ”
กู้อ้าวเวยอุดปากของเขาเอาไว้ จ้องเขาเขม็ง “เสด็จอาของท่านอยู่ในรถม้าด้านหน้านี่เอง พูดพล่ามอะไรกัน”
ซ่านเชียนหยวนเบิกตากว้าง จากนั้นจึงกะพริบตาปริบๆ กู้อ้าวเวยจึงถอนมือกลับมา
เมื่อพูดถึงตรงนี้ซ่านเชียนหยวนก็จนปัญญาเช่นกัน ยกมือขึ้นไหวไหล่สองข้าง “อีกอย่าง ระยะนี้นางยังปลุกปั่นข้าวของอะไรบางอย่างในตำหนักอ๋อง ซ้ำยังหาคนในยุทธภพมา เป็นแม่นางสะสวยคนหนึ่ง บอกว่าเป็นท่านอาจารย์ที่นางบังเอิญพบในปีนั้น เก่งกาจยิ่งนัก ยามปกติประตูหลักไม่ออก ประตูรองไม่ข้ามผ่าน ก็ไม่รู้ว่ากำลังศึกษาข้าวของอะไรอยู่กันแน่”
กู้อ้าวเวยเลิกคิ้ว คนผู้นี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอาจารย์ที่สอนลี่วานให้ใช้พิษจินฉานก็ได้
แต่ว่าเห็นซ่านเชียนหยวนกำลังหัวเสียกับเรื่องนี้อยู่ พอย้อนกลับมาคิด หากแม้นซ่านเชียนหยวนไม่ชอบพอลี่วานเลย ก็คงไม่อาจใส่ใจขนาดนี้หรอก เพียงแต่ปิดปากไม่พูด เลี่ยงไม่ไปทำลายความสัมพันธ์ของผู้อื่น
คนทั้งขบวนเคลื่อนทัพไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดก็มาถึงนอกสนามล่าสัตว์เสียที
ก่อนหน้านี้กู้อ้าวเวยเคยมาแค่ครั้งเดียว ครั้งนี้นับว่าคุ้นเคยกับสถานที่บ้างแล้ว เพียงแต่ปีนี้ค่อนข้างทำเอาคนปวดกบาล ก่อนหน้ามีนางกับซูพ่านเอ๋อคอยอยู่ข้างกายซ่านจินจื๋อทั้งซ้ายขวา ปัจจุบันกลับมีกู้จี้เหยามาเพิ่มหนึ่งคน
ดูเหมือนซ่านจินจื๋อเพิ่งจะค้นพบเรื่องนี้ กำลังเป็นทุกข์อยู่พอดี กู้อ้าวเวยเริ่มสาวเท้าออกไปแล้ว “ท่านอ๋อง เวยเอ๋อจะไปหาไทเฮาสักหน่อย”
“ไปเถิด” หัวใจของซ่านจินจื๋อสงบลงมา ก่อนพาซูพ่านเอ๋อและกู้จี้เหยาไปหย่อนกายนั่งลง
ทว่ากลางดวงใจของซูพ่านเอ๋อกับกู้จี้เหยาต่างอัดอั้น พวกนางดูออก สำหรับซ่านจินจื๋อแล้ว กู้อ้าวเวยไม่จำเป็นต้องคอยอยู่ข้างกายตลอดเวลา มีตัวตนในสายตาทุกเมื่อ หากแต่อยู่ในหัวใจเขาต่างหาก
ซูพ่านเอ๋อฝืนยิ้มปริ่มสุขพลางเรียกว่าท่านพี่จื๋อหนึ่งครา ยิ่งมอบน้ำจัณฑ์ในมือยื่นไปให้พร้อม
ซ่านจินจื๋อดูเหมือนจะเฉยเมย ทว่ากู้จี้เหยาที่อยู่ข้างกายกลับช้อนสายตาขึ้น สังเกตเห็นกู่เซิงในกลุ่มผู้คน นางรู้ดี นี่ก็คือคนหนุ่มที่กำลังจะแทนที่ตำแหน่งของบิดา จากนั้นในดวงตาก็เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตา หลานเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายกระตุกแขนเสื้อของนางเบาๆ และกระแทกเข้ากับซ่านจินจื๋อแบบไม่ได้ตั้งใจ
ซ่านจินจื๋อเบนหน้ามามองกู้จี้เหยา เห็นกู้จี้เหยามีท่าทีเช่นนี้ ก็นึกถึงคำพูดของกู้อ้าวเวยขึ้นมา
ไม่ว่าจะเห็นแก่หน้าของกู้อ้าวเวย หรือเห็นแก่ในฐานะที่ซูพ่านเอ๋อทำร้ายชีวิตเด็กคนนั้น เขาก็ควรปกป้องนางไม่ให้วิตกกังวลตลอดชีวิต จึงเอ่ยวาจากับเฉิงซานที่อยู่ด้านข้าง “ร่างกายของกู้จี้เหยาไม่แข็งแรง ไปยกซุปบำรุงมาหน่อย และไปบอก กู่เซิงคนนั้นทีว่าตำแหน่งเฉิงเสี้ยงนี้ เขายังไม่ได้รับเลยนะ”
เฉิงซานมองกู้จี้เหยาแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกสะเทือนเล็กน้อย แต่ก็รีบไปทำอย่างรวดเร็ว
ท่านอ๋องมีใจให้กู้จี้เหยาตั้งแต่เมื่อไรกัน
กู้จี้เหยาเองก็มองทางซ่านจินจื๋ออย่างตื่นตระหนก รีบร้อนปาดหยาดน้ำตาตรงหางตาออก รินเหล้าให้ซ่านจินจื๋อหนึ่งแก้ว แต่ยังคงไม่พูดไม่จาสักคำดวงตาของซูพ่านเอ๋อที่อยู่ข้างกายพลันหรี่ลง เปี่ยมด้วยแววอันตราย
ส่วนกู้อ้าวเวยที่ลอบสังเกตทุกอย่างจากที่ไกลๆ ก็วางใจลงแล้ว
ดูแล้วไม่ว่าอย่างไรกู้จี้เหยาก็เป็นบุตรสาวของกู้เฉิง หลังจากรู้ว่าตนยืนอยู่คนเดียวไร้ผู้หนุนหลัง ก็รู้ว่าควรจะทำเช่นไรให้คนพึงพอใจได้
ครั้งนี้นางมาอยู่ข้างกายไทเฮา ตอนที่ไทเฮามองเห็นนางก็ยังรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย เข้าใจว่าเมื่อก่อนตนให้นางสวมเชือกทวงชีวิตเป็นเหยื่อล่อ ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บอีก ในพระทัยยิ่งรู้สึกละอายยิ่งแล้ว
กู้อ้าวเวยกลับล้วงถุงเครื่องหอมเล็กๆ อันหนึ่งออกมา นั่งลงข้างกายและผูกให้กับนาง “ไทเฮาขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี ในถุงเครื่องหอมนี้ข้าใส่ยาสมุนไพรบางชนิดเข้าไป กลิ่นหอมและยังดีต่อสุขภาพอีกด้วยเพคะ”
ไทเฮาแน่นิ่ง ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนให้นางอยู่เคียงข้างกายต่อ และเริ่มพูดกันเฉกเช่นเมื่อก่อน
ส่วนกู้อ้าวเวยกลับมองไม่เห็น ซูพ่านเอ๋อแสร้งโกรธซ่านจินจื๋อแล้ว ซ้ำยังอ้างการบาดเจ็บด้วยแผลไฟไหม้หมายจะไปแต้มยาในห้องข้างๆ เสียหน่อย ท้ายที่สุดก็ออกจากตำแหน่งที่นั่งไป
แต่ซ่านเซิ่งหานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับเห็นทุกอย่างในสายตา บัญชาลูกน้องว่า “ไปดูซูพ่านเอ๋อเอาไว้”