บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 327
บทที่ 327 แผดเผาท่ามกลางเพลิงโทสะ
“เรียนท่านอ๋อง ทางตะวันตกเฉียงเหนือมีแอ่งเขาแห่งหนึ่ง เนินลาดชันรายล้อมด้วยป่าลึก แต่กิ่งไม้เล็กๆ บางส่วนถูกตัดขาดแล้ว” องครักษ์ลับนายหนึ่งรีบรุดหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เฉิงซาน” ครั้นซ่านจินจื๋อปริปาก ก็ได้ควบม้าห้อตะบึงไปยังแอ่งเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ในใจระส่ำสับสน
เรื่องนี้มันพิลึกเกินไป ทั้งยังให้กู้อ้าวเวยลากองค์ชายสามไปมีเอี่ยวด้วย องค์ชายสามผู้นี้ทำตัวแปลกๆ กระทั่งฉวยจังหวะช่วงชุลมุนฆ่ากู้อ้าวเวยเสียก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเขายิ่งสับสนขึ้น
ตลอดทางจนถึงแอ่งเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ แน่นอนว่าที่ตรงนี้มีกิ่งไม้เล็กๆ บางส่วนถูกตัดไปจริง ในโคลนอ่อนละแวกใกล้เคียงยังมีรอยกีบม้าสองแห่ง ไม่รอให้เฉิงซานส่งคนลงไป ซ่านจินจื๋อลอยตัวร่อนลงไปค้นหาอย่างถี่ถ้วนเรียบร้อยแล้ว
แต่ทว่ากลับหาเจอเพียงแต่บ่อน้ำแร่หนึ่งแอ่งภายใต้แอ่งเขาแห่งนี้ ก้อนหินด้านข้างบ่อน้ำแร่ยังมีเศษผ้าอยู่หลายชิ้น
นัยน์ตาของซ่านจินจื๋อทอแววจืดจางลง ก้าวถอยหลังโดยจิตใต้สำนึกตามเฉิงซานที่รีบตามลงมา องครักษ์ด้านหลังต่างตัวสั่นงันงก
“ไปหา!” เฉิงซานส่งคนไปตามหาอย่างรวดเร็ว
ทว่ามีเพียงตัวเขาเองที่รู้ แต่ไรมาพวกเขาไม่เคยเห็นซ่านจินจื๋อมีท่าทีเช่นนี้นอกสนามรบมาก่อนเลย
เรื่องราวไม่ได้เป็นไปตามความประสงค์ ทุกอย่างราวกับมันถูกกำหนดจากเบื้องบนแล้ว
กู้อ้าวเวยไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ขาซ้าย แต่ซ่านเซิ่งหานปีนขึ้นมาตามทางลาดภูเขาได้อย่างไม่ง่ายดายนัก เสาะหารอบบริเวณในดงป่าภูเขาทึบอันมืดมิดแห่งนี้ ตอนที่ดึงสติกลับมา กู้อ้าวเวยก็ไม่มีเสียงแล้ว ราวกับผล็อยหลับสู่ห้วงนิทราลึกไป
ซ่านเซิ่งหานรีบวางนางลง เรียกนางติดต่อกันหลายครั้งก็ไม่มีการตอบสนอง
“สมควรตาย” เขาสบถเสียงต่ำหนึ่งประโยค ซ่านเซิ่งหานรีบร้อนปลดเสื้อนอกของตนลงมา ห่อตัวนางเอาไว้
หน้าผากของนางร้อนผะผ่าว ขืนยังไม่จัดการบาดแผลต่อไปมีหวังเกิดเรื่องแน่
ตัวซ่านเซิ่งหานเองก็ไม่กล้าลงมือดัดกระดูก ทำเพียงรีบห่อหุ้มนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วเรียกชื่อนางไม่หยุดสักวินาที
ประมุขสวรรค์มิอาจขวางกั้นผู้เพียรพยายาม เพิ่งเดินออกมาครู่เดียว เขาก็ได้ยินเสียงของเหล่าทหารดังลอยมาแต่ไกล ซ่านเซิ่งหานไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากมายเท่าใดนัก ทำเพียงรีบเดินไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว สองฝ่ายดูแลกันและกัน มีคนคิดจะมารับกู้อ้าวเวยไป ซ่านเซิ่งหานกลับกัดฟันไม่อนุญาต
“สองคนเดินนำทางอยู่ข้างหน้า คนที่เหลือคอยตามอยู่ด้านหลัง” ซ่านเซิ่งหานกัดฟัน
เรื่องนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ซูพ่านเอ๋อกับลี่วานแม่นางสองคนทำลงไปก็ตาม แต่ปัจจุบันองค์ชายสองไร้กำลัง เขา…ซ่านเซิ่งหานเป็นผู้ที่จู่โจมทุกด้าน ในอ้อมอกของเขายังมีพระชายาจิ้งทั้งคน ข้างกายยังมีองครักษ์ตั้งมากมายขนาดนั้นอีกหากว่าในนั้นมีสายลับขององค์ชายองค์อื่นๆ เช่นนั้นคงจบเห่
และในนั้นก็มีหลายคนที่สายตาค่อนข้างแปลกไปจริงๆ ด้วย แต่ไม่อาจขัดขืนคำสั่งขององค์ชายสาม จึงทำเพียงเดินตามอยู่เบื้องหลังอย่างว่าง่าย
ในขณะเดียวกันนี้ กู้อ้าวเวยลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
ซ่านเซิ่งหานมองนางอย่างดีอกดีใจ เขากระชับเบาๆ กู้อ้าวเวยจึงอู้อี้ออกมาหนึ่งที ลืมตาขึ้น ยกมือขึ้นวางไว้บนหน้าผากของตนโดยตรง มองดูเปลวไฟรอบบริเวณ “ถึงค่ายแล้วหรือ”
“ยังหรอก” เสียงของซ่านเซิ่งหานแผ่วเบา
ส่วนองครักษ์ไม่กี่คนด้านหลังคล้ายกับจะก้มศีรษะลงดื้อๆ ซ่านเซิ่งหานกลับหัวเราะเย็นชา เพิ่มเสียงดังเข้าไปอีก “พระชายาจิ้ง ครั้งนี้กลัวว่าจะมีคนจงใจปองร้ายท่านแล้ว”
คนที่อยู่ข้างหลังนิ่งทื่อเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้มีการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง
ซ่านเซิ่งหานรู้สึกว่าตัวเองพนันถูกแล้ว ในใจกลับคิดว่าองค์ชายคนไหนที่ฉลาดเยี่ยงนี้ ถึงขั้นมีอุบายแบบนี้เชียว
คนที่อยู่ด้านหลัง มีจุดประสงค์แตกต่างกัน บ้างก็จะสังหารเขา บ้างก็อยากจะฆ่ากู้อ้าวเวยเช่นกัน ดังนั้นถูกถามเกี่ยวกับมันหน่อย ก็รู้สึกว่าถูกมองทะลุเสียแล้ว จึงสงบลง
กู้อ้าวเวยเลิกเรียวคิ้วขึ้น ผ่านไปสักพักจึงตอบสนองกลับมา หัวเราะเบาๆ หนึ่งที “ท่านช่างฉลาดจริงๆ”
“ขอบคุณที่ชม” ซ่านเซิ่งหานจนปัญญา กลับรีบสาวเท้าเร็วขึ้น หมายจะกลับไปด้านในค่ายหลวงโดยเร็วที่สุด
ในขณะเดียวกันนั้น คนอีกขบวนหนึ่งได้ส่งข่าวไปบอกซ่านจินจื๋อผ่านหน่วยม้าเร็วแล้วเรียบร้อย
หลังจากซ่านจินจื๋อรู้ข่าวเข้าก็รีบนำคนวกกลับ พอรู้ว่าซ่านเซิ่งหานรอบคอบจนไม่อนุญาตให้คนเอาตัวพวกเขาไปด้วยหน่วยม้าเร็ว ซ้ำยังรู้อีกว่ากู้อ้าวเวยบาดเจ็บที่เท้าซ้าย ในใจก็ยิ่งเดือดดาลหาใดเปรียบ
ก่อนการต่อสู้อันหนักหน่วง ซ่านจินจื๋อได้ติดต่อกับกองทัพไว้แล้ว
ซ่านเซิ่งหานเห็นเพียงแต่มีเงาดำทะลุออกมาจากในป่า เงาร่างของซ่านจินจื๋อพุ่งเข้ามา โรยตกอยู่ปลายเท้าของซ่านเซิ่งหานอย่างมั่นคง ซ้ำยังรับเอากู้อ้าวเวยที่ยังคงสะลึมสะลือไปไว้ในอ้อมแขนของตน
กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าเบื้องหน้าพร่าเลือน ตอนที่หยุดลงได้อย่างยากลำบากนั้น ก็มองเห็นในดวงตาทั้งสองข้างของซ่านจินจื๋อเปี่ยมด้วยแววเข่นฆ่าพอดี จึงตกใจสะดุ้งโหยง ปริปากเอ่ยด้วยสัญชาตญาณ “ข้าไม่อยากตาย”
“ข้าเอง” ซ่านจินจื๋อนิ่งไปเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกระชับหัวเข่าเบื้องล่างของนางเบาๆ
กู้อ้าวเวยเจ็บจนได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว ฝ่ามืออันไร้เรี่ยวแรงพุ่งตรงฟาดเข้าบนลำคอของซ่านจินจื๋อ ร้องครวญออกมาหนึ่งที “เจ็บ!”
ได้ยินเสียงนี้ แสงสว่างในดวงตาของซ่านเซิ่งหานหายวับไป
นางไม่พูดว่าเจ็บต่อหน้าของตนเลย คล้ายกับไม่เชื่อใจตน
“ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ” แววเข่นฆ่ารอบตัวของซ่านจินจื๋อพับเก็บไปไม่น้อย ใช้วิชาตัวเบาพานางโรยตัวลงด้านข้างค่ายหลวงอย่างมั่นคง ทำเพียงเรียกหมอจำนวนไม่น้อยเข้ามาดัดกระดูกให้นาง
ครั้นได้ยินคำว่าดัดกระดูก หัวใจทั้งดวงของซ่านจินจื๋อพลันห่อเหี่ยวขึ้นมา ทำเพียงเฝ้าอยู่ข้างเตียงของนาง กำมือของนางแน่น ดวงตาสองข้างจ้องหมอกลุ่มนั้นเขม็ง “เร่งมือเร่งเท้ากันหน่อย”
หมอพากันเช็ดหยาดเหงื่อบนหน้าฝน รีบเข้ามาดัดกระดูกให้กับกู้อ้าวเวย
หมอยังไม่ทันขยับ ยังคงอยู่ในขั้นตอนการสัมผัสกระดูก กู้อ้าวเวยคว้าซ่านจินจื๋อเอาไว้พลางหัวเราะ “มีความรู้สึกเหมือนข้าคลอดลูกแล้วท่านหมอคอยดูอยู่ข้างๆ เลย”
“วอนโดนฟาด” ซ่านจินจื๋อจ้องนางแวบหนึ่ง เหตุใดคนผู้นี้ถึงมักจะไม่เห็นชีวิตของตนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายทุกทีเลย
“ท่านยังพูดคำพรรค์นี้เป็นเหมือนกันนี่ อย่าฟาดข้าเลยนะ ร่างกายข้าอ่อนแอ…อื้อ” กู้อ้าวเวยยังไม่ทันได้พูดเสร็จ ก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบดังขึ้น กระดูกนั่นจัดระเบียบเรียบร้อยแล้ว กู้อ้าวเวยมุ่นหัวคิ้ว บัดนั้นมีเม็ดเหงื่อออกเต็มกาย แต่ตอนที่หมอช่วยนางพันปากแผล นางก็กัดฟันไม่ส่งเสียงสักแอะ
ซ่านจินจื๋อจับไหล่ของนาง “เจ็บก็ร้อง”
กู้อ้าวเวยกลอกตาใส่เขา ซ่านจินจื๋อเข้าใจว่านางเจ็บสุดทนจริงๆ แล้ว ไม่ขยับเขยื้อน จนกว่าหมอหลายคนรุมทึ้งเสร็จแล้ว กู้อ้าวเวยถึงได้เอนพิงบนไหล่ของเขาอย่างโรยแรง “ถ้าท่านอยู่เป็นเพื่อนข้าที่นอกประตู ข้าก็คงร้องแล้ว”
“เพราะอะไร” ซ่านจินจื๋อหยิบน้ำมาให้นาง
“แน่นอนว่าต้องทำให้ท่านเป็นห่วงข้า ชอบข้าน่ะสิ” กู้อ้าวเวยหัวเราะคิกคักขึ้นมา ดื่มน้ำหนึ่งอึก และกินโจ๊กเนื้อไปเล็กน้อย ก่อนจะเอนพิงบนไหล่ของซ่านจินจื๋อ ไม่ส่งเสียง
ซ่านจินจื๋อรอสักพัก จึงวางตัวนางลงเบาๆ บัญชาให้คนล้อมรอบนอกค่ายเอาไว้ ก่อนจะยืนมั่นอยู่เบื้องหน้าของเฉิงซาน
แววสังหารปรากฏในบัดดล ดวงตาสองข้างของซ่านจินจื๋อดูเหมือนจะจืดจางลงไปอีกเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์
“ไปหาคนที่ทำร้ายคนพวกนั้นออกมาให้ได้”
“ขอรับ” เสียงของทหารหลายสิบนายดังลอยตามสายลม จู่ๆ ลมรอบบริเวณพลันหยุดชะงักลงคล้อยตามพยางค์สุดท้ายที่สิ้นสุดลงไป
เฉิงซานคุกเข่าครึ่งกายลงบนพื้น หลุบศีรษะต่ำ
ท่านอ๋องถึงขนาดโกรธเคืองเพื่อกู้อ้าวเวยเสียแล้ว
ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ในมุมระยะไกลออกไปมองทุกสรรพสิ่งในสายตา หัวใจดั่งไร้ความหวัง
นางเองก็เคยเห็นท่าทางเช่นนี้ของซ่านจินจื๋อมาก่อน แต่ครั้งนั้น คนอื่นเกือบจะฆ่านางต่อหน้าของซ่านจินจื๋อ
ส่วนตอนนี้ เขากลับถึงขั้นอดกลั้นเพื่อกู้อ้าวเวย จนกระทั่งยามที่ออกมาแล้วถึงระเบิดมันออกมา!