บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 347
บทที่ 347 สืบไม่เจอ
กำแพงสูงที่จวนของซ่านจินจื๋อดูไปแล้วก็สูงกว่าปกติเล็กน้อย
“ข้าจะพบท่านอ๋อง” กู้อ้าวเวยขอบตาแดงก่ำเดินมาถึงหน้าประตูที่มีองครักษ์ยืนอยู่ด้านหน้า
“ท่านอ๋องมีคำสั่งว่าไม่ว่าใครก็ไม่พบ” สีหน้าขององครักษ์ทั้งสองไม่ไหวติง
กู้อ้าวเวยกัดฟัน หันตัวกลับไปที่วิหารเฟิ่งหมิง เอาเรื่องที่วันนี้ไปได้ยินมาทั้งหมดเล่าให้กุ่ยเม่ยฟัง กุ่ยเม่ยกลับคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คาดเดาไว้อยู่แล้ว “ในดวงตาของท่านอ๋อง ชีวิตของผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเหมือนกับต้นหญ้า”
“แต่บัดนี้ข้าไม่มีใครเป็นที่พึ่งแล้ว” ใบหน้าของกู้อ้าวเวยดูไม่สบายใจ
นางเอาชื่อเสียงของพระชายาจิ้งทำลายจนหมดสิ้นไปนานแล้ว แต่ซ่านจินจื๋อกลับบอกกับผู้คนภายนอกว่านางไม่ได้รับความเอ็นดู บวกกับเรื่องเชือกทวงชีวิตนั้นกับฮูหยินหยุนหว่าน พวกขุนนางต่างพากันจะโค่นอำนาจอ๋องจิ้ง ก็เลยไม่ยอมเข้าใกล้นางแม้แต่นิด
แต่องค์ชายสามคือผู้ที่สามารถช่วยได้ แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหยุนเลย ไม่รู้ว่าเขาจะยอมช่วยเรื่องเผือกร้อนมือเช่นนี้หรือไม่
น้าจางนำชิงจือวางลงบนเตียงให้นอนหลับ ก็เดินดุ่มๆ เข้ามา ได้ยินคำพูดของกู้อ้าวเวย ดวงตากลิ้งไปมาชั่วครู่แล้วรีบพูดว่า “ไม่เช่นนั้นก็ให้ข้าไปที่ตำหนักขององค์ชายสาม ส่งจดหมายให้สักหน่อยเถอะ”
“อันตรายเกินไป” กู้อ้าวเวยมองนางอย่างบอกไม่ถูก คนที่ฉีหรัวส่งมา แน่นอนว่านางเชื่อหมดใจอยู่แล้ว “อีกทั้งหากเข้าไปโดยตรงเช่นนั้น เกรงว่าจะปกป้องตัวเองไว้ไม่ได้”
“งั้นก็ต้องไปส่งข่าวสักหน่อย ท่านอยู่ขอร้องอ๋องจิ้งทางนี้ก่อน ข้าจะไปไต่ถามองค์ชายสามทางนั้นเอง ก็หวังว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ได้” น้าจางรู้ชื่อเสียงของกู้อ้าวเวยมานานแล้ว นางรู้สึกชอบพอมาก ก็ยินดีที่จะเสี่ยงอันตรายเป็นธรรมดา
ในเมื่อน้าจางพูดเช่นนี้แล้ว กู้อ้าวเวยก็ได้เพียงตอบตกลง
กุ่ยเม่ยกลับห้ามปรามนาง “ตอนนี้ใจของเจ้ายังไม่นิ่ง พักผ่อนสักหน่อยก่อนเถอะจะดีกว่า ตื่นขึ้นมาค่อยมาคิดหาวิธี”
กู้อ้าวเวยยังอยากจะชนกันซึ่งหน้าไปเลย แต่พอได้ฟังที่กุ่ยเม่ยพูดก็เลยพยักหน้า หันหน้าไปแล้วนอนลง
แต่พอถึงตอนกลางดึกที่อากาศเย็น กุ่ยเม่ยยังคงนอนอย่างไม่รู้สึกตัวอยู่ในห้อง ก็ได้ยินเสียงประตูถูกผลักออก รีบจับกระบี่ข้างกายของตนแน่นอย่างทันที ลุกขึ้นนั่งอยู่บนแคร่เตียงด้วยเสียงเบาๆ ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องไปที่ประตู
แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก กลับเห็นเงาของร่างที่ดูคุ้นเคยร่างหนึ่ง
“ข้าคิดออกแล้ว อีกทั้งตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะเจาะพอดี” กู้อ้าวเวยเดินเข้ามา จับกุ่ยเม่ยแน่นแล้วเดินออกไป
กุ่ยเม่ยรีบจับนางเอาไว้ จุดตะเกียงแล้วใส่เสื้อผ้า ถามนางว่า “ตอนนี้มีวิธีการอะไรหรือ”
กู้อ้าวเวยนั่งลงตรงฉากบังตา ตอบว่า “เจ้าพาข้าบุกเข้าไปเลย ข้าจะให้เขาเลือกแค่สองตัวเลือก ให้เขาเขียนหนังสือหย่าให้ข้า ไม่ก็ให้ข้าไปตายด้วยกันกับตระกูลหยุน”
ท่าทางการใส่เสื้อผ้าของกุ่ยเม่ยนิ่งไปชั่วครู่ “ท่านอ๋องจะยอมหลงกลเจ้าหรือ”
“วันนี้ซูพ่านเอ๋อให้ข้าไปเห็นแล้ว ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าข้าสำคัญต่อเขามากแค่ไหน” กู้อ้าวเวยมองฉากบังตาอย่างเย็นชา
เดิมทีกุ่ยเม่ยอยากจะห้ามปรามนาง แต่พอคิดถึงชีวิตของคนตระกูลหยุนที่มากมายขนาดนั้น จึงปิดปากดีกว่า
หลังจากหนึ่งก้านธูปผ่านไป ทั่วทั้งตำหนักอ๋องจิ้งปั่นป่วนขึ้นมา
มือข้างหนึ่งของกุ่ยเม่ยจับกู้อ้าวเวยที่กำลังอยู่หน้าห้องหนังสือของซ่านจินจื๋อ ตอนที่เฉิงซานและพรรคพวกบุกเข้ามา ทำให้กู้อ้าวเวยกลิ้งไปสองตลบ คลานขึ้นมาจากพื้น พอเงยหน้าก็สบตาเข้ากับซ่านจินจื๋ออย่างจัง
“ข้าจะมาเอาหนังสือหย่า” กู้อ้าวเวยลูบหน้าของตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นหิมะหรือเป็นของอะไรที่เป็นน้ำ ตอนที่ปัดหัวเข่าลุกขึ้นยืนก็ไอไปสองที
บนคอของกุ่ยเม่ยก็มีดาบสองเล่มส่องสว่างวางอยู่ ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมขยับไม่ได้
กู้อ้าวเวยปัดมือให้ชายชุดดำสองคนที่อยู่ข้างกายกุ่ยเม่ย ผลักประตูเข้าไปในห้องหนังสือด้วยตัวเอง ถูมือไปมาแล้วเดินมาที่ข้างตัวเขา
ซ่านจินจื๋อจัดการของบนโต๊ะทั้งหมดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับว่ากำลังเตรียมการที่จะทำอะไรอยู่ กู้อ้าวเวยก็ไม่มีอารมณ์ที่จะใส่ใจนัก
“เจ้าอยากไปสืบเรื่องที่ตระกูลหยุนทรยศขายชาติหรือ” ซ่านจินจื๋อมองนาง
“ใช่ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมออกมา ข้าก็จำเป็นต้องมาหาเจ้าเอง” กู้อ้าวเวยเดินขึ้นมาข้างหน้าอีกรอบ เอาเรื่องที่ออกไปวันนี้กับซูพ่านเอ๋อแล้วได้ยินมาพูดออกมาหนึ่งรอบ สีหน้าของซ่านจินจื๋อกลับไม่มีอะไรผิดปกติเลยแม้แต่น้อย อาจจะเพราะรู้อยู่แล้วก็เป็นได้
“หนังสือหย่าไม่ได้ ตระกูลหยุนก็เป็นไปไม่ได้” ซ่านจินจื๋อปิดตาลง ส่งสายตาให้เฉิงซาน สองคนที่อยู่นอกประตูก็เก็บดาบขึ้น กุ่ยเม่ยก็ไปยืนที่ด้านข้างอย่างว่าง่าย ก้มหน้าลงกับพื้น
“ข้าไม่สามารถทนเห็นคนของตระกูลหยุนได้รับความไม่เป็นธรรมไม่ได้” กู้อ้าวเวยเดินขึ้นไปอีก “เจ้าอาจจะทำเป็นไม่สนใจได้ แต่นั่นคือท่านปู่ของข้า เขาไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้เด็ดขาด”
“เขาไม่ได้บอกให้เจ้ารู้ด้วยซ้ำว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ายังจะปกป้องตระกูลหยุนอย่างไม่กลัวอันตรายใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อหยุนชิงหยางอีกหรือ” ซ่านจินจื๋อค่อยๆ ขมวดคิ้ว เขายังส่งชิงจือไปอยู่ข้างตัวของกู้อ้าวเวยอีก
กู้อ้าวเวยค่อยๆ อึ้งไป เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าที่จริงแล้วหยุนชิงหยางปิดบังเรื่องนี้อยู่ แต่คนที่บอกนางกลับเป็นผู้ใส่ชุดขาวที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ยังมีพัดกระดูกอีกด้วย
ความลังเล ณ นาทีนี้ถูกซ่านจินจื๋อมองดูอยู่ในสายตา “ก็ไม่แน่ว่าเขาจะทำแล้วจริงๆ แต่แค่ไม่อยากให้เจ้าโดนร่างแหไปด้วย”
“งั้นข้าก็ต้องสืบดู เพื่อมายืนยันความบริสุทธิ์ของตระกูลหยุน” กู้อ้าวเวยจ้องมองนางอย่างใกล้ชิด
“ไม่ได้” ซ่านจินจื๋อส่ายหัว
หากให้กู้อ้าวเวยล้างมลทินให้ตระกูลหยุน ถ้าเช่นนั้นเรื่องที่จะตรวจค้นบ้านก็เป็นไปไม่ได้ ส่วนเรื่องที่จะได้ใบยาฉบับนั้นมาก็เกือบจะเป็นไปไม่ได้อีก ก่อนที่คนของเขาจะหาใบยานั้นเจอ จะให้กู้อ้าวเวยทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“พาพระชายาออกไป” ซ่านจินจื๋อสะบัดมือ ไม่พูดอะไรอีก
กู้อ้าวเวยจะพยายามดิ้นรนอย่างไร ก็สู้แรงขององครักษ์พวกนั้นที่จับไว้ไม่ได้ ถูกโยนกลับมาที่บนเตียงของวิหารเฟิ่งหมิงอีกครั้ง
นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเช้ากุ่ยเม่ยจึงมาช่วยนางแก้มัด “พวกเราคิดแผนการอื่นเถอะ”
กู้อ้าวเวยขยับข้อมือไปมาเล็กน้อย เส้นทางของหลิ่งหนานตระกูลหยุนอยู่ไกล หากจะสืบคดีนี้ต้องยืมมือของซ่านจินจื๋อไปดูหลักฐานพวกนั้น ต้องไปที่ทิงเฟิงโหล คิดหนทางที่จะติดต่อกับหยุนชิงหยางให้ได้ แต่ทั้งหมดนี้ จะทำให้สำเร็จภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองเดือนได้อย่างไรกัน”
ลงมาจากบนเตียง “ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไรกัน เจ้าไปหาหยินเชี่ยวตอนนี้เลย ช่วยข้าส่งจดหมายหน่อย”
“ข้างนอกต้องมีคนคอยขัดขวางแน่นอน” กุ่ยเม่ยขมวดคิ้ว
“หากมันขวางทางเจ้า เจ้าก็บอกว่าป้ายผ่านทาง เอาชีวิตของพระชายาจิ้งมาแลก” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างเย็นชาตายใจ “ในเมื่อเขาอยากจะเอาข้าไว้ข้างกาย ก็ไม่อาจจะตัดช่องทางของข้าไปได้หมดหรอก”
กุ่ยเม่ยปฏิบัติตามวิธีนี้ องครักษ์ที่ด้านนอกประตูไม่กล้าขัดขวางอีกอย่างที่คิด
ได้ยินเรื่องนี้ ซ่านจินจื๋อตบโต๊ะอย่างโมโห อารมณ์โกรธสุดขีด
ชีวิตของพระชายาจิ้งดีจริงเอามาแลก กู้อ้าวเวยผู้นี้มองออกว่าตนไม่ลงมือกับนางเป็นแน่ จึงกล้ากำเริบเสิบสารเช่นนี้
“ท่านอ๋อง ข้าไปวิหารเฟิ่งหมิงเอาชิงจือมาดีกว่าไหม กดดันพระชายา……”
คำพูดที่เหลือของเฉิงซานถูกสายตาเย็นชาของซ่านจินจื๋อตัดคำจบ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก เอาความโกรธที่เมื่อครู่นั้นกลืนลงไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยและหยิบเอาสมุดบัญชีขึ้นมาดูใหม่อีกครั้ง พูดด้วยเสียงนุ่มลึกว่า “แม้ว่านางจะไปสืบหาก็สืบไม่ได้อะไรหรอก”