บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 35
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 35 มองยังไงก็สกปรกอยู่ดี
ฉีหลินก็ยังบอกนางในตอนที่ได้รู้สถานะของกุ้อ้าวเวยเมื่อวานนี้ และยังบอกเรื่องอื้อฉาวที่แพร่กระจายอยู่ในวังไม่น้อยอีกด้วย เช่นฮ่องเต้ยังเคยวางแผนที่ให้ซ่านจินจื๋อขึ้นเป็นฮ่องเต้คนต่อไป แต่เรื่องที่เกี่ยวกับซูพ่านเอ๋อ ก็มีแต่เรื่องที่ลอบสังหารครั้งนี้เท่านั้น
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซ่านจินจื๋อและซูพ่านเอ๋อเองก็นึกถึงเรื่องครั้งนั้นเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะซ่านจินจื๋อมาได้ทันการ ซูพ่านเอ๋อคงได้ ล้มหายตายจากไปนานแล้ว หลังจากวันนั้นจึงได้พาซูพ่านเอ๋อเข้าไปอยู่ในตำหนักอ๋องที่สร้างขึ้นใหม่ นางป่วยมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้อาการเจ็บป่วยบนร่างกายนางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายแต่อย่างใด
หลังจากนั้นเขาก็ได้ทะเลาะกับฮ่องเต้ยกใหญ่ ฮ่องเต้กลับพูดว่าทั้งหมดนี้ก็เพื่อเขา
ซ่านจินจื๋อจึงได้สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฮ่องเต้จึงได้แต่งตั้งลูกชายคนโตของฮองเฮาอย่างซู๋เซ่อขึ้นเป็นไท่จื่อ ซูพ่านเอ๋อไม่เคยเป็นกังวลเรื่องรอยแตกร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างซ่านจินจื๋อและฮ่องเต้แต่อย่างใด ในวันนั้นเขาแค่เพียงโมโห ตอนนี้จึงได้แต่นั่งหวนระลึกถึง
หากสามารถดึงฮ่องเต้ลงมาจากเบื้องสูงได้ ซ่านจินจื๋อก็คงจะนั่งเสพสุขอยู่ในใต้หล้านี้ไปแล้ว ซูพ่านเอ๋อจึงเป็นฮองเฮาที่ดูน่าเชื่อถือที่สุด ! แต่ไม่สู้เท่าวันที่นางปกปิดในวันนี้
“เพล้ง——–”แก้วสุราที่อยู่ในมือแตก น้ำชาได้สาดกระเด็นเต็มโต๊ะ
กุ้อ้าวเวยคว้าผ้าด้วยความฉับไวซับน้ำชาที่ไหลรินอยู่บนโต๊ะไว้ ซูพ่านเอ๋อได้กุมมือของเขาไว้ด้วยใบหน้าเป็นกังวล พร้อมกับพิจารณาอย่างละเอียดด้วยดวงตาแดงก่ำ : “ท่านพี่เพคะ เรื่องในปีนั้นก็ได้ผ่านไปแล้ว…….”
“ข้าตื่นเต้นไปหน่อย” ซ่านจินจื๋อหลับตาลง จนกระทั่งความโกรธเกลียดและความชิงชังในแววตาได้ถูกชะล้างออกไปหมดสิ้น
ซูพ่านเอ๋อใช้ปลายนิ้วเช็ดให้แก่เขาจนสะอาด สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างได้รีบรุดหน้าเข้ามาจัดการบนโต๊ะ เพียงอย่างเดียวที่ปรากฏอยู่ในแววตาของกุ้อ้าวเวย นั้นก็คือสายตาของซ่านจินจื๋อผู้นี้ได้ชื่อชอบการเป็นนักต้มตุ๋นซะแล้ว จึงได้ทำการตักของว่างยัดเข้าปาก ก่อนพูดต่อว่า : “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเพคะ ข้ารู้อะไรควรไม่ควร เพียงแค่อยากได้การคำรับประกันจากท่านอ๋องเท่านั้นเพคะ”
“เจ้ารู้อะไรควรไม่ควร ?” ซ่านจินจื๋อไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด คนที่ทะเลาะกับเขาใหญ่โตภายนอกร้านเหล้าเมื่อวานก็คือนาง
“ธรรมดาเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็ต้องเสาะหายาถอนพิษสำหรับแม่นางพ่านเอ๋อ และยังเป็นแพะรับบาปอยู่แล้ว ในตอนนี้ก็ยังอยากช่วยท่านให้ไปมาหาสู่ฮองเฮา เจ้าสามารถรับประกันให้ข้าได้หรือไม่?” กุ้อ้าวเวยยิ้มพลางเติมน้ำชาลงไปในแก้วให้แก่เขาอีกครั้ง เมื่อเห็นเขายกขึ้นมา จึงได้พูดต่อว่า : “สิ่งที่ข้าต้องการมีไม่มาก แค่เพียงหลังจากนี้เจ้าจะไม่ทำร้ายข้า ไว้หน้าข้ายามอยู่ด้านนอก ไม่ทำให้ข้าสุดจะทนจนต้องออกไปก็พอแล้ว หากไม่ตกลงเรื่องนี้ ข้าก็จะยอมหย่าร้างให้เจ้า ต่อไปก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้า”
“ซูพ่านเอ๋อยังต้องการสูตรลับสมุนไพรสองอย่างของเจ้าอยู่” เสียงเพล้งดังขึ้นในยามที่ซ่านจินจื๋อได้นำแก้วกระทบโต๊ะ
“งั้นก็รับประกันกับข้า” สายตาของกุ้อ้าวเวยได้ฉายแววเฉียบคมขึ้นมาทันใด ตามสถานะนี้ของนางไม่น่าจะกลัวหัวหดได้ เพียงแค่ต้องโทษเจ้าตัวที่ดูอ่อนแอเกินไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับซ่านจินจื๋อ
สายตาทั้งสี่ประสานกัน ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงกัน
ผู้ที่ทนดูไม่ได้เป็นคนแรกสุด กลับเป็นซูพ่านเอ๋อ
นางรีบเข้าไปดึงแขนของซ่านจินจื๋อไว้แล้วลากเขามา ในใจกลับคิดว่า ให้นางจากไปเป็นดีที่สุด แต่กลับพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น : “ท่านพี่จื๋อ เวลานี้เป็นเวลาล่าสัตว์ หากมีคนมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดีนะเพคะ”
“พ่านเอ๋อพูดก็ถูก” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับซูพ่านเอ๋อ ซ่านจินจื๋อจึงได้อ่อนโยนลงมา
กุ้อ้าวเวยที่ไม่รับการรับประกันกลับไม่ได้ร้อนใจแต่อย่างใด เพียงแต่แสดงออกถึงความไม่ชอบซูพ่านเอ๋อมากขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อซ่านจินจื๋อพาลูกน้อยของนางมาได้ถึงในระดับนี้ ทำไมยังอยากสิ้นชีวิตอีกละ กระตุ้นนางให้ตามเข้ามาพัวพัน
เพียงแค่เลือดมังกรนี้และถุงน้ำดีหงส์ยังไม่ได้อ่านจากตำราโบราณอย่างละเอียด ถึงอย่างไรนางก็มักจะเชื่อมั่นว่ารากฐานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นในทุกๆวันนางจึงเอาแต่ศึกษาตำราแพทย์ และก็ค้นพบว่าสมุนไพรที่อยู่ในนี้ผลลัพธ์ที่ดีไม่น้อย เพียงแต่ต้องผสมกันหลากหลายชนิดหน่อย ซึ่งมากกว่าที่นางรู้ทั้งหมดหลายเท่า
เมื่อนึกถึงความรู้ทางการแพทย์ นางจึงได้หยิบตำราแพทย์ของตัวเองออกมา ชิงต้ายก็ได้กลับมา พร้อมกับนำกล่องไม้ส่งมอบให้กับเซียวไห่แล้ว ชิงต้ายเองก็ไม่รู้ว่ากล่องนั้นห่ออะไรอยู่ จึงทำได้เพียงแค่ยื่นหน้าเข้ามาซักถามกุ้อ้าวเวย
กุ้อ้าวเวยได้แต่หัวเราะกับเขา : “นำของที่ช่วยบรรเทาบางส่วนและบำรุงรักษาบางส่วนใส่เข้าไปในหมอนจะช่วยให้หลับสบายมากขึ้น หากไม่มีกลิ่นหอมแล้วก็นำยาที่ต้มสุกเทใส่น้ำชา มันก็จะหอมหวานขึ้น”
“บรรเทาได้อย่างคาดไม่ถึงเชียวหรือ?” เซียวไห่ได้เปิดกล่องไม้นั้นดมเบาๆ แต่มันกลับหอมหวาน ทำให้ความทุกข์ทรมารลดลงเล็กน้อย
“แม่ทัพเซียวก็สรรเสริญมากเกินไป ข้ายังต้องการศึกษาตำราโบราณจากบรรพบุรุษของเจ้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณอย่างไรจริงๆ เพียงแต่ว่าต่อไปหากแม่ทัพเซียวต้องการอะไรบอกข้าได้” กุ้อ้าวเวยโค้งตัวต่อเขาอย่างจริงใจ การโค้งคำนับบนเก้าอี้บ่งบอกถึงจิตใจที่เคารพนับถือ
สำหรับครอบครัวขุนนางที่ร่ำเรียนวิชาแพทย์แบบนาง หากอ่านตำราโบราณสูตรลับของครอบครัวผู้อื่น ต้องเตรียมการเพื่อแสดงออกถึงความเคารพ ถึงแม้ว่าประเพณีจะดูคร่ำครึกไม่น่าสนใจก็ตาม แต่นางกลับยอมรับเฉกเช่นเดียวกับท่านปู่และท่านพ่อ นี่คือการเคารพต่อความรู้ทางการแพทย์
แม่ทัพเซียวรีบโบกมือไปมา : “พระชายา ใช่ไม่ได้เลยพะยะคะ”
“จิตใจที่มีความเคารพต่อคนสมัยโบราณ หมอในยุคสมัยสมควรทำเพคะ” กุ้อ้าวเวยทำได้เพียงแค่ยิ้มพร้อมกับโบกมือไปมา จากนั้นก็ออกคำสั่งต่อชิงต้ายให้เตรียมของส่งมอบให้กับตำหนักของแม่ทัพเซียวในตอนที่กลับไป
ซ่านจินจื๋อเห็นภาพทั้งหมดนี้ จึงได้หลุกขำออกมา และเกิดความรู้ว่าว่ากุ้อ้าวเวยเป็นคนที่น่าดึงดูดมาก
“คนของคุณหนูกุ้ช่างดีจริงๆ เฉิงยีเฉิงเอ้อก็ชื่นชมนางไม่ขาดปาก” ซูพ่านเอ๋อพูดขึ้นอยู่ด้านข้างเบาๆ
“แต่เป็นคนที่น่าหยอกเย้าก็เท่านั้น” ซ่านจินจื๋อพูดเสียงต่ำ แล้วเลือกขนมปิ้งให้แก่ซูพ่านเอ๋อด้วยตัวเอง จากนั้นก็ป้อนเข้าปาก มันช่างหอมหวานพิเศษ
กุ้อ้าวเวยได้ยินคำพูดของซ่านจินจื๋อ จากนั้นก็หยิบตำราแพทย์ขึ้นมาอ่านเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญ
พูดได้ว่าเป็นตาสุนัขมองคนต่ำ จิตใจสกปรก มองยังไงมันก็สกปรก
ในระหว่างที่ทั้งสองคนมองหน้ากันไม่ได้อยู่นั้น เสียงร้องอย่างน่าเวทนากลับดังขยายออกมาจากในป่า ทหารม้าก็ต่างพากันรีบวิ่งออกมาจากป่า จากนั้นก็คุกเข่าลงแล้วตะโกนขึ้น : “องค์ชาย 4 ตกจากม้า! สัตว์ที่ล่าในสถานที่ล่าสัตว์ทำร้ายองค์ชาย 4!”
“อะไรกัน! ยังไม่รีบนำตัวขององค์ชาย 4 ออกมาอีก !” ข้าหลวงข้างกายได้ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ในเวลานั้นซ่านจินจื๋อก็ยืนขึ้นมาทันใด องค์ชาย 4 ผู้นี้คือหนึ่งในพระราชโอรสที่เขาสนิทที่สุด มีทักษะศิลปะการต่อสู้ และเติบโตในค่ายทหารมาพร้อมกับเขา ทำไมถึงได้ตกลงจากม้าได้!
“เตรียมม้า” ซ่านจินจื๋อกวัดแกว่งมือใหญ่ ฮ่องเต้ก็มีใบหน้าซีดเซียว องค์ชาย 4 เป็นแก้วตาดวงใจของเขา
“ข้าเองก็จะไปกับเจ้า” กุ้อ้าวเวยได้นำตำราทางการแพทย์ยัดใส่ในอ้อมแขนของชิงต้าย แล้วรีบย่างก้าวตามซ่านจินจื๋อไปติดๆ
“เจ้าจะไปทำอะไร !อย่ายุ่งวุ่นวาย!” ซ่านจินจื๋อดึงนางออกมา
นางกลับตามไปโดยที่ไม่ฟังคำตักเตือนใดๆ หลังจากที่ซ่านจินจื๋อขึ้นม้าแล้ว นางไม่สนใจการรั้งของเขาแต่อย่างใด : “หากเขาตกลงมาจากม้าจนกระดูกหัก พวกเจ้าก็จะเคลื่อนไหวเขา โดยที่ไม่กลัวว่าเขาจะร้องตะโกนหรือหลังจากนี้เขาจะแขนขาหักเลยใช่ไหม! ”
ยังดีที่นางพากล่องโอสถมาด้วยกล่องหนึ่ง
เมื่อเห็นนางควบคุมไว้ได้ ซ่านจินจื๋อกลับนึกถึงนางที่มองผู้ได้รับบาดเจ็บโดยไม่ใส่ใจ เมื่อลังเลอยู่ครั้งที่สาม จึงอุ้มนางขึ้นไปบนหลังม้า : “หากทำให้หยวนเอ๋อบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ข้าจะจัดการเจ้า!”
“รีบไปดีกว่ามาขู่ข้า!” กุ้อ้าวเวยเบิกตากว้างเขา
“ไป!” ซ่านจินจื๋อมองคุกคามนางเช่นเดียวกัน