บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 365
ตอนที่ 365 จัดการ
หนึ่งวันหนึ่งคืน ซ่านจินจื๋ออยู่ภายใต้สายฝนโดยไม่ได้พัก รอจนรุ่งเช้าขุนนางท้องถิ่นส่งคนฝ่าสายฝนมา
“ท่านอ๋อง ไม่ดีแล้ว! เมื่อครู่น้ำท่วมทำลายเขื่อน คนที่ไปวางกระสอบทรายเมื่อครู่ล้วนโดนน้ำพัดไปแล้ว! ”
เสียงพูดเพิ่งจบลง ผู้ใต้บังคับบัญชาของซ่านจินจื๋อก็รุดตามเข้ามา “สามหมู่บ้านในระยะสิบลี้ได้ถูกทุกอย่างพัดพาพังลงแล้ว ไร้ร่องรอยผู้ประสบภัยกว่าร้อยคน คนที่เหลือนั้นได้ส่งให้ใต้เท้าทั้งหลายรับตัวไปแล้ว ทว่าขณะนี้ของอันใดก็ส่งมาไม่ได้แล้ว…”
ทันใดนั้นซ่านจินจื๋อพลันรู้สึกยับเยิน เหตุการณ์หนึ่งยังไม่ทันสงบอีกเหตุการณ์ก็เกิด เดิมที่คิดว่าสภาพฝนในปีนี้ไม่หนักเท่าปีก่อนๆ ทว่าไม่คิดว่าก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงการบรรเทา ฝนตกหนักไม่กี่วันคาดไม่ถึงว่ากระแสจะรุนแรงเพียงนี้
ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ซ่านจินจื๋อรวบงอบอยู่ท่ามกลางสายฝน “สถานการณ์ของผู้ประสบภัยเป็นเช่นไร? ”
“โชคดีที่คำแนะก่อนหน้านี้ของพระชายา หนึ่งเดือนก่อนได้ส่งคนเสริมความมั่นคงให้กับบ้าน ประตูหน้าต่างให้เปิดกว้าง น้ำท่วมแต่ก็หาได้พังลงไม่ ผู้อพยพส่วนอื่นก็จัดวางไว้ที่วัดก่อนแล้ว พวกสัตว์ถูกทิ้งไว้ไม่น้อย ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็เป็นเพียงส่วนน้อย” หลายคนด้านหลังก็รีบร้อนเข้ามา
“ยังดี สิ่งที่สำคัญคือชีวิตและทรัพย์สินของคนเหล่านั้น” ซ่านจินจื๋อถอนหายใจตาม ทว่าแววตายิ่งเพิ่มความเข้มงวด “ไม่ต้องทำกระสอบทรายต่อ ชีวิตคนสำคัญที่สุด อย่าได้ทำก่อเหตุ หากมีพื้นที่ประสบภัยหนักให้ติดต่อขุนนางเมืองเยว่ซานที่อยู่ใกล้เคียงเก็บเรื่องเป็นความลับ เบิกเงินในชื่อข้าออกมาสิบหมื่นตำลึงมาช่วยซ่อมแซม อย่าได้ทำให้เรื่องราวใหญ่โต”
“แต่หากไม่วางกระสอบทราย…หมู่บ้านชาวประมงข้างทางเหล่านั้น…”
“เหยียบลงไป” สีหน้าซ่านจินจื๋อเยือกเย็นแล้วโบกมือ “ในเมื่อมักมีคนตายอยู่ตลอด ก็ต้องรู้หนักรู้เบา ดังเช่นศึกที่ข้ารบชนะ แม้จะชนะแต่ก็มีชีวิตคนไม่น้อยที่ลงแม่น้ำเหลืองไป”
คนทั้งหลายเหล่านั้นไม่กล้าขัดข้อง ทำได้เพียงเหยียบเรื่องนี้ลงไปแล้วปลอบขวัญครอบครัวพวกเขา
เพียงแต่เหล่าขุนนางท้องถิ่นเองก็ไม่รอบคอบตามซ่านจินจื๋อ ไม่เกินสองวันด้านปลายน้ำก็ประสบภัย หากมิใช่เพราะเวลานี้ฝนตกเบาลง ภัยน้ำท่วมในขณะนี้คงจะได้รับผลกระทบยิ่งกว่าหลายปีก่อน
ซ่านจินจื๋อยุ่งจนเท้าแทบไม่ได้สัมผัสพื้น แต่หาได้นึกถึงซูพ่านเอ๋อแม้ครึ่งเสี้ยว
ซ่านจินจื๋อเป็นหลักภายนอก พิราบส่งสารของเมืองเทียนเหยียนก็มาถึงแล้ว เดิมทีเฉิงซานอยากนำจดหมายให้ซ่านจินจื๋ออ่าน แต่ซูพ่านเอ๋อกลับมาขวางเอาไว้
“พี่จื๋องานยุ่งมาก ข้าช่วยเขาอ่านให้ถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยมอบเรื่องสำคัญให้เขาด้วยตัวเอง”
เฉิงซานขมวดคิ้ว “แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสถานการณ์โรคระบาดในเทียนเหยียน ข้าน้อยเกรงว่า…”
“จะอย่างไรข้ากับพี่จื๋อก็เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์” ซูพ่านเอ๋อคว้าจดหมายเหล่านั้นในมือเฉิงซานมา
ผู้ใต้บังคับบัญชาด้านหลังเฉิงซานอยากจะเข้ามาขัดขวางไว้ แต่เฉิงซานกลับยกมือขึ้นห้าม “ตำแหน่งของแม่นางซูในใจท่านอ๋อง พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ? ”
คนทั้งกลุ่มหยุดเท้า ไม่กล้าเข้ามา
ซูพ่านเอ๋ออ่านจดหมายในมืออย่างถี่ถ้วน แปดส่วนของจดหมายคือเรื่องพระชายาจิ้งที่ช่วยเรื่องโรคระบาดจนลืมกินลืมนอนแทบทั้งหมด ในนั้นยังส่งเทียบยาแบ่งแยกโรคระบาดมาหลายแผ่น
ตลอดจนจดหมายหนึ่งฉบับที่เขียนด้วยลายมือของกู้อ้าวเวย ถ้อยคำน้อยนิด “เทียนเหยียนไร้โรคระบาด เพียงร่างกายอ่อนแอเกรงจะยากทำการใหญ่ ขอท่านอ๋องกรุณาส่งหมอมาระงับโรคระบาดโดยด่วน ป้องกันมิให้โรคระบาดลุกลามจนก่อให้เกิดความหายนะ”
“ที่เจ้ากล่าวมาคือการยึดถือสัจจะ! ข้าเห็นเจ้าปกติร่างกายแข็งแรงดี! ” ซูพ่านเอ๋อขยำจดหมายจนยับย่น โยนกลับไปให้เฉิงซาน “ช่วงนี้พี่จื๋อกำลังเป็นกังวลเรื่องใดหรือไม่? ”
เฉิงซานทำได้เพียงบอกสภาพการณ์ในขณะนี้แก่ซูพ่านเอ๋อไปจนสิ้น จึงใช้ม้าเร็วไปส่งจดหมายที่อำเภอข้างเคียง
รองแม่ทัพโจวที่ทิ้งไว้ดูแลข้างกายซูพ่านเอ๋อพาหมอมานานแล้ว เห็นซูพ่านเอ๋อขมวดคิ้วไม่คลายจึงเร่งพูด “ร่างกายแม่นางซูสำคัญ ด้านนอกฝนยังไม่หยุดตก เชิญกลับไปพักผ่อนที่ห้องขอรับ”
“รองแม่ทัพโจวยินดีจะทำงานให้พี่จื๋อหรือไม่ วันหน้าข้าจะสนับสนุนให้เลื่อนขั้น” ซูพ่านเอ๋อวางข้อมือด้านหน้าหมอ ไอเบาๆ
รองแม่ทัพโจวงงงันเล็กน้อย ให้คนรอบข้างทั้งหมดหลบออกไปก่อน
“แม่นางซูโปรดชี้แนะ” รองแม่ทัพโจวคำนับเบาๆ แววตาสว่างวาบ
“หากพวกเราสามารถช่วยพี่จื๋อแก้ไขเรื่องที่ภวังค์หลังได้ ทุกอย่างก็จะไร้ปัญหา เจ้าเพียงแค่ให้คนปิดบังต่อพี่จื๋อไว้ ไม่กี่วันหลังจากนี้ข้าจะทำให้เขาต้องแปลกใจ” ซูพ่านเอ๋อยิ้มแผ่ว
หลังจากนั้นสองชั่วยาม รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากที่นี่และม่านฝนบางเบา
ในระยะสามสิบลี้มีเพิงพักอยู่ทั่ว ผู้ประสบภัยที่พลัดถิ่นที่อยู่ล้วนเร่ร่อนอยู่ที่นี่ ร่ำไห้ทั้งวันทั้งคืน ด้วยเหตุเพราะโรคระบาดมักจะมีหมอไปมา
ซูพ่านเอ๋อเพิ่งลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงไอและเสียงร่ำไห้นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเสียงร้องไห้ของเด็กเล็กยิ่งเยอะ
“แม่นางซูระวังด้วย ที่แห่งนี้เกรงว่าจะมีคนติดโรคระบาด ยังไม่ได้ดูอย่างถี่ถ้วน” รองแม่ทัพโจวกันซูพ่านเอ๋อไว้ด้านหลัง
“อืม” ซูพ่านเอ๋อถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไร้ร่องรอย กลัวที่จะอยู่กับผู้อพยพเหล่านี้จึงผ้าเช็ดหน้ามาอุดจมูกไว้
ทั้งสองยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงตะโกน ผู้อพยพจำนวนมากถูกนายทหารขวางไว้ในบ้าน
พวกเราไม่ได้ติดโรค! ”
“ช่วยลูกของข้าด้วย! ”
คนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงวุ่นวาย ว้าเหว่พ่านเอ๋อหยุดเท้าลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง “เหตุใดจึงต้องล้อมพวกเขาเอาไว้? ”
“ที่ที่พวกเขาจากมาล้วนมีการแพร่กระจายของโรคระบาด” รองแม่ทัพโจวจ้องคนรอบตัวเขม็ง กลุ่มผู้คนเพียงล้อมรอบซูพ่านเอ๋อเอาไว้
ซูพ่านเอ๋อส่งเสียงไอ สีหน้าเปลี่ยน “หากว่าโรคระบาดแพร่กระจายมา…”
“ต้องส่งผลไม่ดีต่อท่านอ๋องเป็นแน่” รองแม่ทัพโจวพูดเสียงเบา
ซูพ่านเอ๋อครุ่นคิด สถานที่ที่มีโรคระบาดนั้นต้องร้ายแรงกว่าภัยน้ำท่วม
นางพูดเสียงหนัก “คนที่ยังไม่รู้ว่าติดโรคหรือไม่มีทั้งหมดกี่คน? ”
“จำนวนคนไม่เยอะ ไม่เกินสองสามร้อยคน” รองแม่ทัพโจวพาซูพ่านเอ๋อเข้าไปในกระโจม พูดยิ้มๆ “เพียงแต่หมอนั้นมีไม่เยอะ หากว่ารอตรวจอย่างละเอียดครั้งละคน เกรงว่าโรคระบาดเหล่านี้คงแพร่ออกไปนานแล้ว”
ซูพ่านเอ๋อเลิกคิ้ว “กล่าวเช่นนี้ รองแม่ทัพโจวคิดเช่นเดียวกับข้า”
รองแม่ทัพโจวเพียงยิ้มแผ่วๆ รีบประสานมือคำนับ “ข้าน้อยล้วนคิดเพื่อประโยชน์ของท่านอ๋อง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จัดการพวกเขาเสีย ส่งหมอบางส่วนไปเผาสมุนไพรไม่ให้โรคระบาดบนตัวพวกเขาแพร่กระจายเป็นดี ทว่าเรื่องนี้อย่าได้เผยแพร่ออกไป รอให้พวกเราจัดการเรื่องนี้ได้เหมาะสมเป็นพอ” ซูพ่านเอ๋อยิ้มเย็น ผ้าเช็ดหน้าที่วางบนปากจมูกหาได้วางลงตั้งแต่ต้น
“ท่านอ๋องมีคนล้ำเลิศเช่นแม่นางซูอยู่ข้างๆ ทำให้ข้าน้อยอิจฉายิ่งนัก” รองแม่ทัพโจวหัวเราะเบาๆ ภายใต้สายตามีแววมืดครึ้มพาดผ่าน
ซูพ่านเอ๋อไม่ตระหนักเห็น เพียงแค่กระหยิ่มยิ้มย่องกับสิ่งนี้
ซ่านจินจื๋อมาในครั้งนี้ก็เพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทเช่นเดียวกับองค์ชายองค์อื่น ฮ่องเต้ชอบน้องชายคนนี้มาแต่ไหนแต่ไร จริงๆ แล้วยังละอายใจต่อเขาเล็กน้อย เพียงแค่ครั้งนี้ได้รับคุณงามความดีก็ยิ่งใกล้ตำแหน่งรัชทายาทเข้ามาอีกก้าว
“รีบไปทำเถอะ” ซูพ่านเอ๋อสะบัดมือทั้งยังพูดอย่างรังเกียจเล็กน้อย “จริงสิ อย่าให้สิ่งสกปรกเหล่านั้นมาอยู่ต่อหน้าข้า”