บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 422
บทที่ 422 การวิเคราะห์ของแม่ลูก (2)
ทุกครั้งที่ซ่านเซิ่งหานมองยังแววของนาง มักปรากฏแววเจ็บปวดและจำใจ ดูราวกับถนอมรัก
ทว่าในใจกู้อ้าวเวยกลับมีเพียงองค์ชายหกที่สนิทสนมจริงใจมาโดยตลอด กับแววตาอันเยือกเย็นแต่ก็แฝงไปด้วยความรักของซ่านจินจื๋อคู่นั้น แต่ในเมื่อนางได้สูญเสียมันไปแล้วมิต้องการตัวแทนเช่นนี้
ซ่านเซิ่งหานไม่เข้าใจแม้กระทั่งตนเอง ก็ยิ่งไม่เหมาะสมกับตน
ชาตินี้นางไม่มีวันที่จะผูกสมัครรักใคร่กับพวกเชื้อพระวงศ์อีก
กลับมาถึงทิงเฟิงโหล ลมเมฆพลันแปรเปลี่ยนคล้ายว่าฝนจะตก
ตรงที่ระเบียงเรือน หยุนหว่านที่ปลดผ้าคลุมหน้าแล้วเพียงนั่งรอนางอยู่ภายใต้ชายคา
กู้อ้าวเวยก้าวเร็วๆ ตรงเข้าไป ไม่รอให้หยุนหว่านได้กล่าวถ้อยคำตำหนิออกมา เพียงนำปิ่นในห่อยื่นไปตรงหน้าหยุนหว่าน “ท่านแม่งดงามล่มบ้านล่มเมือง เหตุใดทุกวันจึงเรียบง่ายเช่นนี้กัน”
หยุนหว่านมองปิ่นอันนั้นอย่างเหม่อลอย ในใจไม่สบายใจนัก: “ใบหน้าของท่านแม่…”
“ท่านแม่งดงามเป็นที่สุด ทว่ามักจะดูถูกตนเองแล้วยังรู้สึกผิดต่อข้าอยู่เสมอ” กู้อ้าวเวยนั่งลงข้างกายนางอย่างใกล้ชิด เดิมทีอยากใจกล้าไปกอดแขนนาง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือ เพียงเงยหน้ามองขอบฟ้าไกล พูดเสียงเบา “ฝนใกล้จะตกแล้ว ข้ากลับไปนอนก่อนนะเจ้าคะ”
มองปิ่นในมือ หยุนหว่านลืมสิ้นซึ่งถ้อยคำตำหนิเหล่านั้น เพียงพยักหน้านางก็วิ่งหายเข้ากลีบเมฆไป จนวันต่อมานางเตรียมห่อผ้าและรถม้าไว้พร้อมสรรพ รอหยุนหว่านพานางไปทิงเฟิงเก๋อด้วยท่าทางน่าเอ็นดู ทั้งยังกางร่มกันสายฝนให้หยุนหว่าน ถ้อยคำตำหนิอันใดหยุนหว่านล้วนลืมสิ้น
แม้ว่าทิงเฟิงเก๋อจะเป็นสำนักยุทธภพ แต่กลับมีอาณาเขตเป็นของตัวเอง
กู้อ้าวเวยเดิมทีคิดว่าอยู่ไกล ทว่าทิงเฟิงเก๋ออยู่เพียงแค่ภายในจวนแห่งหนึ่งของเมืองเย่น คนที่นี่จัดการงานในมืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้ว่าจะสวมชุดบ่าวชายและสาวใช้ แต่ก็ยังเห็นความแตกต่างของพวกเขา
“ที่นี่ดูจากภายนอกเป็นเพียงสถานที่เลี้ยงนกพิราบ ทว่าตามความเป็นจริงแล้วนั้นเพื่ออำพรางจากผู้คน สกัดจดหมายมาดูลับหลังได้ไม่น้อย…” หยุนหว่านพานางเดินไป ทั้งยังให้นางห้อยหยกพกไว้
อ้าวเวยฟังเพียงชั่วครู่ก็เรียนรู้วิธีที่พวกเขาจัดการข่าวสารเหล่านี้
มองเรื่องวุ่นวายเล็กๆ ที่อยู่ในมือ กู้อ้าวเวยเพียงทอดถอนใจกับความกว้างไกลของทิงเฟิงเก๋อ ยิ่งตั้งใจเรียนรู้
ช่วงที่อยู่ที่จวนในเมืองเย่นนี้ หยุนหว่านกับกู้อ้าวเวยเองก็ค่อยๆ ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น หลังผ่านไปครึ่งค่อนเดือน หยุนหว่านเพียงแค่ถลึงตาจ้องกู้อ้าวเวยก็จะไปนอนอย่างเชื่อฟัง ทำให้กู้อ้าวเวยอดจะทอดถอนใจกับชีวิตที่มีมารดาว่าช่างน่าอัดอั้นไม่ได้
ที่เมืองเทียนเหยียน องค์ชายสามรวบรวมหลักฐานอย่างลับๆ มาได้ไม่น้อย ครอบคลุมรายชื่อของขุนนางกังฉินเหล่านั้นและผู้บงการเบื้องหลัง ทว่าเขายังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆ
เหตุผลที่ซ่านเซิ่งหานไม่ทำการเคลื่อนไหวคือ “ไม่เพียงแค่อ๋องจิ้ง รอจนเมื่อเขาไม่ได้คุมอำนาจช่วงฤดูร้อน ข้ายังต้องคอยดูว่าในราชสำนักนี้คนพวกไหนที่ช่วยให้ตำแหน่งของเขามั่นคง ต้องขุดรากถอนโคน”
หยุนหว่านคิดว่าซ่านเซิ่งหานช่างมีความอดทน กู้อ้าวเวยดูข่าวสารไปพลางพูดไปพลาง “เป็นไปไม่ได้ที่จะขุดรากถอนโคน หากว่าขุดรากถอนโคนคู่ต่อสู้ไป ฝ่าบาทจะจับตามองเขา วิธีที่ดีที่สุดคือรักษาสมดุลของทั้งสองฝ่าย รอจนเขาได้รับความไว้วางใจโดยสิ้นเชิงเสียก่อน”
“ในช่วงฤดูร้อนฝ่าบาทยอมกระทั่งมอบหมายงานบริหารบ้านเมืองทั้งหมดให้เขา นี่ยังไว้วางใจไม่พอหรือ?” เจ้าสำนักด้านข้างคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างจนปัญญา แล้วนำข่าวสารที่จัดเก็บเป็นเล่มในมือส่งถึงมือกู้อ้าวเวย
“ย่อมไม่พอ หากว่าไว้วางใจเพียงพอก็คงไม่พาอ๋องจิ้งไป การพาอ๋องจิ้งไปนั้นแสดงให้เห็นว่าฝ่าบาทไม่เชื่อในความสามารถของเขามาโดยตลอด แม้ว่ามีใจอยากเลื่อนขั้นแต่ก็ยังกังวลเขากับอ๋องจิ้งจะแข่งกัน” ลำพังกู้อ้าวเวยคิดว่าพอจะเข้าใจฮ่องเต้ ฮ่องเต้พระองค์นี้พระเนตรพระกรรณเฉียบแหลมอย่างแท้จริง ไม่เพียงทรงพระปรีชาสามารถยังทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและคุณธรรม ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวน่าจะเป็นที่พระองค์ทรงไม่เหมือนผู้ที่เป็นกษัตริย์ เพียงแต่ทรงเหมือนบิดาคนหนึ่ง จัดการเสียราชสำนักเบื้องล่างเกิดจลาจล โดนคนควบคุม
สีหน้าเจ้าสำนักดูเข้าใจแจ่มแจ้ง หยุนหว่านชะงักไปเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าหลังจากที่อ๋องจิ้งจากไป ยังจะหลงกลให้คนใต้บังคับบัญชาออกหน้าให้ตนเองหรือ”
“ย่อมต้องออกหน้าอยู่แล้ว หากว่าหนึ่งเดือนเต็มที่ไปพักร้อนในฤดูร้อนโดนองค์ชายสามขี่อยู่บนหัว วันหน้าอยากจะพลิกกระดานก็ต้องใช้เวลามากขึ้น อีกทั้งเวลานี้สิ่งที่พวกเขาขาดแคลนที่สุดก็คือเวลา ฮ่องเต้ไม่อยู่ เหล่าขุนนางของเขากลับจะโต้กลับเสียด้วยซ้ำ อย่างไรเสียฮ่องเต้อยู่ห่างไกลยากควบคุม ไม่ว่าเรื่องใดย่อมกระทำได้” กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วขึ้นอย่างเกียจคร้าน หลังจากพูดจบก็ตั้งใจดูหนังสือในมือ
หยุนหว่านขมวดคิ้วมองไปที่เจ้าสำนักด้านข้าง เจ้าสำนักผู้นั้นเองก็รู้สึกว่าแม่นางที่มาใหม่นั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ทิงเฟิงเก๋อเป็นเพียงแค่สถานที่รับข่าวสาร ทว่าไม่มีผู้ใดที่จะนำเรื่องเหล่านี้มาวิเคราะห์เป็นข้อๆ ด้วยการจะคาดเดาเรื่องของเชื้อพระวงศ์ล้วนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่กู้อ้าวเวยกลับคล้ายว่ารู้เรื่องของเชื้อพระวงศ์อย่างทะลุปรุโปร่ง
อีกทั้งนางดูราวกับชำนาญจัดการเรื่องนี้ และไม่เครียดกับมัน
ฟังถึงตรงนี้หยุนหว่านก็ถามนาง “เช่นนั้นเจ้าคิดว่ากู้เฉิงจะทำเช่นไร?”
“ข้าคิดว่ากู้เฉิงจะหนีก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว ที่ต้องการคือความเป็นอมตะ ในเมื่อเขาเชื่อของลวงตาเช่นนั้นน่าจะถือทิฐิไม่น้อย ไม่ว่าจะถูกผิดเวลานี้เขาย่อมไม่เปิดโปงตนเองแน่นอน อย่างมากก็ให้บุตรชายออกมาจัดการ พวกเราเองก็ต้องอดทน จะเปิดเผยโดยไวไม่ได้”
หยุนหว่านและเจ้าสำนักต่างสงบจิตสงบใจรอคอย
ผ่านไปชั่วครู่ กู้อ้าวเวยจึงจะขยี้ปลายจมูกตนเองแล้วขมวดคิ้ว “หาวิธีส่งคนไปเมืองเยว่ซานสักหน่อยเถอะ”
“อะไรนะ?” เจ้าสำนักส่งเสียงตระหนก นี่เกี่ยวอะไรกับกู้เฉิง?
“ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ก่อนหน้านี้เมืองเยว่ซานโดนตรวจสอบ แต่พอข้าลองคิดดู สถานที่ที่ดีที่สุดที่ซ่านจินจื๋อจะตั้งทัพก็คือเมืองเยว่ซาน เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ขุนนางของเมืองเยว่ซานเองก็หนีก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว ข้าก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้” กู้อ้าวเวยตบโต๊ะยืนขึ้น พูดเสียงเย็น “กู้เฉิงหลบซ่อนเสียมิดชิดเช่นนั้น เพียงเพราะกุมจุดอ่อนขององค์ชายสามกับ二皇子และอ๋องจิ้งไว้ แม้ว่าองค์ชายสามจะไม่ได้พูด ทว่าก่อนหน้านี้ต้องเคยทำอันใดกับกู้เฉิงแน่นอน กู้เฉิงถึงได้ไม่ยี่หระ อยากจะจัดการกู้เฉิงก็ต้องเริ่มลงมือจากอ๋องจิ้ง”
พูดยาวเหยียดไปในคราเดียว หยุนหว่านเพิ่งจะตอบสนอง “ความหมายของเจ้าคือในเมื่ออ๋องจิ้งและองค์ชายสามล้วนมีจุดอ่อนอยู่ในมือกู้เฉิง ฉะนั้นหากกู้เฉิงคิดทรยศ อ๋องจิ้งย่อมต้องคิดวิธีกำจัดกู้เฉิง พวกเราก็ไม่ต้องลงมือแล้ว”
“ถูกต้องเจ้าค่ะ ไม่ต้องกังวลกับกู้เฉิง เป้าหมายของพวกเรานั้นให้ดีที่สุดก็วางไว้ในมืออ๋องจิ้ง เวลานี้หลักฐานสมบูรณ์พร้อม แต่กลับหาสถานที่ตั้งทัพไม่เจอมาโดยตลอด เลี่ยงไม่ได้ที่ข้าจะสงสัย” กู้อ้าวเวยพยักหน้า
หยุนหว่านเร่งสั่งคนให้ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน พิราบสื่อสารมาถึงกล่าวว่าหลายหมู่บ้านในเขตภูเขานอกเมืองเยว่ซานไม่อาจเข้าไปได้ จากการสืบข่าวทราบว่าด้านในสั่งสมกำลังทหารไว้ไม่น้อยจริงๆ ทั้งยังมีขุนนางอีกไม่น้อยที่มาส่งมอบเงิน
เพียงแต่ดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นจะมีคนของแคว้นเจียงเยี่ยน ทว่าติดตามไม่ทันจึงได้แต่ยกเลิกไป
“ข้าคิดว่าเขาคงไม่สมคบศัตรูขายชาติ ดึงเรื่องซื้อตำแหน่งขุนนางกับตั้งทัพออกมาถึงจะดี” กู้อ้าวเวยส่ายหัว แต่ในใจกลับนึกถึงอาจารย์ผู้นั้นของลี่วาน
หากลี่วานกล่าวไม่ผิด อาจารย์ผู้นั้นตั้งแต่ถูกแนะนำเข้าตำหนักอ๋องโดยนางก็ไร้ร่องรอย แต่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นคนของแคว้นเจียงเยี่ยน อีกทั้งก็มีความเป็นไปได้ที่ซ่านจินจื๋อรับเงินจากคนของแคว้นเจียงเยี่ยน
“สิ่งที่ไม่มีหลักฐาน ไม่อาจใช้การได้” หยุนหว่านก็พยักหน้า นำข่าวสารนี้เก็บไว้แล้วส่งให้เจ้าสำนัก “แจ้งองค์ชายสามให้ทราบเรื่องตั้งทัพก่อน”