บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 433
บทที่ 433 ลาก่อนเพื่อนเก่า
เดินทางอย่างไม่หยุดพักก็มาถึงตระกูลหยุน
พวกเด็ก ๆส่งเสียงจ๊อกแจ๊กอยู่ล้อมรอบเพื่อรอฟังเรื่องเล่าของเมืองเทียนเหยียน หยินเชี่ยวก็โดนเด็ก ๆหลายคนทำให้ตกตะลึง แม่หม้ายจู้ได้เตรียมรถม้าขนาดใหญ่สามคันเอาไว้พร้อมแล้ว จากนั้นก็นำชิงจือตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นนางก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกจู่ ๆเด็ก ๆ ที่โตแล้วหลายคนก็ต่างโผเข้ามากอดนาง ยิ้มอยู่ตลอดเวลา “ได้ยินมาว่าพวกเจ้าอยากไปอินโจวสักครั้ง หยินเชี่ยวเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ต่อไปก็รบกวนเจ้าพายอดฝีมือไปสักครั้งด้วย
“อะไรกันหรือ” กู้อ้าวเวยรับชิงจือมากอดไว้ เช็ดน้ำลายที่เลอะปากให้เขา ค่อยๆเขย่าเบาๆ ทำให้เด็กน้อยในอ้อมแขนส่งเสียงร้องคิกคักขึ้นมา จากนั้นก็ถูแขนและถูวนไปรอบคอของนาง
“ลูกศิษย์ของเขาเปิดโรงน้ำชาเล็ก ๆอยู่ที่อินโจว และได้แต่งงานไปแล้วจึงไม่กลับมา ครั้งนี้เป็นการดีที่จะไปเยี่ยมศิษย์คนนี้ และจะได้ไปรับเงินจากอุตสาหกรรมให้ตระกูลหยุน แม่หม้ายจู้สั่งเบาๆ มองไปยังชิงจือด้วยความกังวล “เขายังเล็กมาก เจ้าต้องดูแลเขาให้ดี”
“นี่แน่นอนอยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยรู้ดี หยุดพักมาแล้วสองวัน เพื่อจะพาเด็ก ๆไปอินโจว
ซ่านเชียนหยวนรู้จากฉีหลินแล้วว่าพวกเขาจะมา จึงส่งคนไปตลอดทาง และเตรียมคนต้อนรับไว้ที่ประตู
อินโจวไม่ได้เจริญไปกว่าเทียนเหยียน ไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนเมืองเย่น มันถือว่าเป็นสถานที่ดีต่อการทำค้าขาย สิ่งที่น่าดึงดูสายตาที่สุดก็เห็นจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน กลุ่มเด็ก ๆนั้นรบกวนให้หยินเชี่ยวและชีหลินเป็นคนดูแล ต้องขอบคุณฉีหลินและกุ่ยเม่ยที่ช่วยจัดการอารมณ์ของเด็ก ๆ ทุกคนดูเข้ากันได้ดี
กู้อ้าวเวยยังคงใจอ่อน อุ้มชิงจือลงจากรถม้า มองไปยังตำหนักอ๋องจงผิงก็เหมือนค่อยๆตกอยู่ในภวังค์
ซ่านเชียนหยวนที่รออยู่หน้าประตูเพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่เดือน กลับดูสูงชะลูด ปรับเปลี่ยนชุดประจำวันเป็นชุดแบบลูกผู้ดีใส่กัน เสื้อสีน้ำเงินเข้มดูเคร่งขรึม มีองครักษ์จำนวนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง รวมถึงการเคลื่อนไหวก็ทำให้รู้สึกดูน่าเกรงขามดูเป็นผู้นำ ท้ายที่สุดช่างดูคล้ายกับเสด็จอาที่ชื่นชอบมาก
“ไม่ได้พบกันเสียนาน” กู้อ้าวเวยรีบกล่าวทักทาย ทำความเคารพเขาพร้อมอุ้มชิงจือ
ซ่านเชียนหยวนไม่ได้สกัดกั้น เป็นการดีกว่าที่จะแสดงความสง่าผ่าเผยในขณะที่อยู่ตรงนี้ เพียงแต่ทำตามไปทีละขั้นตอนในการเชิญคนเข้าตำหนัก ก็เป็นเพียงแค่แกล้งทำ “ในที่สุดเจ้าก็มา รีบแจ้งความประสงค์เจ้ามา ตอนนี้อินโจวกำลังอยู่ในความวุ่นวาย”
“นั่งลงก่อนแล้วบอกความคิดข้ามา เจ้าไม่ต้องเกรงใจจริง ๆ” กู้อ้าวเวยพาชิงจือนั่งลงที่โซฟานุ่มด้านข้าง และไม่คิดว่าเป็นคนอื่นไกล
“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ หลังจากก่อนหน้านี้ที่เงินของเสด็จอาและซูพ่านเอ๋อได้รั่วไหลออกไปจากข้า ก็มีหลายคนมาสอบถาม ทางการของที่นี่ก็ล้วนแต่ชวนให้ข้าวางอำนาจทางกองกำลังทหารลง เพื่อไม่ให้ไฟลุกลาม” พูดถึงตรงนี้ ซ่านเชียนหยวนก็ส่ายหน้า “แต่ข้าไม่ได้พูดถึงอำนาจทางการทหาร ตอนนี้มีคนต่างเผ่ามากมายเข้ามาในอินโจว ข้าจะให้คนไปสอบถาม ข้ารู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติ หลังจากตรวจสอบอยู่ครึ่งวันก็ไม่พบอะไร หลายเรื่องราวผูกรวมกันอยู่ น่าปวดหัวจริง ๆ”
“ฉีหรัวล่ะ หากนางอยู่คงจะได้ช่วยท่านคิดหาวิธี” กู้อ้าวเวยประหลาดใจ
แต่เมื่อพูดถึงฉีหรัว ซ่านเชียนหยวนกลับหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทำท่าทางเกาหัวเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง “นางหมกมุ่นอยู่กับการค้าขาย ยุ่งมากทุกวัน”
กู้อ้าวเวยยิ่งรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่คิดอะไรเกี่ยวกับมันอีก เพียงแต่พูดไปเบาๆ “จะวางอำนาจทางการทหารไม่ได้ สินค้าจากต่างชาติไหลเวียนเข้าออกตลอดจะไปหยุดยั้งพวกเขาไม่ให้เข้าเมืองไม่ได้ แต่เจ้าก็ต้องหาเงินจากต่างชาติเข้าเมือง”
“ข้าไม่ใช่ขุนนางทีทุจริต” ซ่านเชียนหยวนแปลกใจ
“จะบอกว่าทั้งหมดเป็นเงินของต่างชาติ ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรจะให้ฉีหรัวทำการค้ากับต่างชาติ จุดสำคัญไม่ใช่ว่าส่วนตัวของพวกเขาทำอะไร จุดสำคัญอยู่ที่ว่าพวกเขาคิดจะทำการค้าขายอะไร นอกจากนี้ เรื่องของอำนาจทางทหาร เจ้าสามารถขอให้องค์ชายหกช่วยเหลือเจ้าได้” กู้อ้าวเวยมองเห็นชิงจือกำลังปีนไปปีนมา กอดกระบี่ไม้อันเล็กไว้ไม่ยอมปล่อยมือ ยิ้มจางๆ “ถึงแม้องค์ชายหกจะไม่สามารถเป็นแม่ทัพได้อย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่เลวที่จะให้เขาช่วยฝึกทหารให้เจ้า พวกเจ้าเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกันทางสายเลือดแท้ๆ จะเป็นการดีหากเกิดขึ้นที่นี่อีกครั้ง”
จู่ๆซ่านเชียนหยวนกลับหัวเราะเสียงดังออกมา “เจ้ายังไม่เคยเห็นหน้าที่เหม็นบูดของเขา ตอนที่ข้าเอาซุปเมล็ดบัวไปให้เขา เขาแทบอดไม่ได้ที่จะทุบข้า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะช่วยข้าหรอก”
“อย่างนั้นนางควรจะโกรธข้า ไม่ใช่เจ้า” กู้อ้าวเวยเองก็ยังรู้สึกผิด และหันไปมองเขา “แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นองค์ชาย แต่ถ้าวันหนึ่งฮ่องเต้ไม่ได้อยู่หนุนหลัง พวกเขาก็คงจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ จะดีที่สุดถ้าจะไม่เชื่อแม้แต่องค์ชายสามอ๋องจิ้ง การยึดอำนาจให้อยู่ในมือตนเองคือสิ่งสำคัญที่สุด”
“ลำบากเจ้าแล้ว” ซ่านเชียนหยวนหงุดหงิด “ข้ายังคงเป็นแม่ทัพที่ดี ยังนั่งอยู่ในอินโจวทุกวัน จนกระดูกอ่อนไปหมดแล้ว”
ความคิดเห็นนี้ของเขาทำให้หัวเราะขบขัน กู้อ้าวเวยรับรวบแขนเสื้อเพื่อรินน้ำชาให้กับเขา “ใจเย็นๆ รอให้การแต่งตั้งรัชทายาทสะสางให้เรียบร้อยก่อน เจ้าก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว”
พยักหน้า ความกังวลในใจของซ่านเชียนหยวนเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย
ทั้งสองคนสนทนากันถึงเรื่องราวในระยะนี้ ก็เพิ่งจะได้รู้ว่าตอนนี้ฉีหรัวกำลังทำการค้าขายอยู่และกำลังไปได้ดี มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะมาขอแต่งงาน แต่ฉีหรัวและหยินเชี่ยวล้วนปิดประตูไม่ให้เข้า หยินเชี่ยวอยู่ที่นี่ก็ได้เปิดโรงเตี้ยมปาฟาง ได้รับฟังข่าวสารอยู่บ้าง แต่ละวันก็เป็นอิสระไร้ข้อผูกมัดใด ๆ
เดิมทีซ่านเชียนหยวนอยากจะถามเรื่องการแกล้งตายของกู้อ้าวเวย แต่ก็ถูกกู้อ้าวเวยเลี่ยงประเด็น ยังบอกต่อว่า “อย่าได้พูดถึงเรื่องของซ่านจินจื๋อ ข้ากับเขาตอนนี้ไม่เหลือความรักให้กันแล้วแม้แต่น้อย”
ซ่านเชียนหยวนเพียงแต่ได้ปิดปากเงียบไม่พูดจา ผ่านไปสักครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “อีกไม่กี่วันนี้ฮูหยินหยุนหว่านต้องการจะมาที่นี้เพื่อเจอกับชิงจือ”
“ทำไมต้องอีกหลายวัน” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ
“ฮูหยินบอกว่าจะไปเยี่ยมกู้เฉิงก่อน ต้องอีกหลายวันถึงจะออกเดินทางได้” ซ่านเชียนหยวนยังอยากรู้เรื่องของฮูหยินหยุนหว่าน เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ฮูหยินหยุนหว่าน จะยินยอมที่จะวางใจในการให้ตนเองอยู่ในฐานะพระราชวงศ์ ปกติแล้วจะเขียนจดหมายโต้ตอบกันอย่างระมัดระวัง เกรงว่าจะสร้างความรำคาญใจให้กับฮูหยินผู้นี้
หยุดมือนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่ครู่หนึ่ง กู้อ้าวเวยก็คิดมาได้ถึงตรงนี้ ได้แต่หยักหน้า “ก็ไม่เลว จะได้ใช้เวลาช่วงนี้พูดคุยเรื่องเหล่านี้ พวกเด็กๆก็เพิ่งจะออกมาข้างนอกเป็นครั้งแรก ดูจะมีความตื่นเต้นกันมาก”
“ดูมีชีวิตชีวามาก” ซ่านเชียนหยวนยิ้ม
ไม่ว่าจะเมื่อใดก็ตาม ถ้าได้มีกลุ่มเด็ก ๆอยู่ด้วยกันมากมายก็จะกลายเป็นครึกครื้นขึ้นมาทันที ตำหนักอ๋องจงผิงทั้งหลังโดนก่อกวนตื่นตระหนกกันไปหมด แต่กลับมีเสียงหัวเราะของเด็กจำนวนไม่น้อยดังออกมา รวมถึงคนที่หยุดอยู่ก็ยังต้องเปลี่ยนมุมมองกับอ๋องจงผิง
หลังจากนั้นไม่กี่วัน วันหนึ่งตอนที่ฝนในฤดูใบไม้ร่วงกำลังตก หยุนหว่านก็มาถึงอินโจว ด้วยสีหน้าเศร้า แต่เมื่อเห็นชิงจือกลับทำให้ยิ้มหัวเราะไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้กู้อ้าวเวยสบายใจขึ้นมา
เดิมทีคิดว่าฤดูใบไม้ร่วงนี้จะผ่านไปอย่างสงบสุข แต่กลับมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางสายฝน ขุนนางคนนั้นเข้ามายังเบื้องหน้าของซ่านเชียวหยวน ชี้แจงความตั้งใจของตนเองอย่างตรงไปตรงมา “กู้เฉิงและกู่เซิงทั้งสองคนทรยศแล้วหลบหนีไป และขอให้อ๋องจงผิงได้จัดคนออกตามหาบริเวณใกล้เคียง”
กู้อ้าวเวยที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นรู้สึกแปลกใจ ซ่านเชียนหยวนรับสาสน์นี้ด้วยความแปลกใจ “กู่เซิงกับกู้เฉิงเล่นละครหลอกเสด็จพ่อ จริง ๆพวกเขายังไม่ตาย”
“พวกเขาก็เก่งกาจจริง ๆ” กู้อ้าวเวยเพียงแค่รู้สึกปวดหัว “เรื่องนี้ข้าขอไปคุยกับท่านแม่สักหน่อย”
ไม่รู้ว่าเรื่องการจากไปครั้งนี้ของกู้เฉิง จะเกี่ยวข้องกับองค์ชายสามหรือไม่
กู้อ้าวเวยจึงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา