บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 438
บทที่ 438 มีเพียงกุ่ยเม่ย
เอาใจใส่ครอบครัวของทหาร ซ่านเซิ่งหานไปตีสนิทแม่ทัพแต่ละคนด้วยตนเอง
ไม่เพียงเท่านี้ ซ่านเซิ่งหานยังตีสนิทขุนนางข้าราชการจำนวนไม่น้อยเพื่อให้เสนอความเห็นต่อฮ่องเต้ กล้าที่จะขัดขวางคนโปรดปรานอย่างเมิ่งซู่ไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างล้วนเป็นไปอย่างเป็นระเบียบและใกล้ชิด
หิมะในเมืองเทียนเหยียนตกหนักเป็นระยะ ฉางอีฉินหวังไว้มากว่าซ่านเซิ่งหานจะยังอยู่ แต่น่าเสียดายที่ซ่านเซิ่งหานไม่ได้สนใจเขา แต่กู้อ้าวเวยก็รีบปิดประตูเช่นกัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ไม่ต้องการจะคุยกับคนอื่นให้มาก จะเข้าออกก็ได้แต่คอยพึ่งพากุ่ยเม่ย แม้แต่ซ่านเซิ่งหานก็ยังไม่มีเวลามาหานาง
บนชั้นที่สอง กู้อ้าวเวยเกือบจะเอนกายลงบนเตียง สีหน้าซีดเซียว มีเหงื่อออกมาจากหลัง
ไม่เพียงแต่สาเหตุของโรคที่มาจากขาทั้งสองข้าง แต่ก็ยังมีความทรมานของอาการปวดท้องที่ล้วนทำให้นางแทบอยากจะเอามีดแทงตัวเอง กุ่ยเม่ยค่อยๆส่งซุปยาให้นาง ช่วยนางเช็ดเหงื่อที่หลัง “ดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“โชคดีที่ท่านแม่ไม่ได้อยู่ที่นี่” กู้อ้าวเวยดื่มซุปยานั้นอย่างสั่นสะท้าน
ไม่เพียงแต่จิตใจที่ถูกทำร้ายในตอนนั้น หรือจะเป็นการแท้งและสาเหตุโรคจากขาทั้งสอง ก็ล้วนแต่เป็นสาเหตุของผลต่อเนื่องที่ตามมาในภายหลัง เดิมทีคิดว่ามันจะดีขึ้นเมื่อผ่านไปสักสองสามปี แต่ตอนนี้ต้องทำงานหนัก ทุกวันต้องคอยฟังข่าวจากทิงเฟิงเก๋อและข่าวที่ซ่านเซิ่งหานส่งมา แม้ว่าจะรีบปิดประตูหน้าต่าง กลับยังคงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
นอกจากจะปวดใจแล้วกุ่ยเม่ยยังมีความกังวล จึงรีบพูดออกไป “อีกไม่กี่วันก็จะต้องนำกองทัพออกรบแล้ว เรื่องนักโทษประหารข้าจัดการแก้ปัญหาไปได้มากแล้ว ยังโชคดีที่เขายังมีความรักต่อลูกน้อยของเขา จึงยอมตอบตกลงตามแผน”
“นั้นจัดว่าเป็นข่าวดี” กู้อ้าวเวยค้ำกายไปด้านหน้าแล้วยิ้ม คว้าแขนของกุ่ยเม่ย “ข้าจะพยายามไม่ลงจากรถม้าระหว่างทาง แม้ว่าเขาจะมีการต่อสู้กันจริง ๆ และก็เป็นเรื่องของฤดูใบไม้ผลิของปีที่จะมาถึงด้วย”
“เจ้าไม่ต้องการให้คนรู้เรื่องโรคของเจ้าเหรอ” กุ่ยเม่ยตบหลังมือของนาง
“ไม่จำเป็นต้องให้คนรู้หรอก ข้าเชื่อใจเจ้าเท่านั้น” กู้อ้าวเวยส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ต้องการจะเห็นความเจ็บปวดของซ่านเซิ่งหานมาปรากฏต่อสายตานางแม้แต่น้อย และไม่ต้องการให้คนอื่นมาปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นตุ๊กตาลายคราม
กุ่ยเม่ยพยักหน้า ตอบตกลง
วันก่อนออกเดินทาง องค์ชายสามพานักโทษประหารคนนั้นไปยังปากทางตลาด ราษฎรเกือบจะทั้งหมดของเมืองเทียนเหยียนต่างมามุงดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น โดยไม่สนใจว่าดินโคลนที่ปากทางตลาดจะถูกย้อมกลายเป็นสีเลือด
กู้อ้าวเวยถอยลงไปในแนวแถวที่สอง ยืนนิ่งๆอยู่ข้างองค์ชายสาม ผงกหัวเบาๆให้เขา
นักโทษประหารถูกจับวางให้อยู่ภายใต้มีดประหาร ใบหน้าแสดงออกด้วยรอยยิ้มที่บ้าคลั่ง เมื่อแถบผ้าปิดปากถูกดึงออกเขาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างเสียงดัง “อีกไม่ช้าแคว้นชางหลานจะต้องเป็นของแคว้นเจียงเยี่ยนทั้งสิ้น!”
บางคนต้องการที่จะหุบปากเขา ซ่านเซิ่งหานยกมือขึ้นเบาๆ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงเอะอะไม่น่าฟังจากปากของนักโทษประหาร เห็นแต่เพียงความเกลียดชังที่ปรากฏบนใบหน้าของชางแคว้นชางหลาน ซ่านเซิ่งหานก้าวออกไปข้างหน้า ทันใดนั้นทหารทั้งหมดก็เงียบลง
กู้อ้าวเวยหันหน้าไปมองซ่านเซิ่งหาน นิ้วมือที่ผายออกไปอยากไม่ตั้งใจแสดงออกถึงกาลเวลาที่ผ่านมาอย่างไร้อำนาจ กุ่ยเม่ยได้แต่เพียงให้นางค่อยๆเอนตัวพิงลงอย่างอ่อนโยนเท่านั้น พลางเงยหน้าขึ้นมองเกล็ดหิมะที่กำลังตกลงมา ค่อยๆเคลิบเคลิ้ม
หิมะจะตกอีกแล้ว
“ฆ่าเขาเลย! เขาเป็นคนวางยาพิษในบ่อน้ำในตอนนั้น!” ชายชราผมหงอกคนหนึ่งพุ่งออกมาจากฝูงชน แต่กลับถูกทหารที่ห้อมล้อมอยู่จับตัวไว้
ประโยคนี้เหมือนกำลังโยนก้อนหินลงในทะเลสาบอันสงบนิ่ง
คนที่ถูกซื้อไปได้กระโดดออกมาจากกลุ่มคน ส่งเสียงตะโกนชื่อของนักโทษประหาร ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เขาต้องการจะได้สูตรลับของเจ้าของร้านของเรา! และยังต้องการจะวางยาพิษในสมุนไพรของพวกเรา!”
“ดูปลอมเกินไป”
กุ่ยเม่ยเอ่ยปากขึ้นมาเบาๆขณะที่อยู่ข้างกู้อ้าวเวย
และกู้อ้าวเวยก็เฝ้าดูทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้านาง และไม่ได้พูดจาอะไร เพียงแต่ขยับไปนั่งข้างกุ่ยเม่ย มองเขาด้วยตาโต นางไม่รู้ว่าคำแนะนำนั้นจะถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ กุ่ยเม่ยพยักหน้าให้นางอย่างทำอะไรไม่ถูก “แต่เจ้าก็ทำได้ดีแล้ว นี่คือสงครามสนามหนึ่ง ย่อมมีเหยื่ออยู่ในนั้นเสมอ แต่นี่ก็เป็นกลลวงตบตาคนทั้งโลก”
ฝูงชนโจมตีความผิดแบะการกระทำของชายคนนี้ ในที่สุดซ่านเซิ่งหานก็ต้องให้คนปิดปากของนักโทษประหาร ยืนอยู่บนแท่นสูงของปากทางตลาด กวาดสายตามองหาคนเข้มแข็งจากท่ามกลางฝูงชน “เขาเป็นสายลับของข้าศึก และก็ไม่น่าจะมีเขาแค่คนเดียว”
คำพูดนั้น ทำให้ฝูงชนยกแขนขึ้นสูงด้วยความโกรธ “ฆ่าเขาเลย!ฆ่าเขาเลย!”
นักโทษประหารมองไปยังเบื้องหลังของซ่านเซิ่งหานด้วยดวงตาแดงก่ำ แต่ในตอนนี้ คำที่ซ่านเซิ่งหานพูดได้กลายเป็นตัวแทนของเป้าหมายของผู้คน จากนั้นเขาก็ขึ้นไปบนแท่นสูงแล้วอ่านข้อความที่ได้ร่างเอาไว้แล้ว
ในหูของกู้อ้าวเวยกลับยังใสบริสุทธิ์ นางไม่ได้ยินคำพูดพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
“รอให้เรื่องทั้งหมดจบลง พวกเราก็ไปได้ ข้ายังจำรสนิยมของชิงต้ายได้” กู้อ้าวเวยพูดเบาๆ ทหารส่งเสียงตะโกนเสียงดังอยู่หน้าปากทางตลาด นางค่อยๆ ออกจากเวทีไปเงียบๆ เคียงข้างกับกุ่ยเม่ยผ่านทหารจำนวนนับไม่ถ้วน “ความรู้สึกที่ควบคุมจิตใจของคนช่างน่าขยะแขยง”
นี่เป็นสิ่งที่เจ้าถนัด” กุ่ยเม่ยบดบังนางจากสายตาของทหาร
“ถนัด แต่มันก็ไม่ได้แสดงออกสิ่งที่ข้าต้องการ แม้ว่าข้าจะไม่ทำ ก็ต้องมีคนอื่นทำ ข้าคิดทำเองดีกว่า” กู้อ้าวเวยพูดแล้วถอนหายใจเบาๆ นางตามกุ่ยเม่ยปีนขึ้นไปบนรถม้าที่รออยู่นานแล้ว
รถม้าถูกเคลื่อนออกอย่างช้าๆไปด้านหลังฝูงชน กู้อ้าวเวยฟังเสียงตะโกนของผู้คน กลับรู้สึกเป็นปกติโดยไม่ได้สนใจอะไร เพียงแต่นั่งอยู่ในรถม้ามองดูผู้คนที่ไม่ได้พบเห็นมานาน ยิ้มขึ้นมาจางๆ “นายท่านเห้อ เรื่องหลังจากนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
คนบนรถม้าคือเห้อจิ้นหล่างผู้ที่เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน
เห้อจิ้นหล่างก็เพิ่งจะมารู้เรื่องราวของกู้อ้าวเวยหลังจากกลับมาเมืองเทียนเหยียน เดิมทีคิดจะไปยังสุสานของนางสักหน่อย กลับคิดไม่ถึงว่ากุ่ยเม่ยจะมาหาในวันนั้น แล้วมอบกล่องไม้ให้กับมือของเขา บอกความจริงทุกอย่างกับเขา
และในวันนี้เป็นวันที่มีเสียงดังวุ่นวาย ได้มาพบกับกู้อ้าวเวยนับว่าเป็นเวลาที่ดีที่สุด
“วิชาแพทย์พวกนี้มีบางอย่างข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน เจ้า…”
“แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่สำคัญทั้งสิ้น” กู้อ้าวเวยขัดจังหวะเขา หยิบหยกแขวนที่อยู่ในแขนเสื้อออกมา ส่งมอบให้เห้อจิ้นหล่าง “นี่เป็นของทิงเฟิงเก๋อ ให้พวกเขาดูแลจัดการทุกอย่างให้เจ้า เรื่องนี้ทุกอย่างต้องทำในนามของเจ้ากับซู๋โหย่วเว่ย”
เห้อจิ้นหล่างรับหยกแขวนนั้น จ้องมองกู้อ้าวเวย “ข้าไปทำแน่นอน แต่ความเมตตาของหมอนั้น พวกเราไม่สามารถจะทำเพื่อองค์ชายสามเพียงคนเดียวได้”
“ยกให้ท่านแล้วขึ้นอยู่กับท่านตัดสินใจ” กู้อ้าวเวยผลักมือของเขาเบาๆ “ข้าเชื่อใจเจ้า”
พูดอยู่ครู่หนึ่ง เห้อจิ้นหล่างต้องรับหยกแขวนนี้มาอย่างระมัดระวัง แสดงว่าพวกเขาจะสามารถทำให้วิชาการแพทย์เหล่านี้ ส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรือง จากนั้นจึงจากไป
และเสียงของซ่านเซิ่งหานได้ดังมาจากด้านนอกของรถม้า “พวกเราจะต้องขับไล่พวกเขา! นำทุกอย่างที่ควรเป็นของพวกเราแคว้นชางหลานกลับมา!”
ช่วงเวลาต่อมา เสียงของฝูงชนเงียบเบาลง มองผ่านม่านของรถ กุ่ยเม่ยยังคงมองเห็นซ่านจินจื๋อออกจากฝูงชนที่กำลังห้อมล้อม
ในมือของกู้อ้าวเวย กลับมีเพียงเชือกถักที่กุ่ยเม่ยถักกับมืออยู่เพียงเส้นเดียว
“ไม่เลว” กู้อ้าวเวยยิ้มขึ้นมาเบาๆ วางเชือกถักนั้นไว้ในกระเป๋าที่เอว